บันทึกการติด COVID-19

เมื่อวันจันทร์ที่ 4 เมษายนที่ผ่านมาผมมีอาการเจ็บคอก็เลยลองตรวจ ATK ดูแล้วได้ผลเป็นลบ แต่ว่าอาการไม่หายและไอหนักๆ ผมรักษาตัวด้วยการกินยาแก้ไข้แก้ไอจนวันที่ 7 เมษายนก็ยังไม่หายดีก็เลยลองตรวจ ATK อีกที รอบแรกตรวจน้ำลายมีเส้นจางๆ ที่ T ตรวจครั้งที่สองแยงกวาดคอ+แยงจมูกเส้น T ชัดแจ๋ว แน่นอนว่าเกมแล้วครับ ติด COVID-19 แน่นอน

สิ่งแรกที่ทำคือโทรบอกที่บ้านแล้วพยายามจำกัดพื้นที่ของตัวเองไว้แค่ห้องนอนกับห้องทำงานที่อยู่ชั้นบน หลังจากนั้นก็ลองไล่ดู Mail กับ SMS ว่าซื้อประกันเจ้าไหนไว้ไหม พบว่าซื้อไว้เจ้าเดียวขอสินทรัพย์ประกันภัยที่แม่งเจ๊งเป็นเจ้าแรกเลย จบไป


ผล ATK


อาหารมื้อแรกที่รู้ตัวว่าติด COVID บอกไรเดอร์ว่าให้แขวนอาหารไว้แล้วรีบลงไปเอามากินในห้องทำงาน

พอตั้งตัวได้ก็โทรไปถาม 1330 เพราะว่าผมมีโรคประจำตัวอยู่ อาจจะเป็นผู้ป่วยสีเหลือง โทรติดง่ายกว่าที่คิด คุยกันแล้วพบว่าถ้าไม่ถึงขั้นฟอกไตก็ไม่นับ (อ้าว) น้ำหนักไม่เกิน 90 ก็ไม่นับ (เฮ้อ) ส่วนสิทธิพยาบาลผมอยู่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งที่ผมต้องถ่อไปหาเขาเองก่อน ลองปรึกษาที่บ้านแล้วก็คิดว่าไปโรงพยาบาลพญาไท 2 ที่มีประวัติรักษาตัวอยู่ล่ะกันว่าจะเอาไงเพราะว่า Walkin ได้ (ซึ่งภายหลังพบว่าโรงพยาบาลรัฐนั้นต้องนัดไปก่อนเท่านั้นและคิวยาวทะลุสงกรานต์ไปแล้วจ้า)

เมื่อไปถึงโรงพยาบาลก็พบว่ามีคนมาตรวจเพราะว่า ATK 2 ขีดมากกว่าที่คิด ผล X-RAY คือลงปอดนิดๆ (ไหนว่าโอมิครอนไม่ลงปอดไง) ส่วน RT-PCR นั้นเพิ่งโดนครั้งแรก ไม่เจ็บเท่าไหร่ มีทั้งกวาดปากกับแยงจมูก (เพิ่งรู้ว่าข้างเดียว) แต่วันนั้นยังพอมีความโชคดี (ในความโชคร้าย) เพราะหมอที่ลงตรวจวันนั้นเป็นหมอประจำผมพอดี สรุปว่าที่กินไม่ได้เลยคือฟ้าทะลายโจร ส่วนยาฟาวิกินได้ปกติ ก็ได้ยากลับมากินที่บ้านเพียบ ซึ่งเพิ่งมานั่งเสียใจทุกวันนี้ว่าทำไมไม่เอา Hospitel วะ (โรงพยาบาลไม่ถาม+เห็นป้ายตัวใหญ่ๆ ว่าต้องสำรองจ่ายก่อน) เรื่องการกักตัวต้องกัก 14 วันเพราะว่ามีเชื้อลงปอดครับ


มีฟาวิกับพวกยาตามอาการ


ยาฟาวิ กิน 9 เม็ด 2 ครั้งแล้วที่เหลือ 4 เม็ด เป็นยาที่กินยุ่งยากเพราะต้องห่างกัน 12 ชั่วโมงโดยประมาณ ผมเลยตั้ง Calendar ไว้วันละ 2 รอบเลย

อ้อ สำหรับเรื่อวัคซีนผมฉีดไป 3 เข็มเป็น AZ-AZ-Moderna โดยเข็มที่ 3 ฉีดเมื่อต้นเดือนมกราครับ นับดูก็สามเดือนพอดี

วันรุ่งขึ้นทางโรงพยาบาลก็โทรและ email มาแจ้งผล RT-PCR ว่าติดโควิดนะ ส่วนการ Home Isolation ของผมคือการแยก (กัก) ตัวเองมาอยู่แต่ในห้องตัวเองแล้วก็ห้องทำงานครับ โชคดีที่ห้องนอนกับห้องทำงานผมอยู่อีกชั้นของบ้าน เวลาพ่อแม่เอาอาหารเอาอะไรมาให้ก็วางบนบันไดแล้วผมมาหยิบเอง ของอะไรใช้บ่อยๆ เช่นกาต้มน้ำร้อน กาแฟ ช้อนส้อม (และที่ล้าง) ก็เอามาไว้ในห้องทำงานเลย


โต๊ะเก่าที่วางไว้ข้างๆ โต๊ะทำงาน ก็ใช้วางของได้


กาแฟสำเร็จรูป จริงๆ เป็นยี่ห้อ Maxim นะ


กาต้มน้ำ

อาหารก็เน้นเอาพวกง่ายๆ ใส่ถาดหลุม ผมกินเสร็จก็เอาถาดไปวาง ส่วนช้อนส้อมก็ล้างเอง


ข้าวต้ม


ชะอมไข่ น้ำพริก


ข้าวเช้า ขนมปังไข่ดาว

อาการของผมในช่วงวัน 4-5 วันแรกคือไอ เจ็บคอมาก ความดันที่พุ่งไประดับ 140/100 (โทรถามพยาบาลเขาบอกว่าปกติ…) มึนหัว เพลียและคัดจมูกแบบหายใจไม่ออกตลอดเวลา แต่ตัวก็ไม่ร้อนนะ อุณหภูมิร่างกายก็ 35-36 ปกติเลย วัด Oxygen ในเลือดก็ได้ค่า 97-99 ลองออกกำลังกายในห้องอยู่สองวันแรกก็เลิกล่ะเพราะเหนื่อยแบบหายใจไม่ทัน ช่วงวันที่ 11 เมษาอาการดีขึ้นแบบรู้สึกได้ แล้ววันที่ 12 เมษา (7 วัน) ก็กลับมาเจ็บคอใหม่ วันที่ 13 เมษา (8 วัน) ลองตรวจ ATK ดูอีกทีก็ยังขีดแดงจางๆ อยู่ ผล X-RAY ปอดก็ยังมีเชื้ออยู่นิดหน่อยเหมือนเดิม T^T

อาหารการกินที่เปลี่ยนมาใช้จาน/ชามแบบใช้แล้วทิ้งร่วมด้วย สะดวกสำหรับที่บ้านมากครับ

ของหวานส่วนใหญ่ก็เป็นผลไม้ตามฤดูกาล


กินกับกาแฟ…

ระหว่างเก็บตัวนั้นผมทำงานไปวันครึ่ง พอรายงานกับ HR ว่าติดโควิดก็โดนสั่งให้หยุดงานทันทีเลย โชคดีที่ช่วงนั้นงานเลยไม่ค่อยเข้ามา+เคลียร์งานตัวเองเสร็จแล้วก็เลยลาป่วย+สงกรานต์ยาวๆ ได้ กิจกรรมส่วนใหญ่ก็นอน อ่านหนังสือ ไถมือถือเล่น ดู Youtube ดูหนัง/อนิเมะ เขียน blog ไปเรื่อยเปื่อย จริงๆ ตั้งใจจะเล่นเกมให้จบแต่สุดท้ายก็เล่นไปนิดนึงแล้วก็เอาเวลาไปนอนมากกว่าครับ (เพราะเหนื่อย+ร้อน) กลางคืนก็รีบนอนไวๆ เอา


เปลี่ยนหม้อต้มน้ำไปแนว outdoor หน่อยๆ พอได้

เรื่องจิตใจก็จิตตกโดยเฉพาะในช่วงแรกๆ ที่อาการหนักครับ คือในหัวมีแต่คิดว่าทำไมถึงติด ติดมาจากไหนวะ ทำไมต้องเป็นเราวะ ทำไมต้องมาติดแหง่กอยู่บ้านร้อนๆ ทำนองนี้ ยิ่งพบว่าคนใกล้ตัวติดจากตัวเองด้วยก็ยิ่งแย่ แต่พออาการดีขึ้น ได้พักและได้กำลังใจจากเพื่อนๆ และคนรอบข้าง ส่วนคนใกล้ตัวไม่มีอาการอะไรเลย ผมก็ไม่ค่อยคิดมากแล้ว (คิดว่าแต่ละคนคงไม่เหมือนกัน)


มื้อหนัก


ดูมิลลิใน Coachella

วันที่ 17 เมษา (10 วัน) ผมไม่มีอาการอะไรแล้วนอกจากเจ็บคอนิดๆ ตรวจ ATK อีกทีผลไม่มีเส้นที่ T ล่ะครับ ผล X-RAY ปอดรอบสามก็ไม่มีเชื้อแล้ว เย้ ก็เหลือกักตัวอีก 4 วัน (เย้)


มื้อพิเศษให้รางวัลตัวเองหน่อย

ในระหว่างที่ติดพบว่ามีเพื่อน รุ่นพี่และรุ่นน้องติดกันเยอะพอประมาณเลย (ต่างที่ต่างเวลากันนะ) ก็ได้คุยปรับทุกข์กันบ้าง แต่การอยู่ในห้อง (สองห้อง) แบบออกไปไหนไม่ได้เลยก็หนักอยู่ เวลาเดินไปมาระหว่างสองห้องก็ต้องใส่ mask แล้วรีบเข้าอีกห้องเลย พยายามเลี่ยงไม่ใกล้ชิดไม่สัมผัสกับคนในครอบครัว ร้อนก็ร้อน ความรู้สึกถึงขังแบบนี้ทำใจลำบากอยู่ครับ


วิวที่สวยที่สุดที่เห็นอ่ะนะ


เพราะโควิดเลยได้รูปว่าในห้องตัวเองมีต้นนี่ด้วย…


ฟาวิแผงสุดท้ายยยยย

สำหรับอาการที่มียันวันสุดท้ายของกักตัวคือคัดจมูก, ไอและเจ็บคอกนิดๆ ครับ ที่น่าสนใจคือถึงชีวิตจะทำแค่กินกับนอนแต่ว่าน้ำหนักลดลงไป 1 กิโลกว่าๆ คงเพราะว่ากินขนมจุกจิกน้อยลงมาก


ยิ่งใกล้หายอาหารเริ่มอลัง


มีเค้ก มีกาแฟ (สั่งมาให้เขาวางไว้บนตู้จดหมายแล้วที่บ้านเอาขึ้นมาให้)

วันสุดท้ายที่ผมกักตัวคือวันที่ 20 เมษายน (14 วัน) ครับ ผมตรวจ ATK อีกทีไม่มีเส้น T แน่นอนแล้ว ผล X-ray ปอดก็สะอาดวันนั้นสภาพจิตใจดีสุดๆ ล่ะ

อาการหลังโควิดก็ยังมีเจ็บคอนิดๆ จนบัดนี้ กับรู้สึกระแวงหน่อยๆ เวลาต้องถอดหน้ากากกินข้าวกับคนอื่น ออกไปนอกบ้านมารอบนึงครับ ตรวจ ATK ทุกๆ 3-4 วันอยู่เหมือนกัน ระแวงจริง


อาหารมื้อสุดท้ายที่กักตัว

พอนึกย้อนกลับไปพบว่ากักตัวรอบนี้ยังดีกว่าสมัยนอนโรงพยาบาลปีก่อน (ครั้งที่ 1, ครั้งที่ 2) มากครับ เพราะอย่างน้อยก็ยังเดินไปมาสะดวกอยู่ อาหารกินได้เต็มที่ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือในช่วงกักตัวและติดโควิดคือสภาพจิตใจครับ กำลังใจจากครอบครัว เพื่อนๆ สำคัญมากและช่วยได้เยอะจริงๆ ส่วนที่บอกว่าโควิดตอนนี้อาการเหมือนไข้หวัดธรรมดานั้นผมว่าแม่งแรงอยู่นะ ขนาดผมวัคซีน 3 เข็มแล้วยังเป็นป่วยหนักอยู่ช่วง 7 วันแรกเลย (คงเพราะร่างกายผมอ่อนแอเพราะโรคประจำตัวด้วยมั้ง)

สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมด: 11,9xx บาท ซึ่งถ้าเลือกไป Hospitel ก็อาจจะเบิกประกันกลุ่มบริษัทได้ (โคตรเจ็บใจจจจจ)

ยังไงก็ขอให้สุขภาพแข็งแรง ใครติดก็ขอให้หายไวๆ ครับ

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.