ประชาธิปไตยแบบสงบ

ตั้งแต่เด็ก สิ่งที่ข่าวหรือผู้ใหญ่สอนเวลามีข่าวต่างประเทศให้ดูตัวอย่างประชาธิปไตยแบบประเทศเกาหลีใต้ ไต้หวัน (ใช่ครับผมนับไต้หวันเป็นประเทศ) ว่ามันวุ่นวายเพียงใด เอะอะก็ประท้วงๆ หรือมี สส ต่อยกันในสภางี้ ไม่มีความสงบร่มเย็น สู้แบบบ้านเราไม่ได้ ถ้อยทีถ้อยอาศัย เคารพเชื่อฟัง สงบ ไม่วุ่นวาย

ณ วันนี้ประเทศที่มีประชาธิปไตยที่วุ่นวายอย่างเกาหลีใต้และใต้หวันนั้นทั้งภาคสังคม เศรษฐกิจ การเมือง คุณภาพชีวิตประชากรเขานำหน้าเราไปไกลเป็นปีแสงแล้ว ส่วนไทยเราตอนนี้ถอยหลังไปไม่รู้กี่สิบปี (สัด มึง Tenet เหรอ)


เราก็ได้แต่ปลอบตัวเองว่าประเทศที่เจริญแล้วเหล่านั้นคนละบริบทกับเรา ประชาธิปไตยแบบไทยๆ นั้นไม่เหมือนที่อื่น ประเทศเราไม่เหมือนที่อื่นใดในโลก (ซึ่งความเชื่อนี้จริงๆ อเมริกาแม่งปลูกฝังให้เราอีก)

  • เรารักความสงบเรียบร้อยของสังคมจนไม่ยอมให้มีความเห็นต่างใดๆ เลย ถ้าคิดไม่เหมือนกันต้องกระซิบ คุยกันเบาๆ
  • เรารังเกียจการโต้แย้ง เราอยู่เป็นกันจนไม่รู้วิธีการถกเถียงกัน แค่พยายามจะอธิบายเหตุผลของตัวเองก็ผิดแล้ว
  • เราเกลียดการตั้งคำถาม เรามีแต่สิ่งที่ห้ามสงสัยมากมายเต็มไปหมดประเทศ
  • เราบอกว่าสังคมยังไม่พร้อม คนไทยยังไม่พร้อม แต่ตอบไม่ได้ว่าพร้อมคืออะไรและปฏิเสธที่จะรับรู้ด้วย
  • พอถึงจวนตัวก็บอกว่าประเทศพวกนั้นไม่เจริญทางจิตใจเท่าเราหรอก แบร่ๆ

พอโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ เห็นข่าวการประท้วงทั้งพันธมิตร, นปช, นกหวีด, กปปสจนมาถึงม็อบกลุ่มประชาชนปลดแอกในปัจจุบัน (ส่วนพฤษภาทมิฬ 2535 นั่นทันแต่ยังเด็กอยู่มาก) เราก็สังเกตุได้ว่าสังคมเลือกด่าการประท้วงเฉพาะอันเท่านั้น ส่วนการชุนนุมของพันธมิตร, การปิดสนามบินหรือการชัตดาวน์กรุงเทพของ กปปส นั้นเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ใช่ความวุ่นวายใดๆ มันคือการประท้วงโดยสงบ ถึงบีบคอคนเข้าคูหาเลือกตั้งนั่นก็ถูกต้องตามครรลองไทย

นึกไปนึกมาก็ได้ข้อสรุปว่าความสงบที่เขาต้องการคือการสมยอม อยู่เงียบๆ ห้ามสงสัยและทำตามคำสั่งผู้มีอำนาจกลุ่มหนึ่งที่เราบอกตัวเองทุกวันว่าเป็นคนดีๆ เท่านั้นแหละ

ป.ล. รูปประกอบจากงาน ‘Act สิ Art-ศิลปะที่จะไม่ทน’ ถึงจะไม่เกี่ยวกับเนื้อหา blog โดยตรงแต่ก็เกี่ยวแบบอ้อมๆ แหละนะ

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.