สะพายกล้องเที่ยวฮ่องกง 2017 #1: สวัสดีฮ่องกง

Entry Series นี้เป็น Series แยกจาก entry พาตะลุยกินแหลกล้างฮ่องกง 2017 ครับ คืออันนี้จะเป็นการเก็บบรรยากาศ, ที่เที่ยวและที่ถ่ายรูปพวก landmark ของทริปฮ่องกงเมื่อปีที่แล้วมา ส่วนเรื่องพากินก็แนะนำให้อ่าน entry ข้างบนละกัน

ขาไปผมกะพรรคพวกนั่งสายการบิน Emirates จากสนามบินสุวรรณภูมิไปเช่นเดิมครับ ขาไปคนเต็มเครื่องเลย รอบนี้ได้ใครรุ่นใหม่กว่าทริปปี 2016 ทีวีในเครื่องกดง่ายสะดวกกว่าเยอะเลย


พักแป๊บ


ดูปริมาณคนใช้ที่ชาร์จ

ผมนั่งเครื่องบินไปอย่างมีความสุขไปถึงสนามบิน Hong Kong International Airport (Chek Lap Kok Airport – 赤鱲角機場) ตอนหัวค่ำ ที่ ต.ม. คนเยอะมากๆ รอบนี้ก็ยังคงนั่ง Airport Express เข้าเมืองด้วยตั๋ว Airport Express Travel Pass เช่นเดิม (และใช้มันเดินทางตลอดในฮ่องกงด้วย) ผมใช้วิธีซื้อตั๋วล่วงหน้า พอไปถึงสถานี Airport ตอนแรกจะยื่นใบที่ print ออกมาเพื่อรับตั๋ว แต่เขาไล่ให้ขึ้นรถไปก่อนเลย แล้วค่อยไปรับบัตรที่สถานี Hong Kong Station เอา ออกมาพวกเราก็นั่ง free shutter bus จาก สถานี Hong Kong Station ไป Yau Ma Tei เข้าที่พัก Hi Inn @Nathan Road ครับ วันแรกไม่ได้ทำอะไรมาก เดินเล่นกับกินมันแถวๆ ย่านที่พักนั่นแหละแล้วค่อยกลับมาพักผ่อนกัน




ร้านอาหารย่าน Temple Street Market

วันที่สองพวกเราตื่นแต่เช้าเพื่อไปกินข้าวเช้าที่ย่าน Sheung Wan แต่เช้ามืด แล้วก็ไปขึ้น Peak Tram เพื่อขึ้นไป Victoria Peak ยามเช้ากันต่อครับ เช้าๆ คนน้อย แถว Tram โล่งมาก อากาศก็ดี เป็นการมา The Peak ในช่วงเวลาที่ไม่เคยมาก่อน แปลกไปอีกแบบ ชมวิวเสร็จก็ลองเดินขึ้นไปสวนสาธารณะด้านบนดู ทางขึ้นไม่ชันมาก เดินเหนื่อยนิดๆ แต่ขึ้นไปแล้วไม่มีอะไรเท่าไหร่ มีแต่ฝรั่งพาลูกมาพักผ่อนแทบไม่เห็นคนจีนเลย


ออกกำลังกายยามเช้า


ตึกย่าน Central

นัั่งพักจนหายเหนื่อยก็ไปกันต่อครับ ลงจาก The Peak มาแล้วพวกเราก็ไปที่ IFC Mall กันต่อเพื่อไปบูชาร้าน Apple Store และ iPhone 8/8+ ที่ตอนนั้นเพิ่งออกและราคาถูกกว่าที่ Singapore มากๆ บูชาเสร็จก็ไป Causeway Bay ( 銅鑼灣) แล้วนั่งรถรางไปหาอะไรกินกลางวันที่ย่าน Happy Valley ครับ

กินข้าวเสร็จก็เป็นเวลาอิสระแยกกันเที่ยวครับ ผมเลือกที่จะไปพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมฮ่องกง Hong Kong Heritage Museum (香港文化博物館) เพื่อไปชมนิทรรศการของกิมย้งและบรู๊ซ ลี ตามรีวิวที่เวบ 2baht ครับ พิพิธภัณฑ์อยู่ใกล้ๆ สถานี MTR Che Kung Temple ที่อยู่โคตรรรไกล ต้องเปลี่ยนรถสองรอบ ได้นั่งรถไฟแบบรถไฟจริงๆ ด้วยซึ่งติดแอร์ทั้งคันและมาถี่มากๆ มีตั๋วแบบ first class ที่การันตีว่าได้นั่งและตั๋วธรรมดาที่ต้องไปเบียดๆ กันด้วย

ตัวพิพิธภัณฑ์นั้นออกจากสถานี เดินข้าม bike lane กับคลองแล้วเดินต่อไปแป๊บเดียวก็ถึงครับ วันที่ผมไปพิพิธภัณฑ์เข้าฟรี!! มีหลายโซนเลยล่ะ ส่วนนิทรรศการกิมย้งนั้นถ่ายรูปได้ \ w / (ถามเจ้าหน้าที่มาแล้ว) ส่วนของบรู๊ซลีนั้นถ่ายไม่ได้เลย งานนิทรรศการกิมย้งเป็นการรวบรวมผลงานของกิมย้งทุกเรื่องและทุกรูปแบบที่รับการดัดแปลงครับ รวมตั้งแต่ version แรกยันล่าสุด มีทุกภาษาด้วย มีรายละเอียดครบเลย ส่วนนิทรรศการบรู๊ซลีก็เป็นการเล่าประวัติและผลงานของบรู๊ซลีในทุกเรื่องตั้งแต่สมัยเป็นดาราเด็ก, ดาราวัยรุ่นจนมาถึงเป็นดาราบู๊ชื่อดังและเป็นปรมาจารย์ศิลปะป้องกันตัว Jeet Kune Do มีรายละเอียดครบทุกเรื่องจริงๆ แต่เสียดายที่จัดแบบไม่ค่อยเรียงลำดับชัดเจนตั้งแต่ต้นจนจบเท่าไหร่นักและถ่ายรูปไม่ได้ แต่ก็คุ้มโคตรๆ ที่มาดูอยู่ดี ผมเดินดูโซนอื่นอยู่ได้พักนึงก็ต้องรีบออกมา เพราะตั้งใจจะไปถ่ายรูปตึก Fok Cheong Building ต่อ


มังกรหยกภาคแรก


แปดเทพอสูรมังกรฟ้า


ถ่ายนิทรรศการบรู๊ซลีมาได้รูปเดียว ฮาา


วงหมากรุก

ตึก Fok Cheong Building นั้นอยู่ไกลออกไปอีกด้านครับ วิธีการไปที่ใกล้ที่สุดคือไปสถานี MTR Tai Koo แล้วเดินต่อเอา เจ้า Fok Cheong Building นี้คือแฟลตในย่านที่อยู่อาศัย Quarry Bay ที่มีคนอาศัยอยู่ในแฟลตจริงๆ เหตุผลที่ตึกนี้มันดังคือภาพมุมเงยของตึกในช่วง blue hour ที่ถ่ายมาจากพื้นที่ตรงกลางแฟลตมันจะตัดกับภาพไฟของแต่ละห้องในแฟลตแล้วสวยมาก มันเลยเป็นสถานที่ถ่ายภาพที่คนฮิตไปกัน วันที่ผมไปนี่ก็เจอทั้งแก็งค์ทริปถ่ายรูปนานาชาติ, นักท่องเที่ยวไทย, จีน, ญี่ปุ่นเพียบ มุมที่ถ่ายรูปของแฟลต Fok Cheong คือพื้นที่ตรงกลางระหว่างอาคารของแฟลตซึ่งจะมีอยู่ 2 จุด ภาพที่ได้ไม่ต่างกันมากแต่จุดดัง (ตึกแรก) คนจะเยอะ เรื่องความปลอดภัยเท่าที่ผมไปก็ปลอดภัยดีครับ

ผมไปรอตั้งแต่ 5 โมงครึ่งจนกระทั่งช่วง Golden Hour, Blue Hour เพื่อจะได้ไม่พลาดช่วงเวลาที่ถูกต้องครับ แต่พลาดไปอย่างเดียวคือชาวแฟลตนั้นกลับบ้านช้าในหน้าหนาวแฟลตก็เลยมืดๆ แถมหน้าหนาวท้องฟ้าก็ไม่แดงสะใจเหมือนหน้าร้อน (ซึ่งชาวแฟลตจะกลับบ้านกันเร็วด้วย) สรุปรอถึงทุ่มกว่าจนพวกที่รอถ่ายรูปกลับไปหมดแล้ว ส่วนฝรั่งที่วางขาตั้งกล้องข้างๆ ผมก็บ่นว่าทำไมชาวแฟลตแม่งไม่เปิดไฟ (วะ) แล้วหันหน้ามาหัวเราะกับผมแล้วก็กลับไปก่อนเช่นกัน ผมเองสักทุ่มกว่าๆ เกือบครึ่งก็กลับเพราะว่าหิวจนทนไม่ไหวล่ะ ก็ได้รูปเท่าที่พอใจมาประมาณนี้ครับ


มุมนี้แหละที่หวัง แต่ไฟไม่ให้จริงๆ

ข้อควรระวังของการถ่ายรูปที่ตึก Fok Cheong มันเป็นที่อยู่อาศัยจริงๆ (คนไทยเพียบอ่ะ) ก็พยายามรบกวนผู้อยู่อาศัยเขาให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็แล้วกันครับ ที่พลาดอีกอย่างคือผมเอาเลนส์กว้างสุดแค่ 24มม ไปกับมีแต่ขาตั้งกล้องเล็ก (Manfrotto Pixi Evo) มันก็เลยยังกว้างไม่พอและหามุมถ่ายยากหน่อย พอออกมาผมก็บึ่งไปกินร้าน Tim Ho Wan ที่ย่าน North Point ต่อเลย อิ่มอร่อยไปอีกมื้อให้หายอยากกับที่รอถ่ายรูปครับ

ก็ขอตัดจบตอนแรกไว้แค่นี้ก่อนครับ ตอนหน้าจะพาไปนั่งเรือข้ามฟากตอนกลางคืนและพาไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์อื่นๆ ในฮ่องกงครับ

Link:
สรุปทริปกินแหลกล้างฮ่องกง 2017
– รีวิวร้านอาหาร: ตอนที่ 1, ตอนที่ 2, ตอนที่ 3

2 thoughts on “สะพายกล้องเที่ยวฮ่องกง 2017 #1: สวัสดีฮ่องกง

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.