บันทึก 16 ตุลาคม 2563

จริงๆ ควรจะบันทึกอะไรสักอย่างตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 แล้ว แต่คืนนั้นไฟแม่งดับทั้งซอยตั้งแต่ 4 ทุ่มครึ่งถึงตีหนึ่งเลยไม่เขียนอะไรมันล่ะ วันที่ 17 ก็เหนื่อยจนเขียนไม่เสร็จ

ออกตัวก่อนว่าผมไม่ได้ไปเข้าร่วมการชุมนุมแต่อย่างใด ผมได้แต่นั่งเฝ้าบรรยากาศอยู่หน้าจอ ผมทำได้แต่ทักเพื่อนๆ ที่ไปร่วมว่ากลับหรือยัง ปลอดภัยไหม อยู่ไหนแล้ว ซึ่งโชคดีที่เพื่อนๆ ผมทุกคนออกมาก่อนเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม แต่น้องๆ หลายคนไม่ได้โชคดีแบบนั้น


ภาพประกอบจากสำนักข่าว Reuters โดย @soezeya

ผมเชียร์การชุมนุมของคนรุ่นใหม่มาตั้งแต่ต้น ทุกครั้งของการชุมนุมแม้จะมีมุกที่กวนตีนรัฐบาลและผู้มีอำนาจรวมไปถึงการตะโกนด่าระบายความในใจ แต่ก็ไม่ได้มีความรุนแรง จนกระทั่งการมาของกลุ่มเสื้อเหลืองและเหตุการณ์วันที่ 14ที่เกิดความรุนแรงไปถึงจุดขีดสุดในวันที่ 16 ตุลา

วันนั้นผมเหนื่อยกับการไปหาหมอทั้งวัน เหนื่อยกับฝน แต่ภาพที่ผมเห็นทำให้ผมหดหู่ที่ช่วยเหลือน้องๆ และเด็กๆ ไม่ได้เลย และยังทำให้ผมโกรธที่สุด โกรธที่ผู้มีอำนาจและผู้สมยอมต่ออำนาจไม่เหลือความเป็นมนุษย์ใดๆ นอกจากทำตามคำสั่งและสนุกกับการทำร้ายประชาชนที่ไม่มีทางสู้ ประชาชนที่เรียกร้องสันติภาพอย่างสันติ ผมดูจนปวดหัว ปวดใจ ปวดร้าว


ภาพประกอบจากสำนักข่าว Reuters โดย @soezeya

ประเทศนี้แม่งมาถึงจุดที่ย้อนกลับไม่ได้อีกรอบแล้ว


รูปประกอบจาก #มิตรสหายท่านหนึ่ง

ผมทำช่วยเหลืออะไรเด็กๆ ที่หน้างานไม่ได้ ผมทำได้แต่ส่งข่าวความจริงเกี่ยวกับความรุนแรงที่รัฐกระทำต่อประชาชนออกไปให้โลกเห็น ผมทำได้เพียงต่อท่อน้ำเลี้ยงเล็กๆ น้อยๆ ให้กับกลุ่มผู้ใฝ่หาเสรีภาพ ผมทำได้แค่ช่วยให้เหตุการณ์ในวันนี้ไม่ถูกลืมและได้รับการเล่าต่อสู่คนรุ่นหลัง

ผมขอประนามผู้มีอำนาจทุกคนทุกระดับที่มีส่วนร่วมกับการใช้กำลังกับผู้ชุมนุม และขอให้คนที่โดนจับได้รับการปล่อยตัวโดยไว

เผด็จการจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ


รูปประกอบจาก #มิตรสหายท่านหนึ่ง

Reference:
#16ตุลาไปแยกปทุมวัน
Thai police use water cannons on defiant protesters
#16ตุลาไปแยกปทุมวัน ตำรวจสลายการชุมนุม ฉีดน้ำผสมแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุม
ชมคลิป: นาทีสลายการชุมนุมแยกปทุมวัน
ชั่วโมงแห่งความโกลาหล ประมวลภาพตำรวจสลายการชุมนุม #16ตุลาไปแยกปทุมวัน
นาทีสลายการชุมนุม #16ตุลาไปแยกปทุมวัน

ป.ล. ไว้ตอนหน้าจะเขียนเรื่อง “Generation ตาสว่าง” ที่จะเกิดหลังจากนี้

ประชาธิปไตยแบบสงบ

ตั้งแต่เด็ก สิ่งที่ข่าวหรือผู้ใหญ่สอนเวลามีข่าวต่างประเทศให้ดูตัวอย่างประชาธิปไตยแบบประเทศเกาหลีใต้ ไต้หวัน (ใช่ครับผมนับไต้หวันเป็นประเทศ) ว่ามันวุ่นวายเพียงใด เอะอะก็ประท้วงๆ หรือมี สส ต่อยกันในสภางี้ ไม่มีความสงบร่มเย็น สู้แบบบ้านเราไม่ได้ ถ้อยทีถ้อยอาศัย เคารพเชื่อฟัง สงบ ไม่วุ่นวาย

ณ วันนี้ประเทศที่มีประชาธิปไตยที่วุ่นวายอย่างเกาหลีใต้และใต้หวันนั้นทั้งภาคสังคม เศรษฐกิจ การเมือง คุณภาพชีวิตประชากรเขานำหน้าเราไปไกลเป็นปีแสงแล้ว ส่วนไทยเราตอนนี้ถอยหลังไปไม่รู้กี่สิบปี (สัด มึง Tenet เหรอ)


Continue reading “ประชาธิปไตยแบบสงบ”

ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี

ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี การเมืองไทยภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา 2491-2500 เป็นหนังสือเล่มที่ 5 ในชุด “สยามพากษ์” เล่มแรกที่ผมอ่าน จะว่าไปมันคือหนังสือเล่มแรกของสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกันเล่มแรกที่ผมอ่านจบด้วย มิตรสหายท่านหนึ่งที่มีความคิดทางการเมืองค่อนข้างไปทางเดียวกับผมอ่านจบแล้วบอกผมว่า “สนุกกว่า Game of Thrones อีก” จะว่าไปแค่คำนำเสนอที่เขียนโดยอาจารย์ธงชัย วินิจจะกูลที่บอกว่ามีความพยายามจะเซ็นเซอร์วิทยานิพนธ์เรื่องนี้ก็การันตีความมันและความเข้มข้นของเนื้อหาเล่มนี้แล้วครับ (อ่านคำนำเสนอในได้ link ของสำนักพิมพ์)

ในปัจจุบันนี้เราอาจจะเคยได้ยินข่าวลือ คำพูดที่ว่าอเมริกาอยู่เบื้องหลังนักการเมืองไทยฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตย อยู่เบื้องหลังโน่นนั่นนี่ หนังสือเล่มนี้จะเล่าประวัติศาสตร์การเมืองไทยในอีกแง่มุมที่ว่าจริงๆ แล้วอเมริกานั้นอยู่เบื้องหลังการเมืองไทยมานานมากๆ แล้ว ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองเลยด้วยซ้ำ ทั้งอยู่เบื้องหลัง, เป็นมันสมอง, คอย lobby ประเทศอื่นรอบข้างและให้ทั้งเงินกับอาวุธสนับสนุนทุกฝ่ายการเมือง (ย้ำว่า “ทุกฝ่าย”) แม้แต่ฝ่ายที่คุณไม่กล้าคิดไปถึงเพื่อวัตถุประสงค์เดียวคือให้ไทยเป็นป้อมปราการต่อต้านคอมมิวนิสต์ในภูมิภาคนี้
Continue reading “ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี”