The Sandman

The Sandman เป็น Series บน Netflix แนว drama fantasy ที่สร้างจาก comic The Sandman ผลงานของนักเขียนนิยายชือดังอย่าง Neil Gaiman ที่หลายคนอาจจะคุ้นชื่อของเขาจากนิยายแนวแฟนตาซีอย่าง Stardust, American Gods หรือ Coraline และอีกบานเบอะครับ หลายเรื่องได้รับการดัดแปลงเป็นหนังหรือ Series ด้วย

การดัดแปลง The Sandman ออกมาเป็น live action นั้นล้มลุกคลุกคลานมาตั้งแต่ปี 1990 โน่นเลย (จนตัวละครอื่นในเรื่องอย่าง Lucifer มี tv series ของตัวเองไปก่อนแล้ว) เปลี่ยนมือเปลี่ยนทุนไปมาหลายรอบจนสุดท้ายได้ Netflix มาลงทุนให้ (ขนาด HBO ของ Warner เองยังถอยเพราะสู้ทุนไม่ไหว) ในปี 2019 รอบนี้ยังได้เฮีย Gaiman กับ David S. Goyer และ Allan Heinberg ซึ่งเป็นมือเก๋ามาร่วมสร้างด้วยอีกต่างหาก จน Series เพิ่งฉายต้นเดือนสิงหานี้เองครับ


ภาพประกอบจาก imdb

The Sandman เล่าเรื่องราวของ Dream (aka Morpheus) ผู้เป็นตัวตนของความฝัน (embodiment – ผมนึกคำแปลอื่นไม่ออกเหมือนกัน) เขาเป็นพี่อันดับสามในพี่น้อง Endless ผู้เป็นตัวตนของธรรรมชาติด้านต่างๆ ของสิ่งมีชีวิตอันประกอบด้วยโชคชะตา (Destiny), ความตาย (Death), ความฝัน (Dream), ความวินาศ (Destruction), ความปรารถนา (Desire) กับฝาแฝด ความสิ้นหวัง (Despair) และความคุ้มคลั่ง (Delirium) พวกเขาอยู่มาตั้งแต่สิ่งมีชีวิตแรกอุบัติขึ้นในจักรวาลและมีพลังระดับต้นๆ ของจักรวาลเลยครับ (สูงกว่าเทพเจ้าอ่ะ)

เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อ Dream มาตามล่าฝันร้ายในโลกมนุษย์แล้วพลาดท่าถูกพ่อมดกิ๊กก๊อกขังเอาไว้ 100 กว่าปีเพราะนึกว่าเขาคือ Death ในระหว่างที่เขาโดนขังการนอนและความฝันของสิ่งมีชีวิตในโลกปั่นป่วนไปหมด เมื่อเขาหนีออกมาได้เขาต้องออกเดินทางไปโลกต่างๆ เพื่อฟื้นฟูพลังมากอบกู้อาณาจักรแห่งความฝันและหยุดความฉิบหายที่เกิดขึ้นครับ

Series นี้มี 11 ตอน เนื้อเรื่องหลัก 10 ตอนครอบคลุมเนื้อหาเล่ม 1-8 (Preludes & Nocturnes) กับเล่ม 9-16 (The Doll’s House) แถมด้วยโบนัสกับบางส่วนของเล่ม 17-20 (Dream Country) เป็นโบนัส 1 ตอน การมีเนื้อเรื่อง 2 part ปนกันใน series เดียวอาจจะดูไม่ต่อเนื่องกันบ้างแต่ก็มีตอนคั่นเพื่อ reset อารมณ์อยู่แล้วครับ


น้องงงง – ภาพจาก Facebook Netflix ประเทศไทย

  • ออกตัวก่อนว่าผมเป็นแฟนหนังสือของ Neil Gaiman อยู่แล้ว ชอบสไตล์และเนื้อเรื่องของแกมากๆ ตามอ่านหลายเล่มอยู่แต่ยังไม่เคยอ่าน Comic The Sandman นี้เลยเพราะมันหลายเล่มเหลือเกิน พอดู live action นี้แล้วพบว่ามันถ่ายทอดสไตล์ Gaiman ออกมาได้ดีมากๆ มันคงความเป็น Dark Fantasy + World Setting เทพปกรณัมที่ทับซ้อนอยู่ในโลกเรา เปิดเผยด้านมืดของมนุษย์ ให้ความรู้สึกเหมือนตอนอ่านนิยายของแกแป๊ะๆ ดูสนุกติดพันมากๆ เรียกได้ว่าสเน่ห์ของนิยายแกมาครบถ้วนเลย
  • ตอนที่ชอบเป็นพิเศษคือตอน 5 “24/7” ซึ่งดัดแปลงจากเล่ม 6 (ตอน “24 Hours”) ซึ่งนับว่าเป็น Comic ที่เขย่าขวัญมากที่สุดเล่มนึงเลย ตอนนี้ดูแล้วโคตรน่ากลัว มันบิ้วความสยองขวัญ สั่นประสาทได้ดีมากๆ ดูแล้วโคตรน่ากลัว
  • อีกตอบที่ชอบคือตอน 6 “The Sound of Her Wings” ที่เป็นตอนพักและแนะนำให้เรารู้จัก Death ครับ มันทำให้เราเห็นอีกมุมนึงของ Dream ได้ดีเลย
  • เหล่าตัวละคร Endless ก็เป็นกลุ่มตัวละครที่น่าสนใจ แต่ละตนแทนแง่มุมและความรู้สึกต่างๆ ของสิ่งมีชีวิต ในเรื่องทรงพลังมากแต่ก็ไม่ OP เกินไปเพราะว่ามีกฏมีระเบียบและเงื่อนไขในการใช้พลังที่จำกัดอยู่ (ตามสไตล์งานแกแหละ) แต่ว่านอกจากหน้าที่ที่ต้องทำแล้วแต่ละตนก็มีความรู้สึกนึกคิดของตัวเองอยู่ มันเลยดูสีเทาๆ กันหมดครับ นักแสดงก็เล่นดีทุกท่าน character development ก็ดี
  • เรื่องการเปลี่ยนเพศ เปลี่ยนเชื้อชาติตัวละครนี่ผมก็ไม่ติดอะไรเพราะยังไงเฮีย Gaiman แกตัดสินใจมาเองอยู่แล้ว ตอนดูก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรติดขัดหรือไม่เข้ากับเนื้อเรื่องแต่อย่างใด ดูเพลินเหมือนเดิมครับ Gwendoline Christie ผู้รับบท Lucifer แสดงดีจริง

สรุปแล้วถ้าเป็นแฟนหนังสือ Neil Gaiman อยู่แล้วก็คงไม่พลาดเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ถ้าใครอยากลองเริ่มต้นดูงานของแกเรื่องนี้ก็เหมาะเลยครับ World Setting ไม่ยากเกินไปนัก ดูเพลินๆ มีตอนโชว์ของ ตอนเบาๆ สลับกันไปไม่ให้เบื่อเลย

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.