สะพายกล้องเที่ยวทิพย์ยุโรป: ตอนที่ 5.2 สวัสดี Antwerp

ต่อจากตอนที่แล้วนะครับ พวกเรานั่งรถไฟข้ามประเทศจาก Netherlands ไป Belgium กัน เป็นการนั่งรถไฟข้ามประเทศครั้งแรกของผมด้วย เนียนกริบครับ อารมณ์เหมือนนั่งรถไฟข้ามเมืองปกตินี่แหละ ไม่มีหยุดตรวจรถตรวจ Passport อะไร มีแค่เจ้าหน้าที่เดินตรวจตั๋วบนรถแค่นั้นเอง


บรรยากาศเมือง Antwerp

พวกเราถึงเมือง Antwerp ตอน 5 โมงเย็น ตัวสถานีรถไฟ Antwerpen-Centraal railway station สวยมากก ได้บรรยากาศปราสาทยุโรปโบราณแบบอลังๆ ให้ความรู้สึกคนละอย่างกับเมือง Rotterdam เลย อ้อ ตอนออกจากรถไฟ ออกจากสถานีก็ไม่มีตรวจ Passport อะไรนะ เนียน


สวย

เสร็จแล้วพวกผมนั่งรถ Tram ไปเข้าห้องพัก AirBnB ที่ติดต่อไว้ครับ ซื้อตั๋วกับคนขับได้เลย ส่วนห้องพักเป็นห้องอยู่ในกลางเมืองเลย ห้องสวยอลังการมาก ดีทุกอย่างยกเว้นเปิดหน้าต่างระเบียงไม่ได้ พยายามให้ตายยังไงก็เปิดไม่ได้จนยอมแพ้ครับ พักกับสู้ประตูระเบียงสักพักพอหายเหนื่อยก็ออกมาเดินเที่ยวเมืองกัน



ตัวเมือง Antwerp ย่านที่ผมอยู่เป็นสถาปัตยกรรมยุคกลาง สวยๆ คล้ายๆ Amsterdam ที่ในตึกสวยๆ โบราณพอกัน แต่ Antwerp สะอาดกว่าเยอะครับ


คือตึกภายนอกดูโบราณ แต่ด้านในดูใหม่มากนัก

ที่แรกผมกับ @processic ตอนแรกตั้งใจจะไปดูปราสาทโบราณตรงริมน้ำ แต่สุดท้ายพอไปถึงมันปิดซะงั้น

พวกเราเลยเปลี่ยนใจเดินไปจตุรัสกลางเมืองที่ประกอบไปด้วยย่าน Grote Markt, Antwerp City Hall, Cathedral of Our Lady ครับ

จตุรัส Grote Markt นี่ได้ความรู้สึกเป็นจตุรัสกลางเมืองจริงๆ คือมีทั้งอาคารสำคัญๆ โบสถ์ ร้านค้า ที่ว่างๆ ให้คนมาเดินเล่น ทำกิจกรรม อาคารโดยรอบก็สวยออกไปทางเดียวกันหมด ทั้งๆ ที่พื้นที่มันไม่กว้างมากแต่รู้สึกอลังการดีครับ อิจฉาบ้านเขาจริงๆ


Cathedral of Our Lady ใหญ่โตมากระดับอยู่มุมไหนของจตุรัสก็มองเห็น


แต่ City Hall ปิดซ่อมเหมือนกัน โฮ


อันนี้คือ Brabo Fountain ที่เล่าเรื่องราวของทหารชื่อ Brabo ตัดมือยักษ์ชื่อ Druon แล้วขว้างลงแม่น้ำ ซึ่งชื่อเมือง Antwerp/Antwerpen ก็มาจากศัพท์ภาษา Ducth ว่า “ขว้างมือ” – “(h)ant”(hand) กับ “werpen” (launch) นี่เอง


เด็กชายกับน้องหมาที่อ้างอิงจากนิทานเรื่อง A Dog of Flanders เรื่องเศร้ามาก


Cathedral of Our Lady ยามค่ำคืน ไฟสวยมาก

รอบๆ Grote Market มีร้านอาหารให้เลือกเยอะครับ คนก็นั่งกินกันชิลๆ ทั้งร้านหรู ทั้งร้านเฮฮา

ยิ่งดึกจตุรัสนี้ยิ่งสวย คือการจัดแสงไฟ ฟ้าสีน้ำเงินมันเข้ากับตึกยุคกลางที่รักษาไว้ได้เป็นอย่างดีเลย

วันนั้นลุง @thanr แกนัดเพื่อนแกที่ชื่อ Vincent ไว้ พี่แกคุยสนุกมากกก ตลก ทักทายแล้วก็ไปกินข้าวกันที่ร้าน Meat Factory ผมสั่งเสต็กเนื้อม้าไป กินง่ายดี ไม่สาป ชอบๆ กินกับไวน์แดงยิ่งเข้ากัน

กินข้าวเสร็จ Vincent ก็พาเดินชมเมืองยามค่ำคืนกันสักครู่ อากาศดีมากๆ ครับ


Peter Paul Rubens Statue

ส่วนตัวเมืองพอกลางคืนแล้วก็เงียบๆ ดีครับ ส่วนโซนจตุรัสยังคึกคักนะ

พอเดินกันจนเหนื่อยก็แวะเติมพลังกันที่ร้าน De Muze ซึ่งเป็น Jazz Pub แถวๆ นั้นครับ เพลง Jazz ที่เล่นกันในผับก็เป็นแนวทดลองซะด้วย จิบน้ำไปฟังดนตรีไป นัวสุดๆ

ตอนแรกจะกินเบียร์ยี่ห้อนึง แต่ Vicent แกทักว่าเบียร์หวาน จะลองเหรอ ผมเลยลองตัวนี้ จบที่ตา Vicent สั่งเบียร์อันนั้นเองแล้วบอกว่าอร่อยมาก แม่งกลายเป็นตราบาปผมเลยว่าอดกิน

หลังจากนี้พวกเราไปเดินต่อริมแม่น้ำกัน ก็สงบดีแต่วิวงั้นๆ แหละ (ตอนเย็นน่าจะสวยกว่า) แล้วเข้าอีกร้านนึงแต่เขาจะปิดแล้วเลยได้แต่สั่ง Cola มากินแก้หิวน้ำ แล้วก็เดินกลับที่พักแบบชิลๆ ครับ แต่หัวถึงหมอนแล้วหลับวูบเลยเหมือนกัน เหนื่อยมาก

ก็ขอจบ Entry เมือง Antwerp ยามค่ำคืนไว้เท่านี้นะครับ เป็น 1 วันที่ได้เที่ยวทั้งสองประเทศ สองเมืองที่ต่างกันสุดขั้วเลย ได้นั่งรถไฟข้ามประเทศด้วย เมือง Antwerp นี่เป็นเมืองที่สวยมาก ถึงจะเดินแค่จตุรัสเดียวแต่ก็รู้สึกว่าไม่เบื่อเลย ไว้ตอนหน้าจะพาเดินเมืองนี้ยามเช้าดูบ้างครับ

Link:
สรุปทริป Netherlands, Belgium, France, Vietnam 2018

2 thoughts on “สะพายกล้องเที่ยวทิพย์ยุโรป: ตอนที่ 5.2 สวัสดี Antwerp

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.