สะพายกล้องเที่ยว Leh #2: พาเดิน Trekking ที่ Leh

ต่อจากตอนที่แล้วนะครับ เรานั่งรถไปวัด Thiksey Monasteryกันต่อครับ วัดนี้เป็นวัดใหญ่ (มาก) และวิวจากวัดนี้ก็สวยมากๆ เช่นกัน ตอนไปคนก็น้อยด้วย เดินถ่ายรูปสบายๆ เลย


วัด Thiksey จากมุมไกลครับ


วิวระหว่างทาง


หนึ่งในพาหนะเช่ายอดนิยมของ Leh คือมอไซค์นี่แหละครับ


หลวงพี่



โนแฟลชนาจา


วิวภูเขาจากวัด


ส่งท้ายด้วยห้องน้ำที่วิวสวยที่สุดในโลก

แล้วคนขับก็พาเราไปกินข้าวกลางวัน (ตอนนั้นเกือบๆ 4 โมงได้) ร้านอยู่ชั้นสองของอาคารที่ยังดูก่อสร้างไม่เสร็จ แต่ข้างในหรูหรามาก เป็นมื้อที่แพงที่สุดเช่นกัน!!! กินเสร็จก็ไปเดินตลาดนิดหน่อย ซื้อพวกหมวก ถุงมือ ถุงเท้ากันหนาว (ถูกและดีมากกก) แล้วกลับที่พักครับ วันนั้นคุยกับหัวหน้าทัวร์เขาบอกว่าปกติเนี่ย Leh จะมีฤดูท่องเที่ยวประมาณ 6 เดือนแล้วจากนั้นจะเข้าช่วงฤดูหนาวคนจะไปที่อื่นกัน ช่วงเมษาที่เราไปกันเนี่ยคือช่วงท้ายๆ ของฤดูหนาวพอดี คนก็เลยน้อยๆ ปกติเดือนเมษาจะไม่มีหิมะตกแล้ว แต่ช่วงที่เราไปคือมีหิมะตกเดือนเมษาเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีครับ!!! คืนนั้นหิมะตกด้วย ไฟก็ดับเพราะว่าหิมะตก น้ำเป็นน้ำแข็งปั่นไฟไม่ได้ T^T ก็นอนแบบหนาวๆ พร้อมถุงน้ำร้อนกันไป


วิวภูเขาจากที่พัก

วันรุ่งขึ้นพวกเราตื่นกันแต่เช้าเพราะต้องไปเดิน Trekking ที่ Stok Kangri เจ้าของโรงแรมที่ชื่อ “นเรศ” มาเป็นไกด์เดินนำเองเลย (เขาบอกว่ากลัวพวกเราไปกลับไม่ทันภายใน 4 ชั่วโมงน่ะ) 5555 วันนั้นเป็นวันที่ดีมากเพราะว่าฟ้าใสสุดๆ แดดดีทั้งๆ ตอนเช้าหิมะตกหนัก

รถจอดส่งพวกเราในหมู่บ้าน Stok ครับ เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่ดูร้างๆ หน่อย (แต่มีบ้าน มีถนน มีปศุสัตว์ให้เห็นเรื่อยๆ นะ) ทางเดินช่วงแรกๆ ก็เป็นดิน+โคลน+หิมะลื่นๆ ที่ต้องหลบขี้เป็นระยะๆ ยิ่งลึกเข้าไปทางเดินยิ่งมีแต่หิมะกับหิน


ชาวคณะ


มองย้อนไปข้างหลัง

วันนั้นพวกเราเดินกันไม่เหนื่อยมากเพราะเป็นที่ราบกับเนินที่ค่อยๆ เดินขึ้นเป็นส่วนใหญ่ เหนื่อยก็พักแป๊บๆ ก็หาย อากาศก็ไม่หนาวมาก วันนั้นมีน้องหมาในหมู่บ้านที่อยู่ๆ โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้มาเดินกับพวกเราตั้งแต่ต้นจนจบด้วย มันขี้เล่นและเชื่องมาก ทำให้เดินสนุกดีครับ แต่แน่นอนว่าบนความสนุกก็ต้องมีความลำบากด้วย อย่างแรกคือยิ่งเดินหิมะกับโคลนมันก็ยิ่งซึมในรองเท้า พอเดินเสร็จรองเท้าก็เปียกชุ่มไปหมด รองเท้าผมเป็นผ้าใบหนาๆ ธรรมดา ไม่ไช่รองเท้า Trekking ด้วย ยิ่งเดินก็ยิ่งลื่น อีกอย่างคือผมไม่ได้เตรียมแว่นกันแดดไป เจอหิมะสะท้อนแดดแสบตามากครับ รูปที่ถ่ายมานี่บอกตรงๆ ว่ามองอะไรแทบไม่เห็นเลย ก็กะๆ วัดแสง over เยอะๆ ไว้เอาแทน


พวกเราตั้งชื่อมันว่าชีโร่


นี่วัดแสงกับหมุน CP-L แบบมองอะไรไม่เห็นเลย


นั่งพัก


พวกเราเดินมาถึงจุดนี้ก็กลับครับ

ระหว่างทางนเรศก็ชวนพวกเราคุยไปเรื่อยๆ ให้มีแรงเดินครับ ก็เลยรู้ว่าจริงๆ แล้วแกเป็นไกด์รับจ้างนำทาง Trekking เส้นยากๆ ของ Leh ด้วย แกเคยทำงานให้การท่องเที่ยวอินเดียในเรื่อง Trekking กับขึ้นภูเขาในย่านนี้อีกต่างหาก มิน่านำทางพวกเราได้ดีมากๆ


นเรศกับชิโร่


กลับล่ะ

พอเดินกลับมาถึงรถพวกเราก็ไปเยี่ยมชมบ้านโบราณในหมู่บ้าน Stok (เปิดเป็น Home stay) พร้อมทานอาหาร Ladakh ต้นตำรับครับ คืออาหารอลังมากๆ เจ้าของบ้านบริการดีมากๆ อาหารเป็นเวจจี้ทั้งหมดแต่ก็อร่อยมาก \ w / ที่แหล่มสุดคือชาที่เขาเอาเนยมาละลายแล้วผสมลงไปครับ กลายเป็นชาเนย ที่มันยิ่งกว่าชานมอีก แต่อร่อยดี


ลุงเจ้าของบ้าน


เหล้า Leh โบราณ แรงใช้ได้


เกี๊ยวโบราณ

ก่อนกลับพวกเราแวะถ่ายรูปที่ Stok Monastery และที่บ้านพักของดาไลลามะองค์ปัจจุบันครับ ที่ Stok Monastery พวกเราไม่ได้เข้าวัดกันเลย แต่ถ่ายรูปจากมุมสูงของวัดแทน


นเรศบอกว่าที่เห็นลิบๆ นั่นคือพระราชวังที่ตอนนี้ราชวงศ์ Leh อยู่กันจริงๆ ครับ

พอเรากลับไปที่พักก็พบว่าไฟดับทั้งโรงแรม แต่ยังดีที่น้ำร้อนมาตรงตามเวลา \ w / วันนั้นพวกเรามีเพื่อนร่วมโรงแรมเป็นกรุ๊ปคนไทยอีกกรุ๊ปด้วยครับ วันนั้นพวกเราก็นอนกันไปทั้งๆ ที่ไฟดับนั่นแหละอีกคืน พร้อมกับข่าวร้ายว่าพวกเราไป Sham Valley, Pangong lake และ Nubra Valley ไม่ได้แล้วจริงๆ เพราะว่าถนนเปิดไม่ทันครับ (ส่วนอีกกรุ๊ปได้ไปเพราะเขากลับหลังเราสองสามวันแน่ะ อิจฉาาา)

วันสุดท้ายใน Leh ของพวกเราไม่ได้ทำอะไรเลยครับ นั่งเล่นไพ่สลาฟรอหัวหน้าทัวร์ตั้งแต่เมื่อคืนก็ยังไม่โผล่ นเรศโทรไปก็ติดต่อไม่ได้ ผมออกไปเดินตลาด Leh Market ตอนเช้าแกก็ยังไม่มา สุดท้ายแกโผล่มาบ่ายๆ บอกว่าไม่สบาย บ่ายมีโปรแกรมจะพาไปเจดีย์น้ำแข็ง แต่ตอนนั้นทุกคนเซ็งฉิบหายกันแล้วเลยไม่ไปพร้อม comment แกไปยาวมาก สุดท้ายวันนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากไปเดินตลาด Leh Market กัน (ผมก็รอบสองของวัน) แล้วกลับมาเก็บของเตรียมตัวออกเดินทางวันพรุ่งนี้ครับ ยังดีที่วันนั้นตอนเย็นๆ internet โรงแรมกลับมา online ได้ตั้งแต่เรามาครับ \ w /


รูปหมู่ (แต่คนไม่ครบซะงั้น)

วันรุ่งขึ้นรถมารับเราแต่เช้าตรู่ ร่ำลาพนักงานที่โรงแรม, หัวหน้าทัวร์ (ดีกันแล้ว), นเรศแล้วก็ออกไปสนามบินครับ


อากาศเช้าวันนั้น

ที่สนามบินก็ตรวจเข้มตามสไตล์อินเดีย คือก่อนเข้าก็ตรวจทีนึง ข้างในตรวจ 3 ที ก่อนขึ้นเครื่องก็ตรวจอีกที อาหารที่ขายที่สนามบินไม่อร่อยนัก แต่ก็กินกันตายได้ ที่ดีงามคือวิวสนามบินกับวิว Leh จากบนฟ้าครับ สวยแบบลืมความหนาวไปเลย

จาก Leh พวกเราใช้เวลาไป 40 นาทีก็ถึงเมือง Srinagar, เมืองหลวงฤดูร้อนของรัฐ Jammu and Kashmir ครับ

ก็ขอจบตอนนี้ไว้เท่านี้นะครับ ตอนหน้าจะพาไปเที่ยว Leh Market (จากหลายๆ วัน) และเป็น Blog สุดท้ายของทริป Leh ครับ ถัดไปจะเป็น Kashmir/Srinagar ล่ะ

Link:
สรุปทริป เลห์ – ศรีนาคา

2 thoughts on “สะพายกล้องเที่ยว Leh #2: พาเดิน Trekking ที่ Leh

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.