สะพายกล้องเที่ยว Leh #1: ลุย Leh แบบหนาวๆ

ต่อจากตอนที่แล้วนะครับ วันถัดมาพวกผมก็นั่ง Taxi ที่ให้โรงแรมจองไว้ตั้งแต่แรกพาไปสนามบิน ตอนแรก Taxi มันก็พยายามจะพาไป Terminal 3 (ไปต่างประเทศ) ให้ได้ ย้ำมันตั้งหลายรอบว่า Terminal 1 มันถึงจะยอมพาไปส่ง (แบบหงุดหงิด) พอถึงสนามบินก็ได้เรื่องเสียวเลย เพราะว่าทาง Leh ฝน+หิมะตกหนักมาก อากาศแย่สุดๆ จน Flight ก่อนหน้า Delay ไป 1 ชั่วโมงแล้วก็ยกเลิก Flight ไป ส่วน Flight ผมก็ Delay ไป 1 ชั่วโมงเหมือนกัน ก็นั่งรอลุ้นพร้อมกับคนจำนวนมากเต็มเกต (จนที่นั่งไม่พอ ต้องนั่งพื้นเอา) สุดท้ายเขาประกาศว่าไปได้ครับ คนเฮกันลั่นเลย


พี่คนนี้ชื่อสุนัย (มั้ง) มารอกลับบ้านที่ Leh พร้อมลูกสาว

ระหว่างนั่งบนเครื่องบินก็ลุ้นเหมือนกันเพราะว่าเครื่องมันลำเล็ก อากาศก็แย่ สั่นตลอดเวลา ที่พีคสุดคือมีผู้หญิงท่านนึงลุกขึ้นมา (อาจจะต้องการเรียก flight attendant) แล้วก็ล้มหัวฟาดพื้นไปเลย โกลาหลกันยกใหญ่ (แต่เธอปลอดภัยดีครับ) สุดท้ายก็ถึงสนามบิน Kushok Bakula Rimpochee Airport ของเมือง Leh อย่างปลอดภัยและวิวสวย

ความรู้สึกแรกที่มาถึงคือหนาวมากและหายใจติดขัด, มึนหัวนิดๆ เพราะว่าเมือง Leh มันสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึงประมาณ 3500 เมตรจากระดับน้ำทะเล (11,500 ft) ซึ่งเป็นความสูงที่ “ผิดปกติ” สำหรับคนทั่วไปแบบเราๆ ความกดอากาศจะต่ำและออกซีเจนจะเบาบางมากๆ จนทำให้เกิดอาการโรค (Altitude sickness – acute mountain sickness) ซึ่งก็มีป้ายเตือนที่สนามบินเลยว่าให้ดื่มน้ำมากๆ มาถึงให้พักผ่อนเยอะๆ เพื่อปรับตัวก่อน อย่าเพิ่งหักโหมทำอะไร เรื่องหนาวนี่พวกผมก็งัดเอาเสื้อกันหนาว+เสื้อธรรมดา 4 ชั้นมาสวมๆ เพิ่มไปเลยที่สนามบินนี่แหละ แล้วก็นั่งรถมินิแวนของบริษัททัวร์ Himalaya Insight ที่จองไว้ไปที่พักที่โรงแรม Noble House Lehครับ


หนาวแบบนี้


บรรยากาศในเมือง Leh

โปรแกรมวันแรกของทุกทัวร์และที่ไปกันเองคือให้นอนก่อนครับ (ย้ำว่านอนจริงๆ เพื่อให้ร่างกายปรับตัวได้) แล้วบ่ายแก่ๆ ก็พาไป Leh Palace กับ Shanti Stupa เพราะเป็นสองที่ที่ไปง่ายสุด ใช้แรงน้อยสุดเพื่อให้เราปรับตัวได้ครับ ที่ Leh Palace เด็ดสุดเพราะมีลามะพาทัวร์วังด้วย


Leh Palace


น้องหมา


Leh จากมุมสูง


หลวงพี่


Shanti Stupa

แล้วพวกเราก็ไป Leh Market (ไว้เขียนรวบในตอน 3) แล้วกลับที่พักครับ ที่พักดีมาก สะอาด น้ำอุ่นมาเป็นเวลา ไม่มี internet อาหารก็ดี (สำหรับผม คือกินได้ ยังไงก็ต้องกิน) เตียงดี คืนแรกผมตื่นมาเข้าห้องน้ำบ่อยมากเพราะกินน้ำบ่อย (ถูกแล้ว) กับมึนหัวสุดๆ แต่ผมกินยาแก้ปวดหัว (กินยา Diamox ไป 1 เม็ดตั้งแต่เช้า – ปรึกษาแพทย์ก่อนซื้อยา)


อาหารเย็นมื้อแรก

วันรุ่งขึ้นพวกเรานั่งรถไป Sham Valley ครับ ไปได้ครึ่งทาง วิวข้างทางสวยแบบอลังการงานสร้างมากๆ จนจอดแวะบ่อยสุดๆ แต่สุดท้ายก็ไปไม่ถึง Sham Valley ซะงั้นเพราะว่าหิมะเมื่อวานตกหนักมากจนถนนปิด อันตรายจนทหาร (ที่ตั้งค่ายอยู่ทั่วไป) ไม่ยอมให้ผ่านครับ T^T


แดดดีแต่เช้า อาการ Altitude sickness ก็หายเป็นปลิดทิ้ง \ w /


อาหารเช้า


วิวระหว่างทาง ค่ายทหารเพียบ ไกด์บอกว่าทหารอินเดียจะมาฝึกที่นี่ 5 เดือนครับ อีกอย่างที่นี่มีพรมแดนกับจีนและปากีสถาน (ประเทศเพื่อนรักทั้งนั้น) ก็เลยมีค่ายทหารเต็มไปหมด


วิวระหว่างทาง


วิวระหว่างทาง 2


วิวระหว่างทาง 3


น้องหมาระหว่างทาง

เพราะไปต่อไม่ได้ สุดท้ายเขาเลยพาเขาย้อนกลับมาแล้วแวะเที่ยววัด Alchi Gompa (Glchi Monastery) และวัด Likir Monastery แทนครับ ตอนนั้นเซ็งๆ อยู่ ไม่ได้รู้สึกว่าสวยอะไรมากนัก T^T


ทางเข้าหมู่บ้านไป Alchi Gompa งามมมม

ตอนเย็นเรากลับที่พัก พร้อมกับข่าวร้ายว่าที่เที่ยวบางที่ตามโปรแกรมก็อาจจะไปไม่ได้เพราะว่าถนนมันปิด ต้องรอเชควันใกล้ๆ เลย T^T


Momo (เกี๊ยวอินเดีย) ที่สิกขิมอร่อยกว่าเยอะ

วันรุ่งขึ้นเป็นโปรแกรมไหว้พระกับทัวร์วังครับ ตอนแรกก็นึกว่าจะแห้วซะแล้วเพราะว่าตอนเช้าหิมะตกหนัก แต่สายๆ ก็ละลายหมดและทางทั่วๆ ไปเปิด ฟ้าก็เปิดด้วย แดดดี สวยเชียวล่ะ ที่แรกที่ไปคือวัด Shey Monastery ครับ นักท่องเทียวเยอะมาก (เพราะติดหิมะปิดทางกันหมด) วัดสวยมาก อยู่ที่สูงแบบเดินขึ้นแล้วโคตรรรรเหนื่อย แต่ว่าขึ้นไปแล้วคุ้มครับ


ตื่นมาเจอแบบนี้….


ชาร้อนๆ ช่วยได้


Shey Monastery


วัดนี้วิวสวยครับ


ในโบสถ์ก็มืดๆ แบบนี้แหละ


หลวงพี่


หลวงพี่


พระพุทธรูปในโบสถ์ (โบสถ์นี้จ่ายค่าเข้านะ)

วัดที่สองเราไปวัด Hemis Monastery ครับ อยู่สูงกว่าวัดแรกอีก วัดนี้ก็สวยเหมือนกัน คนไทยเยอะมากๆ เสียดายที่พื้นแฉะและโคลนเยอะมาก T^T


วิวที่จอดรถวัด Hemis Monastery


น้องหมาขนฟูๆ น่ารัก (แต่ไกด์บอกว่าโคตรอันตราย อย่าไปจับอย่าไปเล่น)


ในโบสถ์ (บางโบสถ์ห้ามถ่ายรูปเด็ดขาดครับ)


วิวดาดฟ้าอาคารเรียนของพระครับ งามแท้ๆ


ภูเขา

ก็ขอจบตอนแรกของทริปนี้ไว้เท่านี้ก่อนนะครับ ตอนหน้าจะพาไปเที่ยววัดอื่นพร้อมพาเดิน Trekking ตะลุยภูเขาหิมะด้วย

Link:
สรุปทริป เลห์ – ศรีนาคา
– ข้อมูลอาการ AMS ภาษาไทย 1, 2

2 thoughts on “สะพายกล้องเที่ยว Leh #1: ลุย Leh แบบหนาวๆ

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.