มะละกาเที่ยวเอง #1: สวัสดีมะละกา

ผมไปเมืองมะละกากับ KL มาตั้งแต่เดือนมีนาคมครับ เหตุผลที่ไปก็เพราะว่ามีแต่คนบอกว่าเมือง มะละกา สวยดี ไม่ไปถือว่าไม่ถึงมาเลเซียก็เลยจัดโปรหางแดงไป

ผมออกเดินทางตอนเช้าของวันที่ 6 มีนาคม ที่สนามบินดอนเมือง ถือเป็นการบินต่างประเทศจากดอนเมืองครั้งที่ 2 ของผม (ครั้งแรกเด็กมากจนจำได้แค่ว่าเคยไป)

ตอนที่ผมไปนี่ดอนเมืองดีขึ้นกว่าตอนผมบินไปร้อยเอ็ดมากๆ ครับ ร้านค้าเยอะขึ้นมาก คนก็เยอะ มีคนจีนที่อ่านภาษาอังกฤษไม่ออกเดินถามทางว่า gate อยู่ไหน ส่วน gate จะเป็นห้องใหญ่ๆ ที่มีประตูปิด ถ้ายังไม่ถึงเวลาก็ไม่เปิดประตูแล้วข้างนอกก็ดันไม่มีเก้าอี้ ก็เลยเห็นคนนั่งๆ นอนๆ รอแม่งหน้าประตูนั่นแหละ


สภาพอีกด้านอนาถกว่านี้เยอะครับ


ใน Gate นั่งแป๊บๆ ก็ได้ขึ้นเครื่องล่ะ

วันที่ผมไปเครื่องถึงก่อนเวลาตั้ง 5 นาที แต่สุดท้ายก็ไปช้าที่ ตม มาเลย์เพราะคนเยอะมากกก คนมาเลย์ก็ยังมาเข้าคิวรวมกับคนต่างชาติทั้งๆ ที่ช่องเฉพาะคนมาเลย์โล่งสุดๆ -*- ผมออกมาได้ก็แวะซื้อ sim ของ Digi ที่อยู่ติดๆ กับที่รับกระเป๋าครับ จริงๆ ร้านขาย sim อยู่ตรงนี้หมดแต่มีแต่ Digi ที่มีแต่คนซื้อเยอะสุด โดยเลือกซื้อโปร 1 อาทิตย์ 260 บาท เนตจำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ (500 mb มั้ง) ซึ่งไอ้โปรนี้วันแรกๆ ก็แรงดีอยู่แต่มันสร้างความฉิบหายให้ผมในวันหลังมาก -*-

เดินออกก็พบว่า LCCT นี่เจริญขึ้นเยอะครับ ร้านค้าเยอะขึ้นและอยู่เป็นสัดเป็นส่วนขึ้น ไม่เหมือนแต่ก่อนที่บขสบ้านเราชัดๆ เดินออกมาก็ลากกระเป๋าไปซื้อตั๋วรถไปมะละกาก่อนเลยครับ

ตั๋วรถจาก LCCT ไปมะละกามีอยู่เจ้าเดียวคือ Transnasional ที่ขายตั๋วไปมะละกาจะอยู่ใน gate ฝั่ง Domestic ที่จะมียามบอกไม่ให้เราเข้าไป ให้เราบอกว่าจะซื้อตั๋วไปมะละกาเขาถึงจะให้เราเข้าไป ด้านในมีหลายเจ้ามากแต่มี Transnasional อยู่บู๊ทเดียว วันนึงมีอยู่หลายรอบครับ ของมะละกาจะไปถึงแค่ Meleka Sentral ซึ่งเป็นท่ารถใหญ่ที่นั่น ผมซื้อตั๋วรอบ 11.30 AM ราคา 24.3 rm แล้วก็ออกไปรอรถ


สภาพภายในรถครับ fix ที่นั่งเลย (กำหนดโดยคนขับ -*-)

ระหว่างรอก็เจอคนไทยเดินมารอรถแต่ว่าหาที่ซื้อตั๋วไม่เจอ ผมก็เลยแนะนำไปว่าหาซื้อได้ที่ไหน+แนะนำเรื่อง KL ไป (พวกเขาค้างมะละกาแค่ 1 คืน) คุยกันไปมาก็เลยรู้ว่าวันกลับพวกเรากลับ flight เดียวกัน สุดท้ายผมก็ได้เพื่อนเดินทางไปมะละกาด้วยอีก 2 คนครับ (แต่โดนจับนั่งแยกกันนะ) พอ 11.30 am รถก็ออกเวลาตรงเป๊ะ รถใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึง Melaka Sentral

Melaka Sentral นี่เป็นท่ารถหลักของเมืองมะละกาครับ จากที่นี่จะไป KL หรือเมืองอื่นๆ ก็ได้ ไปสิงคโปร์ยังได้เลย ส่วนท่ารถเมล์เข้าเมืองจะอยู่อีกอาคารที่อยู่ใกล้ๆ กัน พวกเราก็ไปรอรถเมล์สาย 17 เพื่อเข้าตัวเมืองมะละกา


ที่น่าสนใจคือรถคันนี้ “ทอนตังค์” ครับ ปกติรถเมล์มาเลย์จะไม่ทอนตังค์นะ สงสัยนักท่องเที่ยวเยอะ

เพื่อนร่วมทางเต็มคันรถเลยครับ รถแน่นมากกก รถใช้เวลาประมาณ 10 นาที (มีจอดซื้อของร้านสะดวกซื้อด้วยนะ) ก็มาถึง Red Square ซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำมะละกาเลยครับ ตรงนี้เป็น landmark (ไม่เกี่ยวกับเกมเศรษฐี) หลักในแผนที่เลยครับ คือจะไปไหนตั้งต้นจากตรงนี้ง่ายสุดเพราะมันเด่นสุดนั่นเอง


Red Square ครับ

พอลงจากรถผมกับเพื่อนใหม่ก็เดินหาถนน Jonker ด้วยกันแล้วก็แยกกันตรงแยกแรกนั่นแหละเพราะโรงแรมอยู่คนละทาง ส่วนผมก็เดินต่อเพื่อไปหาโรงแรม Hotel Hong ตัวถนน Jonker ที่เป็นถนนเส้นหลักของเมืองมะละกาก็คึกคักสุดๆ ครับ นักท่องเที่ยวและร้านค้าเพียบเลย อ้อ พวก Taxi จะอยู่แค่ตรงทางแยกแถวๆ โรงแรม Hard Rock Cafe นะครับ

สำหรับโรงแรมที่ผมจองนั้นอยู่เลยสุดถนนไปครับ แผนที่ Google ที่พิมพ์มาแม่งอ้อมสุดๆ เลยกว่าจะถึง (จริงๆ เดินตามถนนมาเรื่อยๆ เลี้ยว 2 ทีก็ถึง) ตัวโรงแรมนั้นเล็กๆ แคบๆ แต่ก็สะอาดสะอ้านดี wifi เร็วและพนักงานบริการดีมากๆ ผมเก็บของล้างหน้าล้างตาแล้วก็ออกมาหาอาหารกลางวันกิน มื้อแรกก็จัดข้าวมันไก่ข้าวเหนียวหนึ่งในอาหารขึ้นชื่อของมะละกาที่ร้าน Famosa เลยครับ ร้านนี้ดัง มีหลายสาขาบนถนน Jonker ตัวร้านทาสีแดงเด่นมาก

แต่ปรากฏว่าแม่งไม่อร่อย -*- คือไก่มีแต่กระดูกครับ ราดน้ำซอสมาซะเค็มปี๋ แพงอีก แสรด ไม่ประทับใจเลย -*- พอเดินไปดูข้าวมันไก่เทพอีกเจ้าก็พบว่าร้านเพิ่งปิดไป (ปิดบ่ายสอง) ผมก็เลยแวะไปกินขนมที่ร้าน Jonker 88 ที่อยู่ไม่ไกลกันนัก ร้านนี้เป็นร้านขายขนม+อาหารชื่อดังอีกเจ้าครับ คนแน่นเต็มร้านเลยย (วันหลังๆ ผมจะใช้ร้านนี้เป็นที่ดับร้อนตลอด)

หน้าร้านจะแยกที่สั่งขนมกับอาหาร (พวกก๋วยเตี๋ยว) ชัดเจนครับ เวลาสั่งก็สั่งตั้งแต่หน้าร้าน รับอาหาร จ่ายตังค์แล้วค่อยเดินเข้าร้านไปหาที่นั่ง ผมใช้เวลาสักพักกว่าจะหาที่นั่งได้เพราะคนเยอะจริงๆ


บรรยากาศในร้าน เก่าๆ ดี

เมนูอร่อยซึ่งเป็นขนมประจำท้องถิ่นคือ Chendol ซึ่งก็คือลอดช่องบ้านเราแหละครับ แต่เขาจะราดน้ำเชื่อมหวานๆ บนน้ำแข็ง+เครื่องเยอะกว่าบ้านเรา อร่อยมากกก ถ้วยก็ใหญ่ แนะนำครับร้านนี้ ไม่ผิดหวัง

กินเสร็จก็เดินย้อนกลับไป Red Square อีกครั้งพร้อมกับเก็บภาพอาคารสไตล์ชิโนโปรตุกีสบนถนน Jonker นี้ไปด้วยครับ จริงๆ มันก็ทุกตึกนั่นแหละเพราะว่าเมืองมะละกา (เฉพาะโซนนี้) จริงๆ แล้วเป็นเมืองมรดกโลกอีกเมือง ดังนั้นทุกตึกในโซนนี้ต้องชิโนโปรตุกีสหมด


ร้านขนมหวานอีกร้านครับ ไม่ได้กิน

เดินข้ามสะพานข้ามแม่น้ำมาก็ถึง Red Square (จะเรียกว่า Dutch Square ก็ได้) แล้วครับ มันเป็นหมู่ตึกสีแดงที่เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองนี้ สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ก็อยู่รอบๆ Red Square นี้แหละครับ ที่นี่มีนักท่องเที่ยวและทัวร์แวะเวียนกับมาตลอดวันเพราะมันเป็นจุดที่ตั้งต้นไปได้ทุกที่แถมยังนั่งพักได้อีกเพราะร่มรื่นดีครับ


โบสถ์นี้คือหนึ่งในจุดถ่ายรูปที่ดังที่สุดของมะละกาครับ

ใกล้ๆ กันจะมีท่ารถสามล้อนำเที่ยวที่มีสีสันเจ็บมากครับ พี่เล่นติดทั้งไฟ ทั้งตุ๊กตา ทั้งวิทยุเต็มคันไปหมด ผมไม่รู้ว่าเขาคิดเงินยังไงเพราะไม่ได้นั่ง แต่ก็เห็นนักท่องเที่ยวใช้บริการเยอะอยู่

ก็ขอจบตอนแรกไว้เท่านี้ก่อนนะครับ

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.