สะพายกล้องเที่ยวสิกขิม #8.2: บ๊ายบายสิกขิม

สะพายกล้องเที่ยวสิกขิม #8.2: บ๊ายบายสิกขิม

หลังจากออกจากสระศักดิ์สิทธิ์ Khecheopalri Lake เราก็ไปหาข้าวกิน ก็แวะร้านข้าวในเมืองเล็กๆ ที่ผ่านระหว่างทางนั่นแหละครับ


ไข่เจียวอินเดีย


ข้าวผัด

กินเสร็จเราก็แวะไปที่ Rabdentse Ruins เป็นที่สุดท้ายก่อนเข้าเมือง Darjeeling ครับ ที่นี่เป็นโบราณสถานของเมืองหลวงของอณาจักรสิกขิมโบราณ อายุเป็น 100 ปีเลย ตอนแรกที่นั่งรถผ่านนึกว่าไม่มีอะไร คือทางเข้าเป็นอาคารโทรมๆ มีบ่อน้ำ (ดูในบ่อไม่มีอะไร) แล้วก็ทางเดินเข้าไปในป่าที่คนอินเดียเดินเข้าไปกันเรื่อยๆ


ระหว่างทางเดินป่าก็มีเด็กพวกนี้นี่แหละเป็นแบบให้ตอนถ่ายรูป

เดินไปสักพักก็ตัดใจว่าไม่มีอะไรแน่ๆ เลยเดินย้อนกลับไป พอจะถึงทางออกเพื่อนเดินไปถามคนอินเดียที่เดินสวนมาเขาก็บอกว่าเดินไปประมาณ 20 กว่านาทีก็ถึง -*- พอบอกว่าเราจะกลับแล้วเขาก็ยุใหญ่เลยว่าเดินเข้าไปสิ เดินอีกนิดเดียวเองแล้วเดินมาขนาบเลยครับ ก็เลยตัดสินใจว่าเอาวะ เดินไปกับเข้า

เดินไปอีก 20 นาทีกับทางเดินในป่าที่ปูกระเบื้องเดินสบายๆ หน่อย (มีคนอินเดียเดินมาด้วยเยอะกว่าที่คิด) ก็ถึงวังครับ เป็นปราสาทหินแนวๆ อยุธยาบ้านเรา มีป้ายบอกประวัติพร้อม ปราสาทตั้งอยู่บนยอดเขา วิวสวยใช้ได้เลย


เจ๊ 2 คนตรงกลาง (เสื้อน้ำตาลกับเสื้อน้ำเงิน) คือคนที่ยุให้เข้ามาครับ

เสร็จแล้วก็เดินออก ใช้เวลาเท่าเดิม ส่วนเพื่อนใหม่ชาวอินเดียอยู่ชมวิวต่อ พวกเราบึ่งไปเมือง Darjeeling เลย

แน่นอนว่าการจะไปเมือง Darjeeling เราก็ต้องออกจากรัฐ Sikkim ก่อน ด่านขาออกเป็นด่านริมเขาเลยครับ วิวสวยมาก ตำรวจเป็น ต.ม. เองเลย ใช้เวลาอยู่ตรงนี้ประมาณ 15 นาทีก็ได้ตราประทับว่าออกจาก Sikkim เรียบร้อย ต่อไปนี้จะไปไหนไม่ต้องใช้ใบ Permit แล้วววววววววว

หลังจากนั้นก็หลับยาวครับ ถนนไม่ดีเท่าไหร่ ดีที่คนขับรถคนนี้ไม่ตีนผีเท่าติเนช ไม่งั้นคงได้เสียวกันตลอดทาง เกือบๆ ทุ่มนึงเราก็มาถึงเมือง Darjeeling บรรยากาศโดยรอบไม่ใช่ทิเบตในภูเขาล่ะ คนเยอะมากกก บ้านเมืองดูเป็นแขกสุดๆ ฝนตกหนัก วุ่นวายสุดๆ รถติดกระจาย

ถึงปุ๊บคนขับรถไปจอดรถที่ท่ารถแล้วจะให้เราพักโรงแรมที่ท่ารถเลยครับ คุยไปคุยมาคือรถเขาเป็นรถเที่ยว Sikkim มาขับพาวนหาโรงแรมในเมืองนี้ไม่ได้ พวกผมดูแล้วโรงแรมมันไม่ work เลยส่งเพื่อนไปหาโรงแรมก่อน เพื่อนก็หายหัวไปนานมากๆๆ (น่าจะหลักชั่วโมง) กว่าจะโผล่มา ระหว่างรอก็มีแขกมาหาคนเข้าโรงแรมด้วยการมาเคาะกระจกรถสักพัก น่ากลัวสุดๆ -*-

พอเพื่อนโผล่มาเราก็เอาของรถจากรถแล้วก็บอกลาคนขับรถที่นิสัยดีแต่พูดน้อย (ไปหน่อย) ตรงนี้เลย แล้วก็แบกเป้กันเองไปโรงแรมชื่อ Bellevue อยู่ตรงถนนเนรู ใกล้ๆ น้ำพุที่เป็นศูนย์กลางของเมืองเลย โรงแรมดูเก่าๆ แต่ห้องใหญ่อลังการงานสร้างมาก ราคาไม่แพง ห้องน้ำกาก


ห้องจริงๆ ยาวไปทางซ้ายอีกเท่าตัวครับ ใหญ่แบบอยู่ได้ 6 คน

เก็บของ ล้างหน้าล้างตาก็ออกไปหาอะไรกิน เมืองนี้ก็เช่นเดียวกับเมืองอื่นของอินเดียคือ “ปิดเร็วเหี้ยๆ” สองทุ่มนี่ปิดจะหมดเมืองล่ะ ไปร้านไหนก็ปิดแล้วไม่ก็ของหมดแล้ว สุดท้ายเลยเข้าร้านฮายโซวชื่อ Glenary เป็นร้านแบบหรูๆ ฮายโซว มีบริกรใส่สูท ทำนองนี้ แต่ราคาดูแล้วไม่แพงเลย ครัวปิด 3 ทุ่มครึ่ง สบายไป

อาหารก็อร่อยครับ ราคาไม่แพงเท่าไหร่ จัดกันเต็มที่เลย พนักงานบริการดี แต่ห้องน้ำแย่สุดๆ -*- พวกผมนั่งกินไป ดื่มไป คุยไปจน 4 ทุ่มแน่ะ กว่าจะออกจากร้าน

ออกมาร้านรวงทั้งหลายแม่งปิดหมดแล้ว ถนนที่คนเดินกันเต็มไปหมดตอนหัวค่ำแม่งเงียบกริบ -*- เลยรีบซื้อขนม เครื่องดื่มจากร้านที่ยังเปิดอยู่แล้วกลับโรงแรม กลับไปหาสัญญาณ Wifi ไม่เจอ เลยถามเขา เขาบอกว่า Wifi ปิด 2 ทุ่มจ้าาาา -*- แสรดดด หลังจากนั้นก็กินขนม กินเบียร์ ดูทีวีแล้วก็นอนยาวเลยครับ เหนื่อยสุดๆ

ก็ขอจบทริปเฉพาะเมือง Sikkim ไว้เท่านี้นะครับ entry หน้าจะเป็นสะพายกล้องเที่ยวดาจีลิงล่ะ 555

2 thoughts on “สะพายกล้องเที่ยวสิกขิม #8.2: บ๊ายบายสิกขิม

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.