Review Thinkpad T430

คอมประกอบที่ผมใช้อยู่เริ่มมีปัญหาและทำงานได้อืดมากเมื่อใช้งาน Photoshop Element หรือ Adobe Lightroom จนทำให้ผมอยากหาคอมใหม่ และในที่สุดเมื่อต้นเดือนธันวาปีที่แล้วผมก็ตัดสินใจครั้งสำคัญครั้งนึงคือเลิกใช้คอมประกอบมาใช้ notebook แทน (คนใช้คอมประกอบมาตลอดชีวิตคงเข้าใจว่ามันทำใจยากนะ) และซื้อเจ้า Thinkpad T430 มาใช้งาน

สำหรับเจ้า T430 ของผมมี spec คร่าวๆ ตามที่ link แต่ที่ผ่านมาการโมมาแล้วดังนี้

  • SSD Vertex ไรสักอย่างรุ่นบนๆ 128GB + HDD 500GB
  • Ram เพิ่มเป็น 8GB

คือผมซื้อแบบ HDD 500GB + Bay + HDD 500GB มา (เพิ่ม 2 พัน แค่ค่า Bay ธรรมดาๆ ก็สองพันกว่าแล้ว!) แล้วสลับ HDD หลักเป็น SSD แล้วเอา HDD ตัวนั้นใส่ box usb 3 ซะ ก็เลยกลายเป็น SSD+HDD ไปส่วน spec VGA เวบไทยลงผิด จริงๆ คือ Intel HD Graphics 4000+Nvidia NVS 5400M

หลังจากใช้เครื่องมาเกือบๆ 2 เดือน ก็เลยจะเขียน review สักหน่อย ต้องบอกก่อนว่าการใช้งาน T430 ของผมนั้นใช้แทน Desktop ทุกอย่าง คือเสียบจอนอก, mouse นอกและ keyboard นอก เพราะที่ทำงานผมก็ใช้ notebook แบบนี้ ภายใน 7 วันจะมีวันเสาร์อาทิตย์ที่ผมถือ T430 ไปใช้งานตามที่ต่างๆ ในบ้านบ้าง แต่ก็น้อยมาก


สภาพโต๊ะตอนนี้เป็นแบบนี้

การรีวิวนั้นจะเทียบกับการใช้งานปกติของผมเป็นหลัก และจะเปรียบกับเจ้า Dell Latitude E6420 ของ office ด้วยในแง่การใช้งาน งานประกอบ ทำนองนี้ (เทียบ spec ตรงๆ ไม่ได้เลยเพราะ hardware คนละ gen และ os คนละรุ่นกัน)

T430 นั้นดูภายนอกคร่าวๆ มันก็ทึบๆ ตันๆ ดำๆ เฉย โบราณ ล้าสมัยแบบ Thinkpad ทั่วๆ ไปครับ วัสดุถือว่าแข็งแรงดีแม้ว่าจับแล้วจะรู้สึกถึงความเป็นพลาสติกชัดเจน (เทียบกะ Macbook Pro ที่เหมือนกับเหล็กๆ) แต่วัสดุเคลือบนี่เป็นรอยปื้นง่ายมากๆ นิ้วเปียกๆ มาจับหน่อยก็ด่างแล้ว ฝุ่นเกาะก็เห็นชัด แต่ถ้าไม่ซีเรียสตรงนี้ถือว่าโอเค


Continue reading “Review Thinkpad T430”

Life of Pi

Life of Pi เป็นหนังที่กำกับโดย Ang Lee สร้างจากหนังสือของYann Martel สารภาพว่าเคยได้ยินชื่อหนังมาก่อนแล้วสงสัยว่าหนังมันเกี่ยวไรกับ 3.14 วะ จนกระทั่งได้ดูตัวอย่างนั่นแหละ เลยอยากดู

Life of Pi Poster

หนังเรื่องนี้ถึงชีวิตของ Pi Patel (จะเรียกว่าพายละกัน) เด็กชายชาวอินเดียที่บ้านเขาเปิดสวนสัตว์อยู่ที่อินเดีย สมัยเด็กๆ พายมีศรัทธาทั้งฮินดู (น่าจะไวศณพนิยกาย เพราะนับถือพระนารายณ์) , ศาสนาคริสและศาสนาอิสลาม (ทำละหมาดตอนเช้า ก่อนกินเข้าจะสวดมนต์ขอบคุณพระเจ้าและสวดมนต์ขอบคุณพระนารายณ์ก่อนนอน) จนกระทั่งวันนึงเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เค้าสิ้นศรัทธาในเทพเจ้าทั้งหลายไป หลายปีต่อมา ครอบครัวขายย้ายไปประเทศแคนาดาโดยออกเดินทางทางเรือไปกับเหล่าสัตว์ในสวนสัตว์ ปรากฏว่าเรือล่มกลางมหาสมุทธแปซิฟิค เขาหนีขึ้นเรือชูชีพทันอยู่คนเดียวพร้อมๆ กับเสือเบงกอลที่ชื่อ Richard Parker !!! และการเดินทางคน 1 คนและเสือ 1 ตัวก็เริ่มขึ้น พวกเขาต้องเอาตัวรอดพร้อมๆ กับตัว Pi เองที่เริ่มจะฟื้นฟูศรัทธาในพระเจ้า

สิ่งที่ผมติดใจหนังเรื่องนี้มาตั้งแต่ตัวอย่างคือภาพครับ และตัวหนังเต็มๆ ภาพมันก็สวยมากจริงๆ จนเสียดายที่ไม่ได้ดูแบบ 3D คือแบบ 2D ธรรมดาๆ ภาพมันสวยงามกว่า The Hobbit 3D เสียอีก ตัวหนังก็เรื่อยๆ เอื่อยๆ ไม่มี climax อะไรแต่ดูติดพันมาก ลุ้นว่าจะโดนเสือแดกมั้ย ลุ้นว่าจะรอดยังไง แถมยังคาดเดาไม่ได้อีก (อย่าให้ตัวอย่างหลอกเชียวนะ หุๆ) ในหนังเองก็สอดแทรกสัญลักษณ์และความคิดเรื่องการยอมรับและเชื่อในพระเจ้า (จะองค์ไหนก็ตาม) อยู่เต็มไปหมด

ที่แปลกอย่างหนึ่งคือดูหนังแล้วควรจะอยากอนุรักษ์ทะเล (ถ่ายทะเลออกมาได้สวยจริงๆ) แต่ผมดูแล้วอยากอนุรักษ์เสือแทน เสือในเรื่องน่ารัก+เท่+กวนดีมาก (หลายๆ ฉากฮากันลั่นโรงเลย)

สรุปแล้วผมชอบเรื่อง Life of Pi นะครับ อาจจะไม่ซาบซึ้งกับปรัชญาอะไรในเรื่องนัก แต่หนังมันดูสนุกจริงๆ ภาพสวยด้วยครับ ชอบมากกว่า The Hobbit อีก

วาทะเด็ดจากหนัง

I suppose in the end, the whole of life becomes an act of letting go, but what always hurts the most is not taking a moment to say goodbye

Argo

Argo เล่าถึงเหตุการณ์จับเจ้าหน้าที่สถานฑูตอเมริกาเป็นตัวประกันที่เมืองเตฮะราน ประเทศอิหร่าน 1979 ในช่วงปฏิวัติอิหร่าน หนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริง ที่เจ้าหน้า CIA ร่วมกับรัฐบาลแคนาดาปลอมตัวเข้าไปช่วยเจ้าหน้าที่อเมริกา 6 คนที่หนีมาอยู่ที่บ้านฑูตแคนาดาด้วยการสร้าง “หนังปลอมๆ”

Argo Movie Poster

หนังเล่าถึง CIA หนุ่มผู้เชี่ยวชาญการพาคนออกนอกประเทศอย่าง Tony Mendez ที่คิดแผนสร้างหนังปลอมๆ เรื่อง “Argo” ร่วมกับ Make up artist ระดับตำนานของฮอลลี่วู๊ดอย่าง John Chambers แผนเค้าก็ง่ายๆ (แต่โคตรเสี่ยง) คือจ้าง producer-ผู้อำนวยการสร้าง, casting นักแสดงจริงๆ, จัดประชาสัมพันธ์หนังจริงๆ แล้วไปตระเวนสำรวจสถานที่ถ่ายหนังแถวๆ ตะวันออกกลางเพราะหนังเรื่อง Argo ธีมเป็นหนังไซไฟที่บรรยากาศแบบตะวันออกกลาง แล้วเข้าไปขอสำรวจสถานที่ถ่ายหนังในอิหร่าน เมคให้เจ้าหน้าที่สถานฑูตทั้ง 6 คน เป็นทีมทำหนัง สำรวจสถานที่เสร็จแล้วพาออกมาก่อนที่เจ้าหน้าที่อิหร่านจะจับได้!!

หนังเรื่องนี้กำกับการแสดงและแสดงโดย Ben Afflex ซึ่งหลายๆ คนลืมไปแล้วว่าเค้าเคยได้ออสการ์สาขาเขียนบทยอดเยี่ยมจาก Good Will Hunting!!! หนังเรื่องนี้ช่วงแรกๆ กับช่วงท้ายๆ ที่เข้าอิหร่านแล้วลุ้นตัวโก่งเลย สนุกมาก ลุ้นโคตร ลุ้นทั้งแผนพระเอกตั้งแต่ต้นกะตอนจบว่าจะโดนจับได้มั้ย ไอ้ 6 คนนั้นจะเอาด้วยรึเปล่า ส่วนช่วงกลางๆ ที่เริ่มสร้างหนังหลอกๆ ที่อเมริกานี่น่าเบื่อไปหน่อย ดูแล้วมีหาวบ้างนิดหน่อย แต่สรุปแล้วหนังดูสนุกครับ ผมชอบมากกว่า Looper อีกนะ

แน่นอนว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังอวยอเมริกา แต่ก็มีบอกหน่อยๆ ว่าไอ้ความวุ่นวายในอิหร่านนั่นก็เริ่มมาจากอเมริกากับอังกฤษนี่แหละ!! แถมด่าอเมริกาเรื่องกลัวเสียหน้าแต่ไม่กลัวตัวประกันตายอีก!! (มันก็คงเป็นแบบนี้ทุกประเทศ)

ป.ล.
– เหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่หนีไปบ้านฑูตแคนาดา มีเชพคนไทยที่ทำงานอยู่สถานฑูตให้ความช่วยเหลือด้วย (Argo กับเหตุการณ์ที่ฮีโร่คนไทยหนึ่งคนมีส่วนร่วม)
– ถ้าสนใจเรื่องปฏิวัติอิหร่านแนะนำให้อ่านการ์ตูน Persepolis ที่กล่าวถึงการปฏิวัติอิหร่านจากมุมมองของคนอิหร่านเองครับ