Godzilla

Godzilla เป็นหนัง reboot ของเนื่องในโอกาศครบรอบ 60 ปี Godzilla ที่หลายๆ คนคาดหวังว่ามันจะดีกว่า version ตะกวดนี่

บอกตรงๆ ตอนแรกผมกลัวเหลือเกินครับว่ามันจะกากเหมือน version 1998 และไม่ได้คาดหวังอะไร จนกระทั่งมาเห็นตัวอย่าง “Let them fight” นี่แหละ อยากดูทันที!!

เนื้อเรื่องไม่มีอะไรมากครับ สัตว์ประหลาดโลกล้านปีที่ชื่อ MUTO (Massive Unidentified Terrestrial Organism) ตื่นมาทำลายโลก พี่ก๊อดจิเลยโผล่มาตบเกรียนแม่ง!!! มีแค่นี้อแหละ

Godzilla ภาคนี้ดูสนุกมากๆ ครับ เป็นหนังสัตว์ประหลาดต่อสู้กันที่สนุกโคตรๆ เหมือนดู version ญี่ปุ่นที่เคยดูสมัยเด็กๆ เลย สิ่งที่ชอบคือผู้สร้างสร้างให้ Godzilla และ MUTO นี่เป็นสัตว์ประหลาดที่เรียกได้ว่า “มนุษย์ไม่มีวันต่อกรได้ 100%” ทั้งคู่ (Godzilla นิวเคลียร์ฆ่าไม่ตาย, MUTO ยิง EMP ได้ กินนิวเคลียร์เป็นอาหาร) โดยเฉพาะ Godzilla นี่สมศักดิ์ศรี King of Monsters มากๆ ครับ คือพี่แกไม่สนใจมนุษย์เลย สำหรับมันมนุษย์เป็นแค่มดปลวกที่ขวางทางระหว่างมันกับ MUTO เท่านั้น หนังได้รับอิทธิพลของ version ญี่ปุ่นมาเยอะมากเพียงแต่อลังกว่าและวินาศสันตะโรกว่าครับ (พี่ก๊อดจิ version นี่ตัวใหญ่และอ้วนที่สุด) ที่สำคัญที่สุด *spoil Godzilla แม่งพ่นไฟได้!!!!! เหยดดด

สิ่งที่ขัดใจก็มีครับ คือหนังมันชื่อ Godzilla แต่ตัวเรื่องกลับไปเน้นตัว MUTO มากกว่าซะงั้น ฉากต่อสู้ระหว่าง Godzilla กับ MUTO ก็น่าจะมากกว่านี้ คือพี่ตัดไปตัดมาแล้วไปอัดเยอะๆ ตอนไคลแมกมันไม่ฟินเท่าไหร่

สรุปหนัง reboot Godzilla 2014: มันส์โคตรๆ ครับ

The Lunchbox

The Lunchbox เป็นหนังอินเดียเรื่องแรกน่าจะในรอบหลายสิบปีที่ผมดูครับ (ตอนไปเที่ยวอินเดียนี่เปิดทีวีดูแต่บอล ไม่ได้ดูหนังอินเดียเลย)

The Lunchbox เป็นเรื่องราวของ Fernandez พนักงาน office ในมุมไบที่จะเกษียณในอีกไม่นาน เขาเป็นคนที่ใช้ชีวิตไปวันๆ ไม่สุงสิงกับใคร ไม่มีมีเพื่อน ส่วนตัวเอกอีกคนคือ Ila แม่บ้านที่ต้องการจะทำอาหารเพื่อมัดใจสามี ชีวิตเขาและเธอก็เปลี่ยนไปเพราะปิ่นโตอาหารกลางวันที่ Ila จะให้สามีของเธอดันส่งผิดไปให้ Fernandez ซะงั้น

หนังเรื่องนี้เป็นหนัง feel good ที่สวยงามและดูสนุกมากๆ ครับ ตัวหนังสอดแทรกมุขตลกเข้ามาเรื่อยๆ แบบถูกจังหวะแบบไม่ตีหัวเข้าบ้านแบบ GTH บ้านเรา อาหารในเรื่องก็ดูน่ากินดีครับ (ขอโทษที่ไม่ใช่อาหารญี่ปุ่นมิชลิน 3 ดาว) หนังแสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของคนอินเดียที่ต้องเดินทางเข้ามาทำงานในเมืองได้แบบดูแล้วบ้านเราเด็กๆ ไปเลย แถมยังจิกกัดประเทศตัวเองได้อย่างเจ็บสุดๆ ตลอดทั้งเรื่องครับ

สรุป หนังเรื่องนี้ดีมาก สนุก ไม่มีวิ่งข้ามเขาร้องเพลงวิ่งวนต้นไม้ ควรค่าแก่การไปดู (แม้ตอนนี้น่าจะออกจากโรงหมดแล้ว)

ป.ล.: ดูแล้วสงสัยว่าทำไมมันไม่เอาปิ่นโตไปตั้งแต่เช้าวะ

[Spoil]
สิ่งที่รู้สึกหลังดูจบคือรู้สึกว่าคนที่เปลียนไปในทางที่ดีจริงๆ มีแค่ Fernandez ครับ คือด้วยความที่เป็นผู้ชายแถมยังไม่มีพันธะอะไรก็เลยเอื้อให้ชีวิตดีขึ้นได้ง่ายกว่าจากความสัมพันธ์ “หมาหยอกไก่” ครั้งนี้ ส่วน Ila ผมรู้สึกว่าชีวิตเธอสุดท้ายก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย ความพยายามเกือบทุกอย่างสูญเปล่า ไอ้หมาหยอกไก่นั่นทำให้เธอแย่กว่าเดิมเสียมากกว่า (แต่ก็ทำให้เธอเลือกที่จะก้าวต่อไปแบบเจ็บๆ) ซึ่งสุดท้ายแม้ว่าผมจะคิดหนังเรื่องนี้จบแบบไม่โลกสวยเท่าไหร่ (หรือเพราะในอินเดียผู้หญิงยังเป็นรองผู้ชายอยู่เยอะเลยเป็นแบบนี้) แต่มันก็จบได้ลงตัวในแบบของมันแล้วครับ

Captain America: The Winter Soldier

Captain America: The Winter Soldier เป็นภาคต่อของ Captain America: The First Avenger ที่กระแสตอบรับดีกว่าภาคแรกแบบถล่มทลาย (รวมไปถึง Thor 2 ด้วย)

Captain America: The Winter Soldier poster

หนังภาคนี้เล่าเรื่องต่อจาก The Avengers เช่นเดียวกับ Iron Man และ Thor ครับ ภาคนี้ไม่มีนาซี ภัยร้ายจากนอกประเทศให้พี่ Cap ต่อสู้แล้วแต่พี่ Cap และ Black Widow (Natalia Romanova) ต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามเพื่อสันติภาพจาก S.H.I.E.L.D. เองรวมไปถึงนักฆ่าในตำนานอย่าง The Winter Soldier ด้วยครับ

The Winter Soldier เป็นหนังที่สนุกมากๆ ครับ มันสนุกกว่าภาคแรก สนุกกว่า Thor 2 รวมไปถึง Iron Man 3 อย่างชัดเจน หนังเดินเรื่องสนุกชนิดผมไม่หาวเพราะความอ้อยอิ่งเลยทั้งเรื่อง แถมยังกระจายส่วน action สนุกๆ ไว้ทั้งเรื่องไม่ใช่อัดกันท้ายเรื่องแบบภาคที่แล้ว, หนังมีมุขตลกเจ๋งๆ แทรกไว้ถูกที่ถูกเวลาให้ฮากันได้เป็นระยะๆ, เนื้อเรื่องที่ถือว่าทันสมัยเข้ากับเหตุการณ์ในปัจจุบันอย่างเรื่อง NSA หรือ Wikileaks ที่ศัตรูของคนในชาติไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายหรือประเทศอื่นแต่คือตัวรัฐเอง แถมด้วย fan service ที่ให้หลายๆ ฉากในหนังเหมือนกับฉากจากใน comic อย่างจงใจเลยครับ ส่วนสาวๆ ในหนังอย่าง Cobie Smulders (รับบท Maria Hill) และ Emily VanCamp (รับบท Sharon Carter/Agent 13) ก็โครตแหล่มเลยยยยยยยยยยย

ข้อเสียเดียวของภาคนี้คงจะเป็นตัว The Winter Soldier เองที่บทน้อยไปนิด คือจริงๆ ก็เด่นแหละ แต่ไม่บทมันดูไม่มีพลังเท่า Red Skull ที่ Hugo Weaving เล่นไว้ครับ อีกอย่างคือ Scarlett Johansson ในเรื่องนี้ดูโทรมกว่าตอน Iron Man และ The Avengers อย่างชัดเจน T^T

สรุป Captain America: The Winter Soldier สนุกโฮกๆ ควรไปดู

Spoil:
Agent 13 หรือ Sharon Carter เป็นหลานของ Pegger Carter แฟนของพี่ Cap ในภาคแรก และสุดท้ายก็มาเป็นแฟนพี่ Cap
– มีต่อหลัง end credit 2 รอบครับ รอบแรกตอนหลังจบ CG รอบสองหลังจบทังหมด
– ฝาแฝดที่อยู่ใน end credit ของ The Winter Soldier คือ Quicksilver และ Scarlet Witch ทั้งคู่เป็น mutant, อยู่ในทีม Avengers และเป็นลูกของ Magneto ทั้งคู่จะโผล่มาทั้ง X-Men: Days of Future Past (ของ Fox) และ Avengers: Age of Ultron (ของ Marvel Studio ที่ทำหนัง) คนละคนแสดง โดยใน X-Men จะไม่บอกว่าทั้งคู่อยู่ Avengers (เพราะ license เป็นของ Marvel) ส่วนใน Avengers จะไม่บอกว่าทั้งคู่เป็น mutant (เพราะ license ยังอยู่ในมือ Fox)