สะพายกล้องเที่ยวทิพย์ยุโรป: ตอนที่ 7.1 Fine day in Bruges (ตอนแรก)

ต่อจากตอนที่แล้วนะครับ (หลังจากพาเถลไถลไปทริปอื่นซะหลาย entry) วันนั้นเราเที่ยวอยู่ในเมือง Bruges เต็มๆ โดยแยกกันเดินตามความสนใจแต่ละคน มีเจอกันบ้างเพื่อเที่ยวบ้างที่เพราะว่าเมืองมันเล็กเหมือนกันครับ


เมือง Hipster จริงๆ แค่จอดจักรยานไว้หน้าบ้านก็สวยล่ะ


อาคาร Mordern เดียวที่เห็นในเมือง

ผมแวะกินอาหารมื้อเช้าที่ร้าน Panos ที่เป็นร้าน Bakery ครับ เลือกเพราะเป็นเมนูที่ดูเข้าใจแค่นั้นแหละ ในร้านมีคนแก่นั่งอยู่ก่อน ตอนแรกมองผมแปลกๆ แต่พอผมยิ้มให้โบกไม้โบกมือเล่นกับหมานางนางก็ยิ้มแฉ่งให้เลย ^^


บรรยากาศแถวที่พัก สงบดี

อย่างที่เล่าในตอนที่แล้วว่าเมือง Bruges นั้นเป็นเมืองเก่าตั้งแต่ปี 840 (ยุคไวกิ้ง) และเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองทั้งการค้า, ศิลปะและการท่องเที่ยวจึงมีโบสถ์และวิหารศาสนาคริสต์สวยๆ เยอะมาก วันนั้นจึงเป็นวันเดิมชมวัดของผม (ซึ่งลอก @processic เอา ฮี่ๆ) ซึ่งโบสถ์แรกที่ผมเข้าคือ St. Salvator’s Cathedral


Continue reading “สะพายกล้องเที่ยวทิพย์ยุโรป: ตอนที่ 7.1 Fine day in Bruges (ตอนแรก)”

Happy Thursday Night

ระยะนี้ช่วงเวลาที่มีผมมีความสุขที่สุดในสัปดาห์คือคืนวันพฤหัสบดี

จริงๆ แล้ววันพฤหัสเป็นวันที่มีประชุมที่ยืดยาวที่สุดวันหนึ่ง งานก็หนัก แต่ก็เป็นคืนที่ได้ดู Series เรื่อง Hospital Playlist (Netflix) ที่ฉายตอน 3 ทุ่ม กว่าจะจบก็เกือบๆ 5 ทุ่ม ดูเสร็จทำอะไรก๊อกๆ แก๊กๆ นิดหน่อยแล้วพุ่งไปนอนเลย หรือวันไหนดูหลังจากนั้นก็จบเที่ยงคืนกว่าๆ แล้วก็นอนเลยเช่นกัน คือเป็นคืนที่ได้ผ่อนคลายเต็มๆ ไม่ต้องคิดไม่ต้องทำอย่างอื่นนอกจากดู Series อย่างมีความสุขแล้วนอน

คิดๆ ไปแล้วนึกถึงช่วงทำงานปีแรกที่งานหนักระดับเลิกงานตี 1 ตี 2 ทุกวันแต่ก็มีคืนวันพฤหัสที่ต้องรีบกลับบ้านมาให้ทันดูชิงร้อยชิงล้าน หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังกับช่วงสามช่าตอนที่มันยังตลกโคตรๆ อยู่ ลืมความทุกข์ ความเครียดทุกอย่างชั่วขณะแล้วนอนอย่างมีความสุข

บางทีการเยียวยา (หรือหนี) จากอะไรบางอย่างมันก็วนลูปโดยที่ไม่รู้ตัวเหมือนกัน

Happy Birthday to Me

ปีนี้เป็นปีแรกที่ฉลองวันเกิดแบบแปลกๆ เพราะพ่อผมไปกักตัวอยู่ข้างนอก ก็เลยต้องฉลองกันแค่ผมกับแม่แล้วส่งรูปเค้กไปให้พ่อผมทาง Line แทน

ปีที่ผ่านมา (นับตั้งแต่เริ่มโควิดละกัน) จนมาถึงวันเกิดปีนี้เป็นปีที่ได้อยู่กับตัวเองมากที่สุดแล้ว แต่ก็อยู่กับตัวเองแบบไม่มีพื้นที่ส่วนตัวใดๆ กลายเป็นความรู้สึกติดแหงก เหนื่อยมาก เหนื่อยฉิบหาย โคตรล้า เหนื่อยทั้งกายและใจแบบระบายกับใครไม่ได้เพราะคนอื่นก็รู้สึกแบบเดียวกัน ของขวัญวันเกิดให้ตัวเองยังไม่มีอารมณ์หาเลย

เรื่องสุขภาพก็เป็นช่วงอายุที่เปลี่ยนแปลงมาก เข้าโรงพยาบาลสองรอบ รู้เรื่องอาการป่วยเรื้อรังตัวเองล่ะ ช่วงนี้ก็รักษาสุขภาพ ปรับการกิน ออกกำลังเบาๆ จนน้ำหนักลดลงมาได้แตะหลัง 7x กิโลเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี หวังว่าจะไม่ฉิบหายมากไปกว่านี้

สุดท้ายนี้ขอให้ทุกท่านมีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรง รอดปลอดโควิด รัฐบาลกับพรรคพวกเหี้ยๆ จบสิ้นไปเสียทีครับ