สะพายกล้องเที่ยวทิพย์ยุโรป: ตอนที่ 7.1 Fine day in Bruges (ตอนแรก)

ต่อจากตอนที่แล้วนะครับ (หลังจากพาเถลไถลไปทริปอื่นซะหลาย entry) วันนั้นเราเที่ยวอยู่ในเมือง Bruges เต็มๆ โดยแยกกันเดินตามความสนใจแต่ละคน มีเจอกันบ้างเพื่อเที่ยวบ้างที่เพราะว่าเมืองมันเล็กเหมือนกันครับ


เมือง Hipster จริงๆ แค่จอดจักรยานไว้หน้าบ้านก็สวยล่ะ


อาคาร Mordern เดียวที่เห็นในเมือง

ผมแวะกินอาหารมื้อเช้าที่ร้าน Panos ที่เป็นร้าน Bakery ครับ เลือกเพราะเป็นเมนูที่ดูเข้าใจแค่นั้นแหละ ในร้านมีคนแก่นั่งอยู่ก่อน ตอนแรกมองผมแปลกๆ แต่พอผมยิ้มให้โบกไม้โบกมือเล่นกับหมานางนางก็ยิ้มแฉ่งให้เลย ^^


บรรยากาศแถวที่พัก สงบดี

อย่างที่เล่าในตอนที่แล้วว่าเมือง Bruges นั้นเป็นเมืองเก่าตั้งแต่ปี 840 (ยุคไวกิ้ง) และเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองทั้งการค้า, ศิลปะและการท่องเที่ยวจึงมีโบสถ์และวิหารศาสนาคริสต์สวยๆ เยอะมาก วันนั้นจึงเป็นวันเดิมชมวัดของผม (ซึ่งลอก @processic เอา ฮี่ๆ) ซึ่งโบสถ์แรกที่ผมเข้าคือ St. Salvator’s Cathedral



St. Salvator’s Cathedral เป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในเมือง Bruges ครับ วิหารที่เห็นอยู่นี่คือสร้างใหม่ในปี 1275 (700 กว่าปีมาแล้ว!!) มันเป็นวิหารที่ด้านนอกอาจจะดูเฉยๆ แต่เข้ามาด้านในแล้วสวยสุดๆ ครับ อลังการแต่เงียบสงบดี

ด้านในถ่ายรูปได้อิสระเลย แค่อย่าใช้แฟลชและห้ามรบกวนคนอื่นครับ


ด้านในก็อลังการตามสไตล์ Gothic โมเสกสวยๆ แต่เดินสะดวกมาก


ยังเช้าอยู่ นอนแป๊บ


คนไม่เยอะ เดินสบายๆ

ออกมาผมไป Church of Our Lady (Bruges – Onze-Lieve-Vrouwekerk) ที่เห็นได้จากทุกมุมของเมืองต่อครับ ด้านในสวยงามไม่แพ้ St. Salvator’s Cathedral เลย


ถ่ายรูปได้อิสระ แต่ห้ามใช้แฟลชและรบกวนคนอื่นเช่นกัน

ที่ Church of Our Lady มีโซนจ่ายเงินเพื่อเข้าชมด้วยครับ (มี Pass นะ แต่ไม่รู้ว่าซื้อที่ไหนเหมือนกัน) ค่าเข้า 4 EURO อาจจะดูเยอะแต่บอกเลยว่าโคตรคุ้ม งานศิลปะด้านในสวยมากกก

ที่บอกว่าโคตรคุ้มคือราคานี้รวมค่าชมรูปแกะสลักหินอ่อน Madonna of Bruges ฝีมือ Michelangelo จิตรกร สถาปนิก และประติมากรชื่อดังในสมัย Renaissance ครับ

ถ้าใครเคยดูหนัง The Monuments Men จะคุ้นมากเพราะจุดหนึ่งในหนังเรื่องเกิดที่นี่กับรูปแกะสลักนี่แหละ สวยงาม แค่ยืนดูเฉยๆ ก็อิ่มล่ะ

ออกจากโบสถ์ก็ไปเดินเล่น Markt (Market Square) ช่วงนั้นใกล้ๆ เที่ยง คนเยอะดี

วันนั้นมีตลาดด้วย ผมเดินถ่ายรูปสนุกมาก ผู้คนก็ Friendly ดี (น่าจะชินกับนักท่องเที่ยว) แต่ผมไม่ได้ซื้ออะไรนะ แหะๆ


น้องงงง


พ่อค้าแม่ค้ายิ้มแย้มดี ชอบๆ

ตอนเที่ยงแยกกันกินข้าวครับ ตรงนั้น Markt ร้านอาหารเยอะอยู่ ผมเลือกเข้าร้าน Le Panier d’Or เพราะดูน่ากินดี (+ดูมีห้องน้ำแน่นอน!!) ผมสั่งสตูกับน้ำเปล่า แต่ได้น้ำแร่มาซะงั้น (คิดตังค์ กรี๊ดดด) ส่วนสตูอร่อยดีครับ น้ำแกรวี่หวานๆ ได้เฟรนฟรายเยอะดี อิ่ม ราคา 19 EUR ต้องจ่ายสดเพราะรูดบัตรขั้นต่ำ 25 EUR โฮฮฮฮ


รูปนี้ถ่ายจากบนอาคาร Historium Bruggeนั้นแหละ

กินเสร็จก็นัดเจอเพื่อนๆ เพื่อขึ้นหอคอย Belfry of Bruges กัน เป็นป้อมปราการที่ต้องขึ้นบันได้ 366 ขั้นเพื่อขึ้นไปชมชั้นบนสุดครับ คิวยาวมากกกกกเพราะต้องรอคนลงบันไดก็โคตรชันแต่ตอนขึ้นไม่เหนื่อยนะเพราะมันต้องค่อยๆ เดินๆ หยุดๆ ตลอด หลีกทางคนลงบ้าง
มีจุดพักตลอด


ที่เห็นนั่นคือคิวขึ้นหอคอย


จุดพักจะมีประวัติของหอคอยให้อ่านกัน

ด้านบนสวย เห็นวิวได้ไกลมากๆ เสียดายวันนั้นฟ้าปิด T^T

ขาลงเดินเร็วเพราะคนน้อยแทบไม่ต้องหลีกกัน อ้อ ถ้าจะเข้าห้องน้ำมีชั้นล่างสุด เสียตังค์ด้วยนะครับ


น้องหมาาาา

ลงมาก็แยกกันเดินต่อ ผมเลือกที่จะไปกินหอยอบร้าน Poule Moules กับ @thanr และ @officialyui ครับ อร่อยมากกก เหมือนอบด้วยเบียร์เลย ชอบๆ

ก็ขอจบค่อนวันแรกไว้เท่านี้ครับ ตอนหน้าจะพาไปเดินโบสถ์อื่นๆ กับชมแสงสีเมืองโบราณยามค่ำคืนกัน

Link:
สรุปทริป Netherlands, Belgium, France, Vietnam 2018

2 thoughts on “สะพายกล้องเที่ยวทิพย์ยุโรป: ตอนที่ 7.1 Fine day in Bruges (ตอนแรก)

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.