สะพายกล้องเที่ยวยุโรป: พาชมพระราชวังแวร์ซายแบบทิพย์ๆ

หนึ่งในสถานที่ที่ผมกับเพื่อนวางแผนไว้ว่าต้องไปแน่ๆ ในทริปยุโรป-เวียดนาม เมื่อปี 2018 คือ พระราชวังแวร์ซาย (Château de Versailles) (Offical Website) ครับ ซึ่งตอนนั้นก็ได้น้อง @processic เป็นคนจัดการจองตั๋วล่วงหน้าผ่านเวบพระราชวังโดยตรงเลย การซื้อตั๋วนั้นจะต้องระบุวันที่จะไปและโปรแกรมว่าจะทำอะไรบ้างซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นการชมพระราชวัง+กิจกรรมเสริมต่างๆ เช่นกินอาหารกลางวัน ปั่นจักรยานงี้ ซึ่งตอนนั้นผมเลือก basic สุดคือแค่ชมพระราชวังครับ

การเดินทางไปพระราชวังแวร์ซายนั้นก็ง่ายคือนั่งรถไฟ RER C ไปสถานี Versailles-Château-Rive Gauche station ครับ รถไฟที่นั่งไปเป็นสองชั้นด้วย ส่วนในสถานีก็ตกแต่งเข้ากับบรรยากาศพระราชวังดี


ตั๋วรถไฟ ดูธรรมดาๆ เนอะ


รูปนี้ตอนเปลี่ยนขบวนครับ สวยมาก ชอบ


รถไฟสองชั้นด้วยยย

พอออกจากสถานี Versailles-Château-Rive Gauche station ก็จะเป็นตัวเมือง มีร้านค้า ร้านอาหาร ส่วนการไปพระราชวังก็ง่ายมากครับ เดินตามเขาไปแหละ แป๊บเดียวก็ถึง


ถึงแล้ว คิวยาวมากก

ถึงคิวจะยาวแต่ก็ลื่นไหลดีครับ ยืนๆ เดินๆ แป๊บๆ ก็ได้เข้าล่ะ มีตรวจกระเป๋าละเอียดยิบซึ่งก็เข้าใจได้ ด้านในถ่ายรูปได้ตามสบายแต่ห้ามใช้แฟลชเด็ดขาดเลย


ระหว่างต่อคิวก็เดินมาถ่ายรูปแบบนี้ได้นะ


เข้ามาล่ะ

พอเข้ามาข้างในแล้วทัวร์จีนเพียบครับ ถ่ายรูปเปิดแฟลชกันจนเจ้าหน้าที่เดินเอาป้ายมาบังหน้ากล้องเลย เดือดดี ส่วนพวกผมกับเพื่อนก็เดินแยกกันล่ะ


The Royal Chapel


โมเดลจำลองพระราชวัง


ห้องจำลอง

พระราชวังแวร์ซายนี้สร้างในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1661 โน่นเลย ทังพระราชวังและสวนได้รับการยกให้เป็น UNESCO World Heritage Site ในปี 1979 ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้ประชาชนทั่วไปเข้าชม


แน่นอนว่าเป็นวังเก่าก็ต้องมีรูปภาพประดับประดาเพียบ แต่หลายชิ้น ของจริงอยู่ที่ Louvre นะ


ช่วงที่ไปมีนิทรรศการนี้อยู่ แต่เสียดายที่ไม่ได้เข้า


ทางเดินระหว่างห้องครับ อลัง

หนึ่งในห้องที่ผมชอบที่สุดคือห้อง The Cursades Rooms (Salles des Croisades) ซึ่งรวมรูปภาพของสงครามครูเสดไว้ แต่ละรูปอลังการงานสร้างมากๆ ตัวห้องก็สวย แค่ห้องนี้ก็อยู่ดูรูปเฉยๆ ได้นานล่ะ

เดินหลงไป The Royal Opera (Opéra royal de Versailles) อลังการไม่แพ้กัน


ด้านในหน้าจะเป็นห้องกระจกอันโด่งดัง


ด้านบนของ The Royal Chapel ต้องเข้ามาด้านในถึงจะขึ้นมาได้ครับ


Meal at the House of Simon the Pharisee ใน Salon d’Hercule

นอกจากรูปภาพสวยๆ รูปปั้นงามๆ แล้ว เพดานแต่ละห้องก็ประดับประดาและตกแต่งด้วยการวาดรูปสวยๆ เช่นกัน เป็นวังที่มีอะไรให้เงยหน้าดูหลายห้องมากครับ


พระบรมฉายาลักษณ์ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ในThe Apollo Room

และแล้วก็มาถึงห้อง Hall of Mirrors (Grande Galerie) ครับ คนโคตรเยอะ ห้องสวยมากกก ถ่ายรูปเพลินเลย


เห็นกระจกรางๆ นั่นคือเขาไว้กั้นโซนเดินใน Hall เฉยๆ ครับ


คนเยอะมากกก

ในห้องนี้ยังมีรูปวาดเหตุการณ์เมื่อตอนที่ราชทูตสยามไปฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 1686 ด้วยครับ คณะทูตนี้นำโดยออกพระวิสูตรสุนทร (ปาน) ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช นั่นเอง


แต่มีคนบอกว่ารูปจริงอยู่ที่ Louvre นะ


คนมาเที่ยวก็หลากหลายเชื้อชาติ


รูปนี้หาข้อมูลย้อนหลังไม่ได้จริงๆ ว่าห้องไหน

อีกห้องที่โด่งดังคือ The Coronation Room ที่มีรูปวาด The Coronation of Napoleon (Le Sacre de Napoléon) ครับ รูปนี้ของจริงก็อยู่ที่ Louvre อีกล่ะ (ตกลงที่นี่มีอะไรจริงบ้างฟ่ะ!!!)

ในห้องนี้ยังแสดงศิลปะอย่างอื่นที่สื่อถึงนโปเลียนและเหตุการณ์ต่างๆ ในยุคนั้นด้วยครับ


The Distribution of the Eagle Standards


Napoleon I


Joséphine Bonaparte (Empress Joséphine)

ส่วน Gallery รวมรูปแบบจริงจังที่ไม่ใช่ห้องปกติก็มี The Gallery of Great Battles (Galerie des Batailles) ที่จัดแสดงภาพวาดเชิดชูเกียรติทหารฝรั่งเศสในสงครามต่างๆ ไว้ครับ เก่าสุดคือ Battle of Tolbiac ในปี 496 ตั้งแต่ยุคเผ่าแฟรงก์ โน่นเลย


Battle of Bouvines


Entry of Jeanne d’Arc at Orléans

ผมเดินชม เดินถ่ายรูปไปปีกนึงของพระราชวังก็ไม่จบซะที แถมอีกพักใหญ่ก็ถึงเวลานัดแล้วด้วยเลยตัดสินใจเดินออกไปชมสวนประจำพระราชวัง (Jardins du château de Versailles) แทนค่า ซึ่งไอ้สวนนี่ถ้าซื้อบัตรแยกต้องจ่ายอีก 8.5 ยูโร แต่คิดว่าไหนๆ ก็มาแล้วก็จ่ายให้จบไปล่ะกัน

แต่ก็มาเจอสภาพอากาศที่สวนสีเขียวสวยงามนั้นแห้งแล้งที่สุดเช่นกัน ฮรือออออ

ที่ระทึกใจคือเข้ามาในสวนปุ๊บจะติดต่อเพื่อนๆ ว่าเออเข้าสวนมาแล้วนะ แบตมือถือเหลือ 50% แล้วเครื่องดับไปเลย เปิดไม่ติดซะงั้น ระทึกสัดๆ ต้องชาร์จแบตอยู่นานกว่าจะเปิดติดและบอกเพื่อนๆ ว่ามาดูสวนนะ จะไปจุดนัดช้าหน่อย


กว้างใหญ่มากกกกกกกกกกกกกกกกกกก

สวนนี่ถ้าฟ้าเปิด และมาฤดูที่พวกพรรณไม้งอกงามเต็มที่เช่นหน้าร้อนหรือฤดูใบไม้ผลิน่าจะดีนะครับ เสียดายยย

อีกอย่างคือมีผมเดินสวนคนเดียว เพื่อนๆ รออยู่ ผมเลยต้องรีบเดิน รีบถ่ายรูปแบบชะโงกทัวร์ เหนื่อยมาก เหงื่อออกเต็มตัวทั้งๆ ที่อากาศหนาวๆ อ่ะ


แถวๆ นี้มีเปิดเพลงในสวนด้วย


จุดนี้คือเหงื่อเต็มตัวจ้า

เข้าไปเดินใน The labyrinth of Versailles มานิดหน่อย สวย สงบจนน่าแปลกใจ ถ้ามีเวลาคงเดินตรงนี้ได้นานแน่ๆ


รีบเดินกลับล่ะ

เดินเสร็จก็รีบกลับไปเจอเพื่อนๆ แล้วก็กลับกันครับ ขากลับก็ไปนั่งรถไฟที่สถานีเดิมกลับเข้าเมือง สบาย เที่ยวง่ายจริงๆ

ผมและเพื่อนใช้เวลาเที่ยวพระราชวังแวร์ซายไป 3 ชั่วโมงกว่าๆ ยังเดินชมได้แค่ 1/3 เองครับ ถึงส่วนใหญ่ของจริงจะอยู่ที่ Louvre ก็เถอะแต่พอชมที่นี่ก็ได้บรรยากาศพระราชวังอันแสนสวยงาม อลังการงานสร้างทดแทนกันไป นี่ยังไม่นับสวนที่ผมเดินได้แค่เสี้่ยวเดียวนะ ถ้าใครไปฝรั่งเศสแล้วชอบงานศิลปะ ชอบเดินชมวังโบราณสวยๆ ที่เดินง่าย สบายๆ เดินทางสะดวกก็แนะนำเลยว่าห้ามพลาดครับ

Link:
สรุปทริป Netherlands, Belgium, France, Vietnam 2018

3 thoughts on “สะพายกล้องเที่ยวยุโรป: พาชมพระราชวังแวร์ซายแบบทิพย์ๆ

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.