Spider-Man: Miles Morales

Marvel’s Spider-Man: Miles Morales เป็นเกมภาคต่อของ Marvel’s Spider-Man (แต่ไม่นับเป็นภาค 2 นะ) และยังหนึ่งในเกม showcase ของเครื่อง PlayStation 5 ที่ตั้งใจออกมาแสดงพลัง Graphic และความเร็วในการโหลดเกมของ PS5 ครับ

แผ่นที่ผมเล่นเป็นแผ่นของ PS4 ซึ่งเพื่อนให้ยืมมาช่วงปลายปีที่แล้ว ผมก็เล่นข้ามปีจนจบเมื่อปลายมกราคมที่ผ่านมาแต่เพิ่งได้มีโอกาสเขียน Blog ถึงนี่แหละ ขอขอบคุณเพื่อนกอล์ฟมา ณ ที่นี้ครับ


Spider-Man: Miles Morales เล่าเรื่องราวต่อจาก Spider-Man PS4 ที่เราได้รู้ว่า Miles Morales ก็มีพลังแมงมุมเหมือนกันและได้ Peter Parker คอยสอนวิธีใช้พลังในการเป็น superhero ให้ ในภาคนี้ Miles ต้องรับหน้าที่ดูแลเมือง New York คนเดียวสักพักด้วยเหตุผลบางอย่าง ซึ่งช่วงนั้นความขัดแย้งระหว่างบริษัทที่มีลับลมคมในอย่าง Roxxon Energy Corporation กับกลุ่มอาชญากรรมชื่อ Underground ที่นำโดยวายร้าย Tinkerer

สิ่งแรกที่ต้องบอกคือเกมมันเนื้อหาสั้นมากครับ ความยาวจริงๆ ของ Story นี่เล่นแป๊บๆ ก็จบแล้ว (มีคนบอกว่ายาวประมาณ 1 DLC) แต่ที่ผมใช้เวลาเล่นนานเพราะว่ามัวแต่ไล่ทำ quest ย่อย task ยุบยิบอันมากมายมหาศาลอยู่ คือเหมือนผู้พัฒนารู้น่ะว่าเนื้อหามันสั้นก็เลยยัดพวก side quest มาให้เพียบ แถมด้วยการหลอกล่อให้เล่น New Game+ เพื่อปลดล็อค skill กับถ้วยอีก

แต่ถึงเกมจะสั้นแต่มันก็สนุกพอๆ กับภาคหลัก (ขอเรียกว่าภาคหลักละกัน) ครับ ด้าน Gameplay นั้น Miles มีพลังพิเศษอย่าง Venom Blast ที่ปล่อยกระแสไฟฟ้ากับ Camouflage ที่ใช้พรางตัวได้เพิ่มเข้ามาตัวเกมก็เลยท้าทายขึ้น ศัตรูเก่งขึ้นและเราหลบการโจมตียากขึ้นด้วย ทำให้การต่อสู้แม้จะเป็นสู้กับพวกลูกกระจ๊อกแต่ถ้าประมาทก็เจ็บตัวหนักอยู่ ถือว่าทำสมดุลได้ดี ที่ผมชอบคือพวกด่าน Stealth ทำได้สนุกกว่าภาคแรกมาก บีบให้เราใช้ความสามารถพรางตัวแบบต้องคิดเยอะพอตัวเลย

เนื้อหาของภาคนี้ดราม่าหนักหน่วงกว่าภาคหลักเสียอีก และด้วยความที่เกมสั้นทำให้เข้าประเด็นเร็วกว่า ปมดราม่าก็อินง่ายกว่าและทำให้เราเข้าใจความขัดแย้งในใจ Miles ได้เป็นอย่างดีนอกจากนี้ตัวเกมยังมีการกล่าวกระแสสังคมอย่าง Black Live Matter, ความเท่าเทียมทางเพศ, ความเท่าเทียมของคนพิการและอื่นๆ แบบเนียนๆ ด้วย เพลงประกอบก็เน้นแนว Hip-Hop, R&B เป็นพิเศษ จุดนี้ผมยกให้เหนือกว่าภาคหลักครับ

ด้าน Performance ของเกมนั้นถึงผมจะเล่นเกมนี้ใน PS4 รุ่นแรกแต่ก็รู้สึกว่ามันลื่นไหลดี โหลดช้าแค่ตอนเข้าเกมครั้งแรกหลังจากนั้นก็โหลดไวล่ะ เข้า misson ต่างๆ, ตายแล้วต้องโหลดใหม่หรือตัดเข้า cutscene อะไรนี่ไวหมด ตัวเกมยังเป็น Open World ที่ให้เราเดินทางได้อย่างอิสระเหมือนเดิม ผมเล่นแล้วไม่เจอกระตุกแต่อย่างใด

ปัญหาพวก side quest กับ task ซ้ำๆ ยังตามมาหลอกหลอนจากภาคหลักครับ ช่วงแรกๆ มันก็สนุกกับความแปลกใหม่ด้วยพลังของ Miles และศัตรูแหละ แต่พอกลางๆ เกมก็เริ่มเอียนแล้ว เพราะความเอียนนี่แหละทำให้ผมไม่เล่นต่อ New Game+ เพื่อเก็บ Platinum – -” อีกอย่างคือตัวเกมขายราคาเท่าเกมเต็มเลยครับทั้งๆ ที่เกมสั้นเท่า 1 DLC เท่านั้นเอง อ้อ แม่งเปลี่ยนหน้า Peter Parker ด้วยยยยย (ล้มโต๊ะ)

สรุปแล้ว Spider-Man: Miles Morales เป็นเกมเรียกน้ำย่อยให้เราอยากเล่นภาค 2 ได้เป็นอย่างดี เพื่อนที่มี PS5 ก็บอกว่าภาพสวย โหลดไวมากกกกกก ส่วนเรื่องว่าแนะนำให้เล่นไหมนี่ผมสองจิตสองใจอยู่เพราะว่ามันก็สนุกจริงแหละ แต่มันก็สั้นเกินไปสำหรับเกมราคาเต็มเหมือนกัน (แต่ช่วงนี้ถ้ามี PS5 ก็คงไม่พลาดเกมนี้แหละเนอะ)


น้องงงงงงงงงงงงงงง


น้องงงงงงงงงงง

ขอบคุณเพื่อนกอล์ฟอีกครั้งนึงที่ให้ยืมเล่นเกมนี้ครับ


ฮรือ ปู่

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.