สรุปทริปหลวงพระบาง

เมื่อวันที่ 31 ตุลาคมถึง 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมาผมไปเที่ยวเมืองหลวงพระบาง ประเทศลาวมาครับ จุดเริ่มต้นคืออยากไปเที่ยวคนเดียวเงียบๆ ชิลๆ สงบๆ เพื่อชาร์จพลัง ตอนแรกก็เล็งไปญี่ปุ่นซ้ำไว้แต่ค่าโรงแรมมันแพงเหลือเกิน หาไปหามาไม่รู้นึกยังไงลองกดดูตั๋วเครื่องบินและที่พักหลวงพระบางเล่นๆ แล้วโอเคก็เลยเปลี่ยนใจไปลาวแทนครับ ทริปนี้นับเป็นการไปลาวครั้งที่สองของผม (ครั้งแรก) และเป็นการไปหลวงพระบางเป็นครั้งแรกด้วยครับ


  • วันที่ 31 ตุลาคม
  • วันที่ 1 พฤศจิกายน
  • วันที่ 2 พฤศจิกายน
    • รีบแหกขี้ตาตื่นมาดูเขาใส่บาตรตอนตี 5 ครึ่งอีกรอบ..
    • กินข้าวเช้าในตลาดเช้า เดินชมตลาด ถ่ายรูป
    • จากเมื่อวานทำให้พบว่าวัดเชียงทองเหมาะกับแสงเช้ามากกว่าเลยเดินกลับไปถ่ายรูปอีกที พอใจล่ะ
    • แวะกินกาแฟร้าน Cafe de Laos ดีงาม
    • ไปส่งโปสการ์ดที่ไปรษณีย์หลวงพระบาง (La Poste)
    • กินกาแฟ Joma (อีกแล้วววว) นึกได้ว่าพลาดร้าน Saffron Coffee ไปก็จังหวะนี่แหละ แต่ไม่มีเวลาแล้ววว T^T
    • กินข้าวร้าน Cafe Toui แพงที่สุดในทริป เกินแสนกีบ แต่คุ้มค่ามากๆ
    • นั่งรถจากโรงแรมไปสนามบินหลวงพระบาง (50,000 กีบ)
    • นั่งเล่นใน Lounge Bangkok Airways แล้วนั่ง Bangkok Airways ถึงไทยโดยสวัสดิภาพ (ขากลับเครื่องใหญ่ด้วย)

Blog:
สะพายกล้องเที่ยวทิพย์เมืองหลวงพระบาง: พาเที่ยวตาดกวางสี
จุดตั้งต้นของทริปนี้คืออยากไปเที่ยวชิลๆ เดินเมืองเล็กๆ นั่งแช่ร้านกาแฟ/คาเฟ่ เดินชมวัดสวยๆ แต่เอาเข้าจริงผมก็เที่ยวแบบลุยๆ เดินเป็นวัวเป็นควายเหมือนเดิม ไม่ได้รู้สึกว่าได้อยู่นิ่งๆ เลย หมดวันกลับที่พักแล้วเหนื่อยมากกก (แต่สนุกนะ) ต้องพยายาม slow down ตัวเองตอนเที่ยวอีกเยอะเลยล่ะ T^T

ทริปนี้เป็นการนั่งเครื่อง Bangkok Airways ครั้งแรกของผม บริการดี มี lounge มีของว่างให้กินเต็มที่ แต่ไม่มีข้าวนะ ผมต้องไปเข้าเลาจน์ King Power เพื่อกินโจ๊กแล้วกลับมากินข้าวต้มมัดที่นี่ เครื่องขาไปเป็นเครื่องเล็กหน่อยส่วนขากลับได้เครื่องใหญ่ ที่นั่งเล็กแต่ว่านั่งสบายดีครับ ส่วนที่พัก Saynamkhan River View ซึ่งเป็นที่แนะนำประจำพันทิบนั้นก็ดีเลยครับ พนักงานบริการดี ห้องแม้จะเก่าหน่อยแต่ก็สะอาดและสะดวกสบายดี (คำแนะนำคือไม่ต้องจองห้องติดวิวแม่น้ำหรอก)

หลวงพระบางเป็นเมืองที่เที่ยวง่ายมากครับ เป็นเมืองเล็กๆ ถนนสายหลักมีเส้นเดียว +1 (เส้นริมแม่น้ำโขง) ที่เที่ยวเกือบทุกที่ก็อยู่บนถนนเส้นหลักนี่แหละ ส่วนตัวแนะนำให้เช่าจักรยานหรือมอเตอร์ไซค์เพราะทุ่นเวลาและแรงได้เยอะเลย ผู้คนทั้งชาวบ้านและนักท่องเที่ยวก็นิสัยดี การสื่อสารก็พูดไทยได้เลยครับ ทั้งทริปผมแทบไม่ได้พูดภาษาอังกฤษเลยยกเว้นพูดกับนักท่องเที่ยวด้วยกันในทริปไปน้ำตกกับที่ร้านพิซซ่าเท่านั้นเอง ช่วงที่ไปติด Halloween พอดี ก็มีเด็กๆ มาเล่นสนุกกันด้วยไม่ต่างจากที่อื่นเลยครับ

สิ่งที่ชอบอีกอย่างคือหลวงพระบางเป็นเมืองที่เงียบสงบมากทั้งๆ ที่เป็นเมืองท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวก็เยอะครับ ผมรู้สึกว่าเขาแบ่งโซน “เสียงดังได้” กับโซน “ห้ามเสียงดัง” นะ พวกร้านค้าก็มีทั้งที่ทำมาเพื่อการท่องเที่ยวและสำหรับชาวบ้านปนๆ กันไป เป็นเมืองท่องเที่ยวที่รู้สึกว่า “เนียน” กว่าพวกปายหรือเชียงคานบ้านเราเยอะเลย แค่บรรยากาศความชิลยังเป็นรองวังเวียงอยู่นะครับ

เนื่องด้วยหลวงพระบางเป็นเมืองหลวงเก่าของอาณาจักรล้านช้างหลวงพระบาง ซึ่งมีประวัติศาสตร์อันยาวนานถึง 312 ปีและยังเป็นเมืองมรดกโลกด้วย จึงมีแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนาธรรมเยอะมากโดยเฉพาะวัดเก่าๆ สวยๆ เยอะมากครับ ถึงจะเสียค่าเข้าแต่ก็คุ้มค่าอยู่ พวกอาคารบ้านช่องต่างๆ ก็สวยและสภาพดีมากครับ ส่วนประเพณีใส่บาตรตอนเช้านี่ผมรู้สึกว่าเป็นธุรกิจไปแล้วเพราะว่าจากคำแนะนำที่ว่าให้ไปซื้อข้าวเหนียวมาจากตลาดกลายเป็นมีแม่ค้ามาขายตรงนั้นพร้อมราคากลางจากการท่องเที่ยวหลวงพระบางแปะชัดเจน และเป็นสิ่งเดียวที่นักท่องเที่ยวต่างๆ พร้อมใจกันแหกกฏ และส่งเสียงดังมากที่สุดด้วย – -”

สิ่งที่ประทับใจที่สุดในทริปนี้อีกอย่างคือน้ำตกตาดกวางสีครับ น้ำตกอลังการงานสร้างสวยมากกกกกกกกก เดินก็ง่าย ไปตอนเช้าๆ แดดกำลังสวย คนไม่เยอะมาก ครึ้กครื้นแบบไม่เสียงดัง น้ำก็ใส่น่าเล่นมาก (ไปคนเดียวเลยไม่ได้เล่นน้ำ T^T) สรุปคำแนะนำของผมจากการศึกษาสภาพแสงมา 3 วันคือ

  • วัดเชียงทองไปตอนเช้า
  • พระบรมมหาราชวังหลวงพระบางไปตอนบ่าย
  • น้ำตกกวางสีไปเช้า
  • พระธาตุพูสีขึ้นก่อนพระอาทิตย์ตก แต่ไปตบตีกับคนเองนะ

สำหรับ internet ในทริปนี้ผมใช้ sim2fly package ประเทศเพื่อนบ้าน 4 วัน 2GB 99 บาทครับ พอไปถึงสนามบินหลวงพระบางปุ๊บเจอ travel sim ที่นั่นขายอยู่ 6วัน 4GB 100 บาททุกเจ้าเลย T^T ถ้าใครจะไปแนะนำให้ไปซื้อที่โน่นเอาดีกว่า ส่วน sim2fly ที่โน่นก็สัญญาณไวและครอบคลุมดี (ยกเว้นแถวๆ น้ำตกนะ) ไวกว่า wifi โรงแรมด้วยซ้ำ!!! ปลั๊กไฟใช้แบบเรา (แต่สองตา) ก็สบายเลย

ค่าเงินที่นี่ก็หลักเยอะหน่อย ผมแลกไป 5000 บาทจากร้านในไทยได้มา 1,351,000 กีบ ได้ถือเงินหลักล้านเที่ยวก็คราวนี้แหละ ถ้าเราไปแลกที่สนามบินที่โน่นได้เรทดีกว่านี้อีก ที่หลวงพระบางนี่ข้าวของราคาค่อนข้างสูงอยู่เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยว มีตั้งแต่หลัก 15k-20k กีบจนไปถึงมื้อหรูหลักแสนกีบเลยก็มี แต่ถ้ามาคิดดีๆ แล้วก็รู้สึกว่าไม่ได้แพงเวอร์มากแบบเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ เพราะไอ้ที่แพงหลักแสนกีบก็สมราคาจริงๆ เมืองนี้จะเลือกเที่ยวแบบประหยัดหรือแบบหรูๆ ก็ได้หมดครับ อ้อ ส่วนร้านไหนที่บอกราคาไทยมาก่อนถ้าเราจ่ายตามนั้นก็ขาดทุน (นิดหน่อย) นะครับ แนะนำให้ลองถามเงินกีบดู

อาหารที่โน่นนี่มีหลากหลายและกินง่ายครับทั้งก๋วยเตี๋ยวแบบเฝอ, อาหารลาว (ซึ่งกินง่าย), ส้มตำ ไก่ย่าง หมูย่าง ปลาย่าง ข้าวเหนียวงี้หรือจะอาหารฝรั่งก็มีหลายร้านหลายแนว อาหารตามสั่งแบบไทยก็มี ราคาก็มีทั้งถูกๆ หลักหมื่นต้นๆ อาหารมื้อนึงร้านนักท่องเที่ยวก็ 50k-70k ถ้ามื้อแพงๆ ก็หลักแสนกีบครับ ใครขากาแฟนี่มีหลายร้านหลายราคาเลย (ถ้ากาแฟดีๆ หน่อยก็ 50k)

สำหรับผมแล้วหลวงพระบางเป็นเมืองที่เที่ยวง่าย ชิลๆ เดินทางมาง่ายไม่ต้องวางแผนอะไรมาก (เดินทางง่ายกว่าวังเวียงมาก) ข้าวของราคาสมเหตุผล เป็นเมืองพักผ่อนจริงๆ ส่วนตัวแล้วอยากไปซ้ำอีกเร็วๆ นี้เลยครับ ถ้าไปอีกจะไปแค่น้ำตกตาดกวางสี, ถ้ำอู แล้วก็นั่งชิลคาเฟ่ล่ะ \ w / จะไม่พยายามเที่ยวลุยแบบเดิมแล้ว แทนที่จะได้ชาร์จไฟดันกลับมาหมดแรงซะฉิบ T^T

สรุปใช้เงินไป:
– ค่าใช้จ่ายระหว่างทริป (ค่าเดินทาง ค่ากิน ค่าเที่ยว) : 1,001,000 กีบ === 3,698 บาทไทย
– ค่าเครื่องบิน 5,935 บาท
– ค่าโรงแรม 2,385 บาท
– สรุปใช้เงินไปทั้งหมดประมาณ 12,018 บาท (ถ้าพักและเที่ยวแบบประหยัดๆ ก็ลดลงกว่านี้อีก)

ป.ล. มานึกได้ตอนกลับว่าไม่ได้กินแซนวิชขนมปังฝรั่งเศสแบบเวียดนาม T^T ฮรือ (เรียกข้าวจี่)
ป.ล.2 ต่อไปเวลาเที่ยวเมืองแบบนี้ไม่เลือกโรงแรมโปรแกรมมีอาหารเช้าแล้ว ออกไปกินข้างนอกอย่างเดียวดีกว่า

One thought on “สรุปทริปหลวงพระบาง

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.