สะพายกล้องเที่ยวสิงคโปร์ #3

ต่อจากตอนที่แล้ว วันนี้จะพาไปเที่ยวสิงคโปร์กับวันครึ่งที่เหลืออยู่ครับ พอออกจากพิพิธภัณฑ์ National Museum of Singapore ผมก็ออกมาเดินหลงๆ ย่าน Brash Basah เพื่อหาทางไปรถใต้ดินครับ พบว่าสถานีเขาเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัย Singapore Management University เลย คือตึกเรียนกับสถานีนี่อยู่ปนๆ กันเลย เดินไปขึ้นรถไฟ้านี่ผ่านห้องเรียนเลย เจ๋งดี

ผมไปลงสถานี Bayfront เดินเล่นชั้นใต้ดินของ Marina Bay Sand พักนึงแล้วค่อยเดินไป Gardens by the Bayครับ (มีทางเชื่อมใต้ดินเลย) เมื่อผมมาถึง Gardens by the Bay แล้วผมเห็นคิวซื้อตั๋วอยู่ก็เลยไปต่อคิวซื้อแล้วเดินเข้าไปเลย โดยไม่รู้ว่าถ้าจะมาดูแค่ Supertree Grove เนี่ยไม่ต้องซื้อตั๋ว ตั๋วที่ซื้อไปคือไว้เข้า Flower Dome กับ Cloud Forest ซึ่งจริงๆ ไม่ต้องเข้าก็ได้ครับ (ซะงั้น อ้าววววว ค่าเข้าตั้ง 28 SGDDD)


ชั้นใต้ดิน Marina Bay Sand ทำเหมือนคลองที่เวนิส (เหมือนเวเนเทียนที่มาเก๊ากับ Las Vegas แต่คนพายเรือหน้าเป็นตูดมาก)


มุมแรกที่ผมเล็งถ่ายรูปที่ Supertree Grove

ผมไปรอที่ Supertree Grove แล้วพบว่าคนเยอะมากกกก ส่วนใหญ่มากันทั้งครอบครัวมานั่งรอดูไฟกัน ผมย้ายมุมประมาณ 3-4 ครั้งจนได้มุมที่ถ่ายในentry แรก พอถ่ายเสร็จผมก็รีบวิ่งรอกไป 2 โดมนั่งเพราะว่ามีเวลาแค่ชั่วโมงนิดๆ ก่อนโดมทั้งคู่จะปิด


Flower Dome


Flower Dome

เอาเข้าจริงทั้งสองโดมก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่สำหรับคนบ้านเขตร้อนชื้นที่ป่ายังพอมีอยู่แบบบ้านเราเท่าไหร่ครับหรอกครับ ก็คือโดมติดแอร์ที่จำลองเมืองดอกไม้กับป่าร้อนชื้นทั้งป่า (ทั้งต้นไม้ ภูเขาจำลอง น้ำตกจำลอง หินงอกหินย้อยจำลอง) เอาไว้สำหรับบ้านเขาที่ไม่ค่อยมีอะไรพวกนี้ให้ดูกันเท่านั้นแหละ ก็คิดซะว่ามาเดินป่าแบบติดแอร์ตอนกลางคืนละกัน แปลกดี

ผมเดินเที่ยวทั้งสองโดมในเวลารวดเร็ว แล้วก็กลับไปเดินเล่น Marina Bay Sand (โซนห้าง) ที่มันใหญ่ สวยและอลังการมาก แต่ตอนนั้นผมหมดอารมณ์จะถ่ายรูปจะเดิมชมห้างล่ะ รีบเดินไปรถใต้ดิน Bayfront แล้วไปหาอะไรกินย่าน Chinatown ครับ ก็ไปกินบักกุตเต๋ร้าน Song Fa ที่เล็งมานานแถวๆ ที่พัก แล้วก็เดินเล่น Chinatown กินเบียร์ สำรวจร้านอื่นๆ แล้วพบว่าเบียร์ถูกกว่าร้านที่ตัวเองกิน แล้วกลับไปนอนครับ


หย่อยๆ


Archipelago Lager กินง่าย คล่องคอ

เช้าวันรุ่งขึ้นผมเก็บข้าวเก็บของแล้วออกมาหาอะไรกินที่ศูนย์อาหาร Hong Lim Complex เช่นเดิม วันนี้เลือกกินก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาร้าน Hong Xing Handmade fishball noodles ครับ อร่อยดี


ขนมปังไข่ลวกร้าน Toastbox งั้นแหละ


เมี้ยว

ผมเดินหาซื้อของฝากย่าน Chinatown นี้ก่อนกลับไปเก็บของที่โรงแรมแล้ว checkout ครับ ของฝากที่บ้านที่ตั้งใจซื้อรอบนี้คือหมูแผ่นเจ้าดังอีกเจ้าที่ชื่อ Kim Joo Guan นั่นเอง พอ checkout ฝากกระเป๋าแล้วผมก็เดินเล่นย่าน Bugis ก็ไปเดินพวกห้าง Bugis Junction, Bugis+ และห้าง IT ชื่อดังเก่าแก่อย่าง Sim Lim Square ซึ่งเอาเข้าจริงเจ้า Bugis+ ก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากข้างนอกสวย ส่วน Sim Lim Square ก็ไม่มีอะไรพิเศษหรอก เหมือนพวก IT Mall, Pantip บ้านเรานั่นแหละ ผมไปเดินผ่านๆ ไม่ได้ซื้ออะไรเลย อากาศก็ร้อนมากกกกด้วย ที่เดินเยอะสุดคงเป็น >Bugis Junction ที่รู้สึกว่ามีอะไรให้ดูและให้กินเยอะดีครับ (แต่ก็ห้างน่ะ ไม่มีอะไรต่างจากห้างบ้านเราหรอก)


น้องยุน


มีคนบอกว่าร้านหมูกะทะแบบบ้านเรากำลังดังที่โน่น


มากิน Tsukemen ไกลถึงสิงคโปร์

กินเสร็จผมก็กลับที่ไปเดินเล่น Chinatown แถวๆ ตึก ห้างกะตลาดที่ไม่ได้เดิน พบว่ามันมีห้างเก่าๆ โบราณๆ มีตลาด มีศูนย์อาหารซ่อนอยู่เยอะมาก ไว้มาคราวหน้าจะเดินข้ามฝั่งไปให้ทั่วกว่านี้


กาแฟสิงคโปร์ (Kopi) ร้าน Hans

แล้วผมก็ไปเอากระเป๋าแล้วนั่งรถไฟใต้ดินไปสนามบินครับ ตอนไปคืนบัตร EZ-Link เขาคืนบัตรมาให้พร้อมตั๋ว ก็นึกว่าจะเอามาเติมทีหลังได้แต่เขาบอกว่าไม่ได้แล้วซะงั้น ส่วนขึ้นตอนการ checkin และโหลดกระเป๋าก็ไวดี Autogate ที่ ต.ม. ก็พอกับบ้านเราคือถ้าใส่แว่นก็ช้านิดหน่อย (ที่ไวระดับสุดตีนคือที่ฮ่องกง) ที่น่าสนในคือตอนไปคืนใบเข้าเมืองให้เขาเขาบอกว่าไม่ต้องคืนก็ได้ ให้เก็บไว้เป็นที่ระลึก (แล้วจะแจกแล้วให้กรอกทำไม….)

ขากลับไปขึ้นเครื่องที่ Terminal 2 แต่ว่าจะลองไปใช้บริการ Plaza Premium Lounge ที่ Terminal 1 ดู (ตอนนั้นใช้บัตร JCB เข้าฟรี) ปรากฏว่าไม่คุ้มมากครับ ต้องนั่งรถไฟไป T1 แล้วเดินนนนนนไปสุด T1 อีกด้าน อาหารการกินตอนที่ไปก็งั้นแหละๆ กินกันตายซะส่วนใหญ่ ผมเลยรีบออกมา (สวนกับแกงค์เด็กอินเดียเกือบทั้งโรงเรียนที่กำลังเข้าไปพอดี เกือบไปแล้ว) แล้วกลับไป T2 ซื้อของฝาก (เขาปัดเศษลงให้เหมือนเดิม ดีงาม) รอขึ้นเครื่อง Scoot กลับไปลงดอนเมืองครับ

ขากลับผมพลาดดันเอาขวดน้ำ (ที่เต็มไปด้วยน้ำ) เข้าเครื่องสแกน พอเจ้าหน้าที่เขายึดผมจะขอกินก่อนทิ้งเขาก็โยนทิ้งต่อหน้าเลย ทำหน้ายิ้มๆ แล้วบอกว่า “ไอซอรี่” … มึงตั้งใจชัดๆ ส่วนขากลับก็สงบสุขดี อาม่าอากงที่เสียงดังๆ หลับกันหมด ได้นั่งเครื่อง Scoot กลับเลยสบายหน่อย ลำมันใหญ่กว่า Tiger Air ขามามาก ผู้โดยสารที่กลับด้วยเป็นญี่ปุ่นเยอะเหมือนกัน ลองฟังประกาศดูถึงได้รู้ว่าจริงๆ เป็น Flight SG-TH-JP นั่นเอง

ผมถึงสนามบินดอนเมืองแล้วไปเจอ Autogate บ้านเราที่ช้ามากเพราะกดไม่เป็นกันทั้งแถวเลย – -” พอถึงบ้านก็เหนื่อย หลับเป็นตายเลยครับ

ก็ขอจบทริปสิงคโปร์แบบรวดรัดไว้เท่านี้นะครับ ประเทศนี้เปลี่ยนไปมากจากที่ผมไม่ได้ไปมา 7 ปี เจริญขึ้นมาก เที่ยวง่ายขึ้นมากและก็แพงขึ้นมากเช่นกัน ถือว่าเป็นประเทศที่นานๆ ไปที ไม่ต้องวางแผนมากก็เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศที่ดีเหมือนกันครับ

Link:
สรุปทริปตะลุยเดี่ยว เที่ยวสิงคโปร์

One thought on “สะพายกล้องเที่ยวสิงคโปร์ #3

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.