Thor: Ragnarok

Thor Ragnarok เป็นภาคต่อของ Thor: The Dark World และเป็นหนังในเฟสสามของจักรวาล MCU “สายภาพยนต์” ครับ มันเป็นภาคที่เรารู้สึกเลยว่ามันจะไม่เหมือนเดิมตั้งแต่ตอนดูตัวอย่างล่ะ

Thor: Ragnarok เล่าเรื่องราว 2 ปีต่อจาก Avengers: Age of Ultron เมื่อ Thor และ Loki สองพี่น้องคู่กัดต้องเผชิญหน้ากับ Hela เทพีแห่งความตาย แหละหยุดยั้งการล่มสลายของแอสการ์ดหรือที่เรียกกันตามตำนาน Norse ว่า Ragnarok นอกจากเหตุการณ์หลักๆ จะเกี่ยวกับ Thor แล้ว หนังยังโยงเอาเรื่องราวจาก Planet Hulk เข้ามาเอี่ยวด้วย ทำให้เราได้เห็น Hulk มาแจมในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะโยงกันยังไงก็ต้องไปดูกันเอาเอง

Ragnarok เป็นภาคแรกที่เปลี่ยนธีมจากครึ่งๆ กลางๆ ว่าจะจริงจัง จะดราม่าหรือจะตลกในภาคก่อนๆ ไปเป็นสายบู๊ + เอาฮาเต็มตัวครับ (ดูจากตัวอย่างก็รู้) ซึ่งผู้กำกับ Taika Waititi ก็ทำหน้าได้ที่อย่างดีเยี่ยม Thor Ragnarok จึงเป็นภาคที่ดูสนุกที่สุด ตลกที่สุด กวนตีนที่สุด บ้าบอที่สุดและไร้สาระที่สุดครับ ความฮาความวายป่วงของมันเทียบเท่า Guardians of the Galaxy เลยทีเดียว มุกตลกในเรื่องนี้มาครบทุกแนวทั้งมุกควาย มุกเจ็บตัว มุกสามบาทห้าบาท นักแสดงในเรื่องขนมาประเคนใส่เราตั้งแต่ต้นยันจบ หัวเราะกันลั่นโรงทั้งเรื่องเลยครับ (พี่ patsonic ให้นิยามไว้ว่า “หนังตลกคาเฟ่” 555) นอกจากนี้ภาคนี้ยังเป็นภาคที่ฉาก action ในเรื่องสนุกที่สุดแล้ว (สนุกกว่าหนัง MCU อื่นๆ หลายเรื่องด้วยซ้ำ) ฉากเท่ๆ ก็เพียบ

นักแสดงแต่ละคนก็แสดงได้ดีทั้งหน้าประจำ, นักแสดงใหม่ๆ รวมถึงพวก cameo ทั้งหลายขนกันมาเพียบ แต่ที่เด่นที่สุดต้องยกให้ Cate Blacnchett กับบทเทพี Hela ที่โคตรรรเก่ง โคตรเจ๋งและโดดเด่นสุดๆ เป็นวายร้ายที่ทรงพลัง (ทั้งพลังและบทบาท) มากกว่าเจ้าสองตัวก่อนหน้ามากๆ (Destroyer กับ Malekith) เพลงก็ประกอบที่ได้อารมณ์ยุค 80 ก็ดีเยี่ยมครับ โดยเฉพาะเพลง Immigrant Song ก็โคตรเข้ากับเรื่องเลย

แต่แม้ว่าตัว Hela ในหนังจะเจ๋งเพียงไร แต่ว่าเธอก็คือช่องโหว่ที่เด่นที่สุดในเรื่องครับ คือเธอเป็นตัวละครที่ไม่มีมิติ ไม่มี background ใดๆ เลย ยิ่งถ้าเทียบกับ Loki ที่มีทั้งสีสัน มีมิติ ดูมีแง่มุมให้ได้คิดตามว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้นมันก็ยิ่งทำให้ Loki ยังเป็นวายร้ายที่มีสเน่ห์และเจ๋งที่สุดใน Thor ทุกภาค

ถึงแม้ว่าหนังภาคนี้จะนับได้ว่าดูตลกบ้าบอที่สุดในทั้งสามภาค แต่มันก็แฝงแง่คิดดีๆ ที่เป็นใจความสำคัญอยู่ด้วยเช่นกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิ่งสำคัญที่สุดที่แท้จริงของแอสการ์ดคือประชาชน หาใช่สถานที่หรือแผ่นดินไม่, อดีตของแต่ละประเทศ-อาณาจักรต่างๆ ล้วนสร้างจากเลือดและสงคราม ซึ่งมันล้วนแต่ทุกปกปิดหรือจงใจละเลยไปเพราะว่าทางที่เหมาะสมกว่าที่จะก้าวต่อไปคือสันติภาพครับ

สรุป ควรไปดูครับ ไม่เสียดายตังค์แน่นอน

ป.ล. 1 มีฉาก end credit 2 อัน อันสุดท้ายช่างแม่งเหอะ
ป.ล. 2 ควรดู Avenger 2, Doctor Strange ก่อนมา