Review: Nexus 5X (body and software)

ผมใช้มือถือ Note II นานถึง 2 ปีก่อนที่จะมันจะเริ่มรวนๆ จนใช้งานแค่พอได้เมื่อปลายปีที่แล้ว ผมจึงฝากน้อง @m3rlinez หิ้ว Nexus 5X 32GB มาให้จากอเมริกาในราคา Black Friday++ ได้เครื่องเมื่อปลายปีที่แล้วเองครับ

Nexus5X_body_01
ผมว่าผมเช็ดจออย่างดีก่อนถ่ายแล้วนะ – -”

เหตุผลที่ไม่เลือก Nexus 6P เพราะว่ามันใหญ่ไปครับ จอ 5.2″ นิ้วเท่า Note II นี่กำลังดีแล้วล่ะ บอดี้เป็นพลาสติกแบบที่ผิวสัมผัสรู้สึกได้เลยว่ามันคือพลาสติก แต่งานประกอบก็แน่นหนาดีสมราคาของมัน เครื่องเบาดี เบากว่า Note II อีก (136g-182g)

Nexus5X_body_02

เริ่มกันที่ตัวเครื่อง ด้านหลังมี Logo Nexus ตัวบักเอ้งกับ LG อยู่ กล้องนูนออกมาตามสมัยนิยม ส่วนที่อยู่ก่อนกล้องคือที่สแกนลายนิ้วมือ (Nexus Imprint) ตอนใช้งานแรกๆ จะเผลอเอานิ้วไปจิ้มกล้องบ่อย แต่พอชินแล้วจะพบว่ามันใช้งาน work ดีและเป็นธรรมชาติกว่า TouchID ของ 5s ที่เคยใช้มากในเรื่องตำแหน่งนิ้วที่สแกน

Nexus5X_body_07

ข้างขวามีปุ่มเพิ่มลดเสียงกับปุ่ม power ครับ ดูพลาสติกป๋องแป๋งมาก แต่ก็กดง่ายดี

Nexus5X_body_05
ความบางของมือถือเมื่อเทียบกับ Galaxy S6 edge

Nexus5X_body_04
วางเทียบกับ S6 edge แล้วพบว่าขนาดเท่าๆ กันเลย

มือถือรุ่นนี้เสียบ micro SD เพิ่มกับถอดแบตไม่ได้นะครับ บอดี้ปิดตายเลย เป็นมือถือแบบนี้เครื่องแรกที่ผมซื้อมาใช้จริงเหมือนกัน

Nexus5X_body_06
ขออภัยที่ฝุ่นเยอะไปหน่อย

ด้านล่างของมือถือเป็น port USB Type-C (ต่อไปจะเรียกว่า USB-C) กับที่เสียบหูฟังครับ

Nexus5X_body_03

ความระยำที่สุดของ 5X คือสายชาร์จไฟที่ให้มาเป็น USB-C ทั้งสองข้าง คือเจ้าอแดปเตอร์เสียบไฟมันก็เป็น USB-C ทำให้ตอนที่ได้มาแรกๆ เสียบกับคอมหรือว่า power bank ที่มีอยู่ไม่ได้เลย ต้องไปหาสาย USB-C – USB-A ตัวผู้มาใช้ ซึ่งไอ้เจ้าสายบ้านี้แม่งก็หายากฉิบเป๋งในบ้านเรา แทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ อนึ่ง ตัว 6P จะไม่เจอปัญหานี้เพราะสายข้างนึงเป็น USB-A แบบปกติๆ นี่แหละ

ข้อดีของสายนี้คือมัน support Fast charging ซึ่งเร็วจริงสมคำบรรยายครับ (ถ้าเอาสาย USB-C 2 USB-A มาชาร์จมันจะบอกเลยว่า Slow charging) แบตเตอรี่ที่ให้มา 2700 mAh นั้นรู้สึกได้เลยว่าพอใช้จริงแล้วแบตมันหมดไวกว่า 3100 mAh ของ Note II เยอะอยู่

Screenshot_20160208-181044

เจ้า 5X ให้ RAM มาแค่ 2GB ครับ ซึ่งใช้ปกติ (ไม่ได้ลง facebook) ก็กินไป 1 กิ๊กกว่าๆ แล้ว แต่ก็ยังลื่นอยู่ มีแลคบ้างนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้รู้สึกมากนัก แต่ก็ทำให้สงสัยว่าถ้ายิ่ง update program ไปเยอะๆ มันจะยังรันได้ไหวอยู่รึเปล่าเหมือนตอน Nexus 7 ตัวแรกที่พอเจอโปรแกรม update ไปหลังๆ ก็ง่อยเลยเหมือนกัน

สรุปคือเรื่อง Body ก็สมราคามันอ่ะนะ ยกเว้นสายชาร์จดันให้มาเป็น USB-C ทั้งสองด้านนี่แม่งระยำจริงๆ

มาต่อกันเรื่อง software ครั้งแรกที่ได้มาเป็น Android Marshmallow 6.0.0 เลยพอต่อเนตปุ๊บก็ได้ 6.0.1 ทันที

Screenshot_20160214-211512

หลังจากนั้นก็ได้ security update ประจำเดือนก่อนชาวบ้านครับ แต่ว่าอย่าหวังว่าจะได้พร้อมกันทั้งโลกตูมเดียวแบบ iOS นะ เพราะว่าเพื่อนผมที่ใช้ Nexus 6 ใช้ update เดือนกุมภาก่อนผมตั้ง 2 อาทิตย์ ผมก็ไม่รู้ว่ามันมีกฏเกณฑ์การ update บ้าบอคอแตกอะไรของมันอีก – -”

ข้อดีของ Nexus คือมัน “ไม่มีอะไรเลย” ครับ คุณจะได้แค่ Android เพียวๆ ไม่มี software จากผู้ผลิตอื่นมาให้รกเครื่อง เกือบทุกอย่างต้องลงเองหมดซึ่งตอนนี้ก็ดีกว่ายุคผมใช้ Nexus 7 ตัวแรกเยอะเพราะอันนั้นแม่งไม่ลงอะไรมาให้เลยนอกจาก OS จริงๆ แต่ตอนนี้ยังมีลงอะไรของ Google มาเองบ้าง ข้อดีอีกอย่างของการไม่มีอะไรของ OEM เลยทำให้การันตีว่าจะได้ update ต่างๆ ของ Google แน่นอน (แต่ได้ช้าเร็วก็อีกเรื่องนึงนะ)

Screenshot_20160214-211424

Screenshot_20160214-211951

Quick Setting ที่หน้าตาดูดีขึ้นแต่ว่า customize ไม่ได้, ต้องลากลงมา 2 จังหวะในกรณีที่ใช้นิ้วเดียว (แก้ปัญหาโดยใช้สองนิ้วลากได้…) และเวลาจะกด setting อย่างพวก Do not distrub กับเปิด/ปิดเนตมือถือนี่ต้องกดเข้าไปเพื่อกดอีกที ไม่ใช่จิ้มที่ icon ทีเดียวจบแบบเดิมแล้ว – -”

Screenshot_20160214-211854

อีกอย่างที่เปลี่ยนไปจากสมัยใช้ Android 4.2.2 คือพอเสียบกับคอมปุ๊บตอนนี้จะเป็น mode ชาร์จไฟเป็นค่า default ล่ะ อยากจะโอน file ต้องไปกดใน notification อีกที – -”

Screenshot_20160214-224040

Keyboard ภาษาไทยนี่ต้องขอชมเลยครับว่า ระยำเท่าของ iOS 9 บน iPhone 5s แป๊ะๆ เลย อันนั้นระยำเท่าไหร่ของ 5X แม่งก็ระยำเท่ากันเลย กดยากมากกกก

เห็นบ่น Marshmallow เยอะแบบนี้แต่ก็มีสิ่งที่ชอบมันนะเช่นกำหนด permission เป็นอย่างๆ ในแต่ละโปรแกรมแบบที่เหมือน iOS ได้แล้ว ซึ่งก็อย่างเดียวเองนี่หว่า.. คือโดยรวมการใช้งานมันก็เหมือนกับ Kitkat ที่เคยใช้อ่ะครับ ไอ้ที่บ่นคือที่มันเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิงแล้วรู้สึกไม่ชอบซะมากกว่า ส่วนที่มีคนเจออาการแลคนี่ก็เจอบ้างนิดหน่อย แต่ก็รู้สึกว่ามันดีกว่าสมัยใช้ Note II ที่ราคาตั้ง 2 หมื่นกว่าๆ เยอะเลยไม่รู้สึกอะไรมาก (ยกเว้นตอนใช้กล้องที่จะกล่าวถึงตอนหน้า)

สรุป Nexus 5X (body – software):
ข้อดี

  1. ขนาดกำลังดี ใช้งานมือเดียวได้ เบาดี
  2. เร็วและลื่นดี (ตอนนี้นะ)
  3. วัสดุใช้ได้ สมราคา แน่นหนาแข็งแรงไม่ก๊อบแก๊บ
  4. การันตีเรื่อง update ของ Android เลยว่าได้แน่นอน ไม่ต้องรอจาก OEM ไม่มีแพ (ในช่วงเวลาที่กำหนด)
  5. คุณภาพ file ของกล้องดี ใช้งานได้จริง

ข้อเสีย

  1. “มันไม่ขายในเมืองไทย” ไม่ขายในเมืองไทย นี่คือข้อเสียที่ร้ายกาจที่สุด ผมเชื่อว่าในราคานี้หรือน้อยกว่า มีมือถือที่ขายในเมืองไทยที่สเปคดีกว่าตัวนี้เยอะมากกก แต่ก็แน่นอนว่าเสี่ยงเรื่องการอัปเดตนั่นแหละ
  2. ให้สาย USB-C 2 ด้าน อันนี้เหี้ยเลยล่ะ
  3. keyboard ภาษาไทยเข้าขั้นระยำ
  4. software กล้องกาก
  5. การันตีว่าได้ update ชัวร์ แต่ไม่รู้ว่าได้เมื่อไหร่ ตรงนี้ยังห่างไกลกับ iOS อีกเยอะนะ

2 thoughts on “Review: Nexus 5X (body and software)

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.