The Revenant: ต้องรอด

The Revenant เป็นหนังที่ผมอยากดูตั้งแต่ต้นด้วยสองปัจจัยหลัก อย่างแรกคือตัวอย่างและ teaser ที่ทำออกมาได้น่าสนใจมาก อีกอย่างคือมันเป็นหนังที่เป็นความหวังครั้งล่าสุดของ Leonardo DiCaprio ในการชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมครับ

ออกตัวก่อนว่าผมไม่ใช่แฟนของผู้กำกับ Alejandro González Iñárritu ครับ ผมเคยดูแค่งานก่อนหน้าอย่าง Birdman (The Unexpected Virtue of Ignorance) ซึ่งก็มีส่วนที่ชอบและไม่ชอบพอๆ กันเลย แต่ก็พอทำใจไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะต้องเจออะไรบ้างใน The Revenant ก่อนเข้าโรง

the revenant poster
ภาพจาก wikipedia

The Revenat ดัดแปลงมาจากหนังสือ The Revenant ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากชีวิตของนายพราน Hugh Glass ในอเมริกายุคบุกเบิก หนังเล่าเรื่องราวของ Glass ที่ตามไล่ล่า Fitzgerald ข้ามดินแดนอเมริกายุคบุกเบิกที่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรและยังมีอันตรายจากทั้งธรรมชาติและอินเดียนแดงที่ตามล่าคนผิวขาวด้วยจุดประสงค์บางอย่าง

สิ่งที่ประทับใจที่สุดคือหนังถ่ายทอดความดิบเถื่อนของยุคสมัยและเหตุการณ์ในเรื่องได้ดีมากสมกับชื่อไทยว่า “ต้องรอด” จริงๆ หนังเดินเรื่องได้ดี ทำให้ดูสนุกและลุ้นตลอดเรื่องทั้งๆ หนังยาวตั้ง 2 ชั่วโมงกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือภาพสวยมากก ใช้พลังของมุมกว้างได้สะใจจริงๆ ซึ่งภาพในเรื่องช่วงเพิ่มพลังในกับหนังได้เป็นอย่างดี

อีกอย่างที่ประทับใจคือการแสดงของทั้ง Leo และ Tom Hardy ฝั่ง Leo นี่แสดงให้เรารู้สึกอินไปกับชะตากรรมของเขา รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด, ความแค้นและสิ่งที่ผลักดันการ “ต้องรอด” เขาในเรื่อง ส่วนฝั่ง Tom นี่ก็เล่นดีไม่แพ้กันครับ เล่นให้เราเชื่อได้ว่าเขาเป็นคนแบบในเรื่องจริงๆ (ใช้เสียง Bane ตลอดเรื่องเลย 55) ซึ่งในเรื่องแม้เขาจะดูเป็นคนชั่วช้าแต่ว่าด้วยการแสดงของ Tom และตัวหนังก็ทำให้เรากลับมาย้อนคิดว่าด้วยสถานการณ์ “ต้องรอด” ตอนนั้น ความโลภ, ความเห็นแก่ตัวและทางเลือกของ Fitzgerald นั้นนับว่าชั่วช้า 100% ได้หรือไม่

ถ้ามองว่าเป็นหนังของผู้กำกับ Birdman แล้วคิดว่าเรื่องนี้จะเหมือนเรื่องก่อนหน้าก็ต้องขอบอกไว้เลยว่าคุณคิดผิดครับ The Revenant นั้นเข้าถึงง่ายกว่า Birdman อยู่มากโข ตัวหนังมีช่วง surreal ให้ใช้จินตนาการคิดเอาเองบ้าง แต่ไม่ถึงกับเปิดให้เราคิดไปเอง 100% แบบ Birdman แล้วงงแดก ซึ่งคนดูหนังสายติสๆ ฮิปๆ คูลๆ คมๆ หรืออยากได้เรื่องราวประเด็นหนักๆ เพื่อตอบแทนสังคมคงไม่ชอบเท่าไหร่

ในภาพรวมแล้วผมถูกใจกับ The Revenant มาก คือต้องบอกว่าผมคาดหวังกับธีมของหนังและการแสดงของเฮีย Leo ซึ่งหนังก็ตอบสนองได้เป็นอย่างดี ถ้าเลือกดูระหว่าง Birdman กับ The Revenant คุณจะยอมดูเรื่องไหนเป็นเวลา 2.30 ชั่วโมง แทบไม่ต้องคิดมาก ผมเลือก The Revenant อย่างไม่ต้องคิดมาก เพราะเรื่องหลังมันถ่ายทอดความต้องการของคนดูแบบผมได้อย่างครบครัน มันมีห้วงอารมณ์หลายๆ อย่างที่ผมชอบในหนังเรื่องนี้ เช่น งานภาพที่ธรรมชาติเอามากๆ ความทรหดของทีมงานและนักแสดง การฉายมุมถึงความดิบเถื่อนของมนุษย์ การหยิบประเด็นเรื่อง Morale ที่ชวนให้คิดต่อ ซึ่งไม่จำเป็นต้องไปเทียบกับ “ผู้ท้าชิง” ออสกาณ์เรื่องอื่นๆ ที่มีประเด็นทางสังคม, ประเด็นจริยธรรมสื่อ, การเมือง, สิทธิเสรีภาพ บลาๆ อะไรให้หนักหัว เพราะหนังได้ถ่ายทอดสิ่งที่ตัวหนังต้องการจะสื่อออกมาได้ดีเยี่ยม

ซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้ว

ป.ล. หนังควรจะมีอีกชื่อว่า Die Hard: the beginning เพราะดูแล้วเหมือนกับว่า Glass เป็นบรรพบุรุษของ John McClane เลยแฮะ

หมายเหตุ: ได้แรงบันดาลใจเรื่องรีวิวมาจาก ภาพ-พา-ยล

One thought on “The Revenant: ต้องรอด

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.