ปีศาจ

ผมเพิ่งอ่านนิยายเรื่อง “ปีศาจ” ของเสนีย์ เสาวพงศ์จบไปอาทิตย์ที่แล้ว

นิยายเรื่องนี้เล่าถึงเรื่องราวความรักต่างชนชั้นและการปะทะกันระหว่างคนจนกับนายทุนในยุคที่ประเทศไทยเพิ่งเปลี่ยนแปลงการปกครองและฟื้นตัวจากภัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่นานนัก จุดเด่นของเรื่องนี้คือการปะทะกันระหว่างคนสองรุ่นและต่างความคิดในยุคเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ของสังคมไทย โดยมีคำถามที่สำคัญในเรื่องคือ “ใครคือปีศาจผู้อยู่เบื้องหลังความขัดแย้งนี้กันแน่?”


ภาพจากมติชน

แม้ในเรื่องจะมีประโยคอมตะต่อไปนี้ของสาย สีมา ตัวเองของเรื่องตอนพูดกับ “ผู้สูงศักดิ์ทั้งหลาย” ที่เฉลยอยู่โต้งๆ ว่าใครคือปีศาจ

ท่านไม่สามารถจะยับยั้งความเปลี่ยนแปลงแห่งกาลเวลาได้ดอก เมื่อคืนวันเวลาล่วงไป ของเก่าทั้งหลายก็นับวันจะเข้าไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์ยิ่งขึ้น…
เวลาได้ล่วงไปมากแล้วระหว่างโลกของท่านกับโลกของผมมันก็ห่างกันมากมายออกไปทุกที ผมเป็นปีศาจที่กาลเวลาได้สร้างขึ้นมาหลอกหลอนคนที่อยู่ในโลกเก่า ความคิดเก่า ทำให้เกิดความละเมอหวาดกลัว

แต่ผมมานึกๆ ดูแล้ว ในเรื่องนี้น่าจะมีปีศาจมากกว่านั้น เพราะสาย สีมาก็บอกชัดเจนในเรื่องว่า “นิยาม” ของสิ่งต่างๆ ว่ามันขึ้นกับมุมมองเช่นกัน ดังนั้นประโยคข้างบนน่าจะเป็นปีศาจแค่ 1 ตัวในเรื่องเท่านั้น ผมจะลอง list ปีศาจทั้งหมดตามความคิดของผมดูนะครับ

  • คนรุ่นใหม่ที่ใฝ่ความรู้และแสวงหาอิสระภาพ คือปีศาจของคนรุ่นเก่าที่อยู่ในสังคมศักดินา ไม่เชื่อในความเท่าเทียมและอิสระภาพใดๆ ทั้งสิ้น : อันนี้ตามประโยคข้างบน
  • คนรุ่นเก่าที่ยึดติดในสังคมศักดินา คือปีศาจของคนรุ่นใหม่เช่นกัน เหตุผลเพราะพวกเขาพยายามจะขัดขวางและปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงที่ได้เกิดขึ้นไปแล้ว
  • นายทุน คือปีศาจ ของเกษตรกรและชาวไร่ชาวนาเจ้าของพื้นที่ อันนี้ชัดเจน
  • เกษตรกรและชาวไร่ชาวนาเจ้าของพื้นที่ ก็คือปีศาจของนายทุนเช่นกัน เหตุผลเพราะพวกเขาเป็นตัวขัดขวางไม่ให้การประโยชน์จากระบบเศรษฐกิจทุนสมัยใหม่ได้

สรุป ผมมองว่าทุกขั้วขัดแยงนั้นมองว่าอีกฝ่ายคือปีศาจของตัวเองอยู่แล้ว (คือไม่มีใครมองว่าตัวเองคือปีศาจแล้วอีกฝ่ายคือฝ่ายดีหรอก) ซึ่งปีศาจนี้บางคู่ก็เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย บางคู่ก็ยังเป็นปีศาจที่ปะทะกันไม่เลิกแม้กระทั่งสมัยนี้ครับ

One thought on “ปีศาจ

Leave a reply to plynoi Cancel reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.