ต่อจากตอนที่แล้ว นะครับ ลงมาจาก The Ruins of St Paul ผมก็ไปเที่ยว Malacca Sultanate Palace Museum ที่อยู่เลยไปหน่อยครับ
ที่นี่เคยเป็นวังของสุลต่างแห่งมะละกา ตอนนี่ถูกปรับให้มาเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์มะละกา, ชีวิตในวังสุลต่านสมัยโบราณและเรื่องราวของวีรบุรุษของเมืองมะละกาในสมัยโบราณแทนครับ ด้านในถ่ายรูปได้เต็มที่ แต่ต้องทอดรองเท้านะ
ท้องพระโรงมะละกาในสมัยโบราณ
ภาพจำลองตำนานกำเนิดเมืองมะละกา
อันนี้อ่านได้ว่าเป็นตำนานของวีรบุรุษสองคนของมะละกาที่ขัดแย้งกันเอง
เครื่องแต่งกายของชาวมะละกาสมัยก่อน
ศัตรูและคู่ค้านามสยาม
กว่าจะออกมาก็เย็นๆ พอดีครับ ที่อยู่เยื้องๆ กับพิพิธภัณฑ์วังสุลต่านคือพิพิธภัณฑ์การประกาศเอกราชมาเลเซีย ความพิเศษของที่นี่คือใช้เป็นที่ประกาศเอกราชของมาเลเซียครับ
เสร็จแล้วก็ย้อนกลับไปอาบน้ำกับพักที่โรงแรมก่อนครับ เพราะเหนียวตัวเหลือเกิน ทางเดินกลับก็ลองเปลี่ยนไปเดินทะลุซอยเล็กซอยน้อยแทน ได้เห็นที่ใหม่ๆ เพียบเลย
Tranquerah Mosque มัสยิดแบบจีน
ลายกราฟฟิตี้ชื่อดังของเมืองมะละกาครับ ดูกระทู้ในพันทิพย์ต้องมาถ่ายเจ้าม้านี่กันทุกคน
คิตตี้..อะไร
กลับถึงโรงแรมแล้วนั่งพักประมาณครึ่งชั่วโมงก็ออกมา พบว่าร้านค้าและร้านขายอาหารต่างๆ เริ่มมาตั้งร้านบนถนนคนเดิน Jonker Street (และซอยข้างเคียง) กันแล้วครับ ถนนคนเดินนี่จะมาทุกๆ วันศุกร์ เสาร์และอาทิตย์ มีตั้งแต่เย็นๆ จนกระทั่งดึกดื่นไปเลย
ร้านนี้เป็นร้านขนมจีบ 5 ลูก 3 RM เลือกเองเลย มีขนมจีบหลายแบบมาก อร่อยดีครับ
ขอถ่ายคนขายมา
ไอติมทอด ก็เหมือนที่บ้านเรานั่นแหละ
จิ้มจุ่มบ้านเขาครับ เป็นลูกชิ้น ปลาหมึก ขนมจีบ ขายเป็นไม้ๆ ลวกให้พอสุกแล้วจิ้มน้ำจิ้มยืนกินตรงนี้เลย ผมถ่ายรูปมากะค่อยมากินทีหลังแล้วเสือกลืม กว่าจะได้กินก็ใน KL โน่น
ผมตั้งใจว่าจะไปเดินเล่นและล่องเรือแม่น้ำมะละกาก่อนจะกลับมาถ่ายรูปถนนคนเดินตอนฟ้ามืดแล้วครับ ก็เลยไปเดินเล่นที่โบสถ์ Saint Francis Xavier ก่อนที่จะย้อนกลับไปทางท่าเรือ Melaka River Cruise ที่อยู่แถวๆ Maritime Museum
ก็จบตอนนี้ไว้เท่านี้ก่อนนะครับ