สะพานกล้องเที่ยวลาว #1: กว่าจะถึงวังเวียง

ลาวเป็นหนึ่งในประเทศที่ผมฝันว่าอยากจะไปมากกก ซื้อหนังสือเที่ยวลาวเยอะมากๆ ไล่ดูกระทู้ตามบอร์ดถ่ายรูปอยู่เรื่อยๆ เหตุผลที่อยากไปก็เพราะรู้สึกว่ามันน่าจะเที่ยวง่าย พูดง่าย กินง่าย ค่าครองชีพไม่เยอะมากนัก (เคยอ่านเจอว่าลาวเป็นประเทศที่เหมาะกับการเริ่ม backpack สำหรับคนไทย) แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ไปสักทีเพราะเพื่อนแม่งไปกันหมดแล้วหรือไม่ก็ไปกันไม่ชวน ปีที่แล้วสบก๊วนเพื่อนใหม่ที่ไปอินเดียด้วยกันชวนไปว่าไปลาวกันไหม นั่งรถไปหนองคายแล้วข้ามฝั่งไปกันผมก็ตอบตกลงโดยแทบไม่คิดอะไรเลยครับ


อันนี้เป็นด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว รถที่จะเข้าออกต้องมาตรงนี้

คืนวันที่ 4 ธันวาคมปีที่แล้ว รถออกจากกรุงเทพประมาณ 5 ทุ่ม ไปรับเพื่อนอีกคนที่อยุธยาแล้วก็ขับบึ่งยาวไปหนองคายเลยครับ มีแวะเที่ยว มข หน่อยเพราะทุกคนใน trip ยกเว้นผมเป็นเด็ก มข เก่า ไปถึงชายแดนก็ 7 โมงกว่าๆ พวกเราฝากรถไว้ที่ร้านฝากรถแถวๆ นั้น ล้างหน้าแปรงฟันในที่ฝากรถนั่นแหละแล้วก็ออกมาหาอะไรกินกันแถวๆ นั้นแหละ (ร้านไข่กะทะปิด เสียใจ)


อันนี้เป็นต.ม. ไทยครับ ใช้บัตรผ่านแดนหรือ Passport (ที่มีอายุเหลือไม่ต่ำกว่า 6 เดือน) เสมอ


ผู้ร่วมทริป

แถวๆ ร้านอาหารและที่จอดรถแถวนั้นมีสามล้อไปส่งที่ด่านเยอะครับ แต่พวกผมใช้เดินเอา ไปถึง ต.ม. ก็กรอกใบออกนอกประเทศเหมือนตอนเราไปสนามบินเนี่ยแหละ ถ้าใช้ Passport ก็อยู่ได้ยาว ส่วนถ้าบัตรผ่านแดนก็อยู่ได้ 3 วันไม่เกินกี่กิโลสักอย่าง เจ้าหน้าที่ไทยจะย้ำตลอดตั้งแต่เข้าไปว่าต้องให้แน่ใจว่า ต.ม. ลาวประทับตราทั้งขาเข้าและขาออก ไม่งั้นต้องเสียค่าปรับนะ

ผ่าน ต.ม. ออกมาก็ต้องไปรอรถข้ามสะพานครับ เสียค่าซื้อตั๋วขึ้นรถข้ามสะพาน 20 บาท เดินข้ามเองไม่ได้ เห็นฝรั่งมันโวยวายอยู่เหมือนกันว่าไมไม่ให้มันข้ามไปเอง จุดเด่นของสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 1 นี่คือมีทางรถไฟร่วมอยู่ด้วยตรงกลาง ทำให้เวลารถไฟวิ่งรถอื่นๆ ต้องหยุดรอ ห้ามขึ้นสะพาน -*- ซึ่งคันผมก็แจ็คพ็อตพอดี

ข้ามไปได้ รถก็ไปจอดหน้าต.ม. เลย ก็กรอกใบเข้าเมืองแบบตอนเราไปต่างประเทศทางเครื่องบินนั่นแหละ ที่นี่มีแผนที่เมืองเวียงจันทน์ให้หยิบฟรีๆ ด้วยครับ ^^ สแกนกระเป๋าเสร็จยังออกไม่ได้นะครับ ต้องซื้อบัตรออกประตูด่านอีก (เป็นประตูอัตโนมัติเหมือนประตูที่ปิ๊บบัตร BTS/MRT) ค่าบัตรก็ 5 บาทครับ รับเงินไทย โชคดีที่มีเพื่อนเป็นคนอีสานไปด้วย 2 คนเลยคุยและฟังกันง่ายหน่อย สบายๆ


ด่านลาวครับ

เดินออกมาจะมีพวกนายหน้ารถตู้มาตามประกบเป็นปกติเลยครับ แต่ที่ลาวนี่ดีหน่อยคือพอเราบอกว่าจะไปรถประจำทางเขาก็เลิกตื้อและบอกเราเสร็จสรรพเลยว่าให้ไปรถเมล์สาย 136 แล้วบอกทางไปป้ายรถเมล์ให้ _/\_ มีเจออยู่คนเดียวเองมั้งที่ตามตื้อและบอกราคาฟันสุดๆ มา – -” พอได้ข้อมูลเรื่องรถก็ไปแลกเงินในธนาคารแถวนั้นครับ มีให้เลือกหลายธนาคารเลย เดินออกมาสักพักรถก็มาพอดี


ภายในรถครับ

สภาพรถก็คล้ายๆ รถเมล์ Air เหลืองบ้านเราครับ ข้างรถมีป้ายติดไว้ว่า “From the people of Japan” ด้านในรถก็คล้ายๆ บ้านเรา มีกระเป๋าเดินเก็บเงินเหมือนกัน ที่แปลกกว่าบ้านเราคือเก้าอี้พลาสติกวางซ้อนๆ กันอยู่ พอคนนั่งเต็มปุ๊บคนที่ขึ้นมาทีหลังก็ไปดึงเก้าอี้ออกมานั่งได้ ไม่ต้องยืน ถ้าผู้โดยสารเป็นพระเวลาจ่ายเงินท่านจะวางเงินไว้บนพื้นแล้วกระเป๋าก็ค่อยเก็บไปครับ

สภาพระหว่างทางก็คล้ายๆ บ้านเราแหละ ไม่มีอะไรต่างกับ ประมาณนั่งรถเมล์จากหัวลำโพงไปขนส่งงี้


บริษัทเบยลาวจำกัด

รถใช้เวลา 30 นาทีก็มาถึงบขสเวียงจันทน์ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับตลาดเซ้า (ผมจะเดินตลาดเซ้าในวันสุดท้ายครับ วันนี้ขอไปถึงวังเวียงก่อน) บขส บ้านเขาคล้ายๆ กับอู่รถเมล์บ้านเราครับ คือยังไม่เท่ากับขนส่งบ้านเราอ่ะ แต่ก็มีทั้งรถทัวร์ รถบัส รถตุ๊กๆ อยู่ตรงนี้หมดเลย

เดินลงมายืนงงๆ สักพักก็มีนายหน้ารถตู้เดินมาถามว่าจะไปไหน อ๋อ จะไปวังเวียงเหรอตามเข้ามาเลย พอบอกว่าจะไปรถบัสเขาก็ชี้ไปที่รถบัสโทรมๆ คันนึงบอกว่านาน 5-6 ชั่วโมงกว่าจะถึง ของเขา 3 ชั่วโมงก็ถึง 300 บาทเอง คุยกับเพื่อนแล้วก็โอเค ซื้อเวลาดีกว่า แล้วเขาก็พาเดินไปข้างนอกเพราะว่ารถจอดไว้ข้างนอกครับ พวกเราก็เดินๆ กันไปแบบระแวงๆ 4 คน


หนึ่งในสัญญาลักษณ์ของลาวครับ ขนมปังฝรั่งเศส (ที่นี่เรียกข้าวจี่) ขายกันทั่วไปในตลาดเลย

เดินตามๆ ไปก็มาถึงรถครับ ดูแล้วอยู่แถวๆ มหาวิทยาลัยซึ่งก็ตรงกับข้อมูลว่าคิวรถไปวังเวียงมีตรงนี้ด้วย ลองต่อดูก็ได้คนละ 250 บาทซึ่งเขาก็ย้ำนักย้ำหนาว่าอย่าไปบอกราคาคนอื่นโดยเฉพาะฝรั่ง รถก็เป็นรถตู้นั่ง 10 คนแบบเบียดๆ อ่ะครับ สุดท้ายแม่งก็อัดไป 13 คน (ไม่รวมคนขับ) ผมนั่งงอขางอเข่าจนโคตรเมื่อยเลย แถมยังปวดฉี่สุดๆ อีก ดีที่นั่งไป 2 ชั่วโมงกว่าๆ เขาแวะจอดที่จุดพักให้เข้าห้องน้ำ+ซื้อของกินทีนึง – -”

สุดท้ายรถก็ใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมงกว่าจะถึงวังเวียงครับ คือทางแม่งสุดตรีนจริงๆ ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อไปแถมยังขับขึ้นเขาลงเขาตลอดทาง เด๋วคนขับแม่งก็จอดซื้อของกิน (ของมันเอง) อยู่เรื่อยๆ พอถึงวังเวียงแล้วดีหน่อยที่คนขับขับพาไปส่งใกล้ๆ โรงแรมของแต่ละกลุ่มเลย พวกผมไม่ได้จองไว้ก็เอ่ยชื่อที่ค้นมาจากพันทิพย์ลอยๆ ว่าลองไปดูเฮือนพักวิไลวงดูไหมแล้วคนขับก็พาไปครับ ส่งเพื่อนไปคุยแล้วก็มีห้องว่าง วิวงามสุดๆ เพราะอยู่ติดกับแม่น้ำซอง ราคาคืนละ 800 บาท (ตกคนละ 200) ก็จัดไปซะ 2 คืนก่อนเลย ส่วนคืนที่สามค่อยว่ากันว่าจะต่อไหม


ห้องใหญ่มากครับ ห้องน้ำสะอาด ดูรายการทีวีลาวสนุกดี รับทีวีไทยชัดแจ๋ว


วิวที่ระเบียงห้องเป็นแบบนี้ เห็นแม่น้ำซองชัดมากกก อิๆ

ก็ขอจบตอนแรกของ trip ลาวไว้เท่านี้ก่อนนะครับ entry หน้าจะพาเที่ยววังเวียงยามเย็นครับ

2 thoughts on “สะพานกล้องเที่ยวลาว #1: กว่าจะถึงวังเวียง

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.