สะพายกล้องเที่ยวฮอกไกโด #4.3: พาเที่ยวเมือง Otaru ตอนที่ 2

ต่อจากตอนที่แล้วนะครับ จุดเด่นอีกอย่างของเมืองนี้คือร้านขายขนมครับ มีร้านใหญ่ๆ เต็มถนนเลย หลายร้านเข้าไปเขาจะปิดแล้ว ลองไปถามว่ามีสาขาที่สนามบินไหนก็บอกว่ามี แถมให้แผนที่มาเสร็จสรรพว่าอยู่ตรงไหน บริการดีจริงๆ

เดินไปจนสุดถนนจะเป็นร้านขายกล่องดนตรีชื่อ Otaru Orgel Museum (หรือ Otaru Music Box Museum) เป็นร้านและพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีที่ใหญ่ที่สุดของเมืองโอตารุ

ด้านในมีกล่องดนตรีเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ครับ มีทั้งแบบสำเร็จรูป และแบบเราเลือก “กล่องเพลง” ไปใส่กับตัวตุ๊กตาบนกล่องได้อีก ราคาก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อ



ระหว่างเดินๆ ดูในร้าน (ถ่ายรูปได้อยู่กับเพื่อน) ได้ยินเสียงผู้หญิงที่คุ้นๆ มากพูดภาษาไทยอยู่ใกล้ๆ เลยหันไปดู ปรากฏว่าเป็นน้องหนูนา (หนึ่งธิดา โสภณ) ครับ ตัวจริงน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกก ตัวเล็กๆ เสียงแง้วๆ ผิวสีน้ำผึ้ง (ไม่ขาวนั่นเอง) น่ารักฝุดๆ เห็นว่าเขามากับทีมงานแล้วเหมือนรีบๆ ซื้อกล่องดนตรีอยู่เลยไม่กล้าเข้าไปขอถ่ายรูป >_<~ ได้แต่แอบมองอยู่ห่างๆ

กว่าจะออกมาจากร้านก็ 6 โมงเกือบครึ่ง ร้านต่างๆ บนถนน Sakaimachi ก็ปิดไปเกือบหมดแล้ว เลยเดินย้อนกลับไปทางเดิมเพื่อที่จะไปกินข้าวเย็นที่ Sushi Dori หรือที่เรียกว่า Sushi Street ครับ (หนังสือไทยเรียกตรอกซูชิ)

ระหว่างเดินๆ ไปก็รู้สึกว่า Otaru นั้นดูผิวเผินจะเหมือนว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวที่คึกคักมากกว่าเมืองอื่นๆ แต่เอาเข้าจริงๆ พอเย็นๆ ก็เงียบกริบ ไม่มีคนออกมาเดินเท่าไหร่ (แต่ปลอดภัย) เหมือน Hakodate ครับ ร้านเริ้นต่างๆ ปิดเกือบหมด


อันนี้ตาม Travel Guide บอกว่าเป็นถนนการค้าที่คึกคัก …

ส่วน Sushi Dori นี่พวกผมเดินหากันอยู่นานมากๆ ดูแผนที่ก็แล้วก็หาไม่เจอทั้งๆ จริงๆ เราอยู่บนถนนเส้นนั้นแล้วแหละ ที่คิดว่าไม่ใช่เพราะคิดไปว่าตรอกซูชิมันจะต้องมีร้านซูชิหลายๆ ร้านเปิดติดๆ กันทั้งเส้นเลย แต่เอาจริงๆ มันก็ถนนธรรมดา แล้วมีร้านซูชิอยู่กระจายๆ ห่างๆ กัน ฝั่งละ 3 – 4 ร้านแค่นั้นเองครับ T^T พอแน่ใจว่ามาถึงแล้วก็เดินหาร้านที่คิดว่าราคาไม่แพงเกินไปนัก โชคดีที่มีเมนูอยู่หน้าร้านเกือบทุกร้าน

ร้านที่เลือกเป็นร้านเล็กๆ ทั้งร้านมีคุณลุงอยู่คนเดียวทำหน้าที่ทั้งเด็กเสิร์ฟ,พ่อครัวและคนคิดตังค์ คุณลุงพูดและฟังภาษาอังกฤษแบบพอสื่อสารรู้เรื่อง เมนูมีภาษาอังกฤษให้ Set ละ 10 ชิ้น 1200 เยนครับ กินกันคนละ set ก็อิ่มพอดีๆ ราคาถือว่าถูกโคตรๆ เมื่อเทียบกับความอร่อยและความตั้งใจในการบริการของลุงแก


อร่อย


อันนี้ของเพื่อน


ขอชักภาพลุงแกไว้


ข้างนอกร้านครับ กริบสุดๆ

กินเสร็จก็ไปเดินเล่นที่คลอง Otaru ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองกันต่อ

คลองนี้ขุดตั้งแต่ปี ค.ศ. 1923 เพื่อใช้ในการเทียบเรือและขนส่งสินค้าจากโกดังครับ ตอนนี้โกดังได้รับการดัดแปลงให้เป็นร้านค้า ร้านอาหารไปแทนแล้ว พวกรถเข็นก็มีจุดขึ้นตรงนี้เหมือนกัน เห็นมาจอดเรียกผู้โดยสารหลายคันเลย นักท่องเที่ยวก็เยอะมากๆ อากาศก็เย็นสุดๆ ทั้งๆ ที่เป็นหน้าร้อน -*-

เดินเล่นแถวๆ โกดังริมคลอง ส่วนใหญ่ก็เป็นร้านอาหารประเภทนั่งดื่มแหละครับ ไปเจอโรงเบียร์ Otaru Beer เลยเดินเข้าไปดูเบียร์หน่อย ดูๆ อยู่มีคนญี่ปุ่น 2 คนเดินมาซื้อเบียร์ ผมเลยเดินไปถามว่ายูช่วยแนะนำเบียร์ให้ไอหน่อย มันมีหลายแบบเหลือเกิน มันหันมาถามว่า “Can you speak English?” … สลัด กูก็ถามมึงเป็นภาษาอังกฤษไม่ใช่เหรอวะ คุยงูๆ ปลาๆ กับมันสักพักเพื่อนมันก็ยื่นเบียร์ที่มันซื้อมาให้ผมลอง ผมลองแล้วก็ตัดสินใจซื้อแบบเดียวกับมันนี่แหละ

ซื้อเบียร์เสร็จก็เดินกลับโรงแรมไป ถ่ายรูปเมืองยามค่ำคืนไปครับ เมืองนี้โล่งๆ สวยดี แต่เงียบไปหน่อย

ก็ขอจบวันที่ 4 ของ Trip ฮอกไกโดไว้เท่านี้ก่อนนะครับ

ป.ล. เบียร์ Otaru แม่งไม่อร่อย!!!

3 thoughts on “สะพายกล้องเที่ยวฮอกไกโด #4.3: พาเที่ยวเมือง Otaru ตอนที่ 2

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.