สะพายกล้องเที่ยวสิกขิม #1: นมัสเต Kolkata

ตอนต้นๆ ปีประมาณเดือนกุมภามีเพื่อนโทรมาชวนไปเที่ยวอินเดีย ผมตอบตกลงไปก่อนแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าอินเดียมันใหญ่นี่หว่าเลย เลยถามมันต่อว่าไปรัฐไหนวะ พอมันตอบว่ารัฐสิกขิมผมก็เออๆ ออๆ กับมันไปก่อน เพราะไม่รู้จักรัฐนี้เลยครับ

ผมไปในช่วงสงกรานต์ทีผ่านมานี้ครับ เป็นทริป backpack ที่ไปยาวนานที่สุดที่เคยไปคือ 10 วันตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน – 21 เมษายน ไปกับเพื่อนๆ 7 คนด้วยกัน (รู้จักอยู่ 2 อีก 4 เพื่อนใหม่) นั่งสายการบิน Indigo ออกจากสุวรรณภูมิตอนตี 1 เป็นสายการบิน low cost ของอินเดียครับ แนวๆ AirAsia คือไม่มีอะไรให้เลย ต้องซื้อเอาหมด ผมซวยไปนั่งตรงประตูฉุกเฉิน ง่วงก็ง่วงแต่แอร์ก็ปลุกมาฟังว่าประตูใช้ยังไง พอผมทำหน้าง่วงๆ ก็ถามเสียงดังๆ ว่า Do you understand? ผมก็เลยอธิบายที่เค้าพูดไปให้ฟัง เขาถึงยอมให้ผมหลับเสียที

นั่งหลับๆ ตื่นๆ ท่ามกลางแขกจำนวนมหาศาล ไปถึงสนามบินเมือง โกลกาตา (Kolkata) หรือชื่อเก่า กัลกัตตา (Calcutta) ตอนตี 4 กว่าๆ กว่าจะผ่าน ตม ต่างๆ ก็ประมาณเกือบๆ จะตี 4 ครึ่งซึ่งนับว่าเร็วเกินคาดครับ รับกระเป๋าแล้วพบว่าฟ้ายังไม่สว่างเลย เลยตัดสินใจนอนต่อแถวๆ ทางออกนี่แหละ พี่ทหารไม่ว่าเลย (ที่นี่ไม่ใช้ยามครับ ใช้ทหารถืออาวุธครบมือเลย)

ตื่นประมาณ 6 โมง ล้างหน้าแปรงฟันแล้วเดินสำรวจสนามบิน Kolkata พบว่ามันเหมือสุวรรณภูมิยุคแรกๆ ครับ คือกว้าง ใหม่ ห้องน้ำสกปรก ห้องน้ำน้อย ไม่มีเห้อะไรขายเลย มีทหารเดินไปเดินมาคอยตรวจตลอดเวลา พอตื่นกันครบก็เดินไปบู๊ท prepaid taxi เพื่อเที่ยวเมืองกันก่อนในตอนเช้า เราบอกเขาว่าจะไปไหน เขาจะให้ราคามา (ต่อไม่ได้มั้ง) จ่ายแล้วจะมีใบเสร็จระบุว่าไปรถคันไหน เราก็เดินไปที่บู๊ท taxi ข้างนอกแล้วคนขับจะพาเราไปเอง กัน taxi ตุกติกได้ระดับหนึ่ง (แต่วันหลังก็เจอ)


ที่จะเจอแถวๆ prepaid taxi คือเด็กที่มั่วนิ่มเดินนำทางเราไปรถแล้วแม่งคิดตังค์ครับ ห่า ช่วยถือของก็ไม่ช่วย กูอ่านเลขทะเบียนออกเว้ยว่าคันไหน ถ้าไม่จ่ายคนขับแม่งไม่ออกรถด้วยนะเออ

ที่แรกที่เราจะไปคือวัดเจ้าแม่กาลี Dakshineswar Kali Temple ครับ อยู่นอกตัวเมือง ซึ่งเท่าที่ดูถนนหนทางในเมือง Kolkata แล้วก็คล้ายๆ บ้านเรา เพียงแต่สกปรกกว่า มั่วๆ กว่า เก่าและโทรมกว่าบ้านเราเยอะ เพื่อนที่เคยไปเมืองนิวเดลีบอกว่าเหมือนกันเลย

ยิ่งใกล้ถึงวัดคนก็ยิ่งเยอะครับ เห็นชาวบ้านเดินกันเพียบเลย ตอนแรก Taxi คันที่ผมนั่งจะจอดปากซอยแล้วให้เดินเอา เพื่อนผมเลยบอกว่ามึงขับตามเพื่อนมึงไปเลย ดูดิเพื่อนมึงขับเข้าวัดไปแล้ว (พูดเป็นภาษาอังกฤษนะ) ถึงได้ขับเข้ามาจอดแถวๆ วัดได้ พบว่าคนเยอะโคตรรรรรรรรรรรรรรรรร สงสัยวันที่ไป (วันที่ 12 เมษา) จะเป็นวันสำคัญอะไรบางอย่างซะแล้ว


คนมหาศาลครับ


แว๊บแรกที่ผมยกกล้องขึ้นมา พี่โบกมือยิ้มให้เลยครับ


อันนี้เดาว่าเป็นท่านสวามีรามกฤษณะพราหมณ์ที่สร้างวัดนี้ครับ

ผมไม่ได้เข้าไปข้างในวัดเลยไม่รู้ว่าข้างในมีอะไรครับ เพราะแค่ที่เห็นคนต่อคิวที่กำแพงชั้นนอกคนก็ร่วมร้อยแล้ว และยังต้องถอดรองเท้าเข้าไป (ผมใส่ถุงเท้า ขี้เกียจถอด) เพื่อนที่ใส่แตะเนียนๆ เข้าไปสักพักก็ออกมาบอกว่าข้างในมีแถวเข้าไปในวิหารอีกร่วมร้อยคนเลยทีเดียว) ยืนงงๆ กันสักพักก็เห็นคนที่ไม่ได้เข้าวัดเดินไปทางด้านข้างกันหมด และมีคนตัวเปียกๆ ออกมาจากด้านข้างวัดเยอะมากเลยตามไปดูกัน

ปรากฏว่าเขาไปอาบน้ำและตักน้ำที่ท่าน้ำกันครับ แนวๆ ถือว่าน้ำในแม่น้ำ Hooghly ที่อยู่ข้างวัดเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ เห็นมีทั้งอาบและตักใส่หม้อเล็กๆ แล้วถือเข้าไปในวิหารกัน ช่วงนี้ถือว่าถ่ายรูปกันสนุกโคตรๆ + ทุลักทุเลสุดครับ เพราะทุกคนหิ้วเป้ backpack กันเต็มที่แล้วยังจะถือกล้องอีก แต่ก็ไม่ทำให้เราเหนื่อยกับการถ่ายรูปเท่าไหร่ ยิ่งสนุกเข้าไปอีก


สภาพแบบนี้ครับ


เจ๊นี้สระผมเลยครับ ที่เห็นเอาถังผูกเชือกแล้วโยนไปตักน้ำไกลๆ ก็เยอะ

ยิ่งสายๆ คนยิ่งเยอะครับ แล้วยิ่งคนอินเดียเห็นนักท่องเที่ยวเค้ายิ่งสนุกครับ มาชวนคุย (ฟังไม่รู้เรื่อง), มาสะกิดๆ แล้วแอ๊คท่าถ่ายรูปให้เสร็จสรรพ, มายืนๆ ดูหลังกล้องว่าพวกมึงถ่ายอะไรกัน เจอแบบนี้เข้าไปยอมรับว่าความคิดเรื่องการถ่ายภาพบางอย่างในหัวผมมันระเบิดกระจุยไปเลยครับ


ป้าคนนี้มาคุย (เป็นภาษาฮินดี) กับพวกผม แล้วพอเห็นถือกล้องแกก็สะกิดๆ แล้ว post ท่าเองเลย พอเอารูปให้ดูแกยิ้มชอบใจใหญ่เลย

ขากลับไม่ได้เดินออกทางเดิมแต่เดินทะลุลานจอดรถ รถทัวร์เต็มเลย คาดว่าเหมามาวัดนี้กันหมดครับ เดินๆ อยู่พวกที่อยู่บนรถทัวร์ก็ตะโกนเรียกบอกให้ถ่ายรูปเขาให้หน่อย บ้างก็เดินมาแอ็คท่าให้เลยแบบนายคนนี้ บอกได้คำเดียวว่า 2 ชม แรกของการถ่ายรูปที่อินเดียก็มันส์ฉิบหายแล้วครับ


เดินกันไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าถูกทางรึเปล่า


โยคี

เดินออกไปถึงปากซอยก็ไปหา Taxi ครับ มีต่อรองราคากันนิดหน่อย แล้วก็ได้ Taxi 2 คันไป Ramakrishna Math เป็นเหมือนวัดใหญ่ๆ มากๆ อยู่ฝั่งริมแม่น้ำตรงข้าม เยื้องๆ กับ Dakshineswar Kali Temple วิวสวย วัดสวยโคตรๆ แต่ห้ามถ่ายรูป (ผมถ่ายไปรูปเดินยามชี้หน้าด่าเลย) เจอคนอินเดียที่มาเที่ยวเขาชวนคุยเขายังบอกว่าไม่เข้าใจเลยว่ามึงจะห้ามถ่ายรูปทำไม ในโบสถผมเห็นนักบวชในศาสนาฮินดู ดูเผินๆ คล้ายๆ พระบ้านเราเลย เข้ามาไหว้รูปเคารพท่านสวามีรามกฤษณะ ด้วยการกราบไหว้ไม่ต่างจากบ้านเรา (บ้านเราต้องไปเหมือนเขาสิ!)

ออกมาก็คุยกับ Taxi 2 คันเดิม (เหมาให้พากลับสนามบินด้วย) ให้พาไปหาอะไรกินก่อน Taxi ก็บอกว่าอาหารพวกไอยูกินไม่ได้หรอกก อย่าเลย ไปกินที่สนามบินดีกว่า เห็นว่ายังไงมันก็ไม่อยากจะพาไปก็เลยเอาวะ ไปสนามบินเลยละกัน

ที่สนามบินอินเดียนี้เข้าได้เฉพาะผู้โดยสารนะครับ พวกมาส่งห้ามเข้า ดังนั้นถ้าไม่มีตั๋วก็เข้าไม่ได้เด็ดขาดไม่ว่าจะในหรือนอกประเทศ เข้าไปก็ต้อง scan ทุกกระเป๋าแล้วรัด tag ไว้สายการบินใครสายการบินมัน เจอพวก power bank นี่พี่แขกงง เรียกมาคุยทุกคนเลย

โชคดีที่สนามบินมี Subway แต่ว่ามีแต่เมนูไก่ (ส่วนน้อย) และมังสวิรัติเป็นส่วนมากเพราะคนอินเดียไม่ฮินดู-ห้ามกินวิว ก็เป็นอิสลาม-ห้ามกินหมู ดังนั้นส่วนมากเลยเป็นมังสะแม่มเลย กินง่าย ขายอาหารก็ง่าย -*- รสชาติ Subway อินเดียก็แขกๆ อ่ะครับ ระหว่างนั่งกินอยู่เจอพี่คนไทยมาคนเดียว ไปสิกขิมเหมือนกันอีกเพียงแต่พี่เขาไปเมืองดาร์จีลิงก่อน (ไป flight หลังพวกผม) ก็เลยนั่งคุยกันเพลินเลย คุยสักพักก็พวกผมก็เข้าเกตเพื่อรอเครื่องบินไปเมือง Bagdogra ครับ

ก็ขอจบ entry นี้ไว้เท่านี้ก่อนครับ ^^

2 thoughts on “สะพายกล้องเที่ยวสิกขิม #1: นมัสเต Kolkata

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.