สรุปทริปกัมพูชา

เมื่อวันที่ 23 – 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผมไปเที่ยวประเทศกัมพูชา กับครอบครัวมาครับ ใช้บริการทัวร์ของบริษัท สวัสดี ฮอลิเดย์

  • วันที่ 23 กุมภา
    • รถตู้(รถแบบรถท่าอนุสาวรีย์ชัยนี่แหละ) ออกจากกทมตรงปั้ม ปตท แถวๆ วิภา จริงๆ ควรจะออกตี 5 แต่มีรถคันนึงหลงทาง เลยกว่าจะออกได้ 6 โมงเช้า -*-
    • ข้ามไปเขมรที่อรัญประเทศ (ด่านโรงเกลือ) เปลียนรถเป็นรถบัสเล็กๆ ที่ปอยเปต
    • นั่งรถอีกประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งถึงเมืองเสียบเรียบ
    • กินข้าวที่ร้านเชียงใหม่ (อย่างง) แล้วไปเที่ยวปราสาทพระโค
    • ไปเที่ยวปราสาทบากอง
    • ไปโรงแรม Dyna Boutique Hotel เพื่อ check in, ออกไปกินข้าว แล้วก็กลับมานอนที่โรงแรม
  • วันที่ 24 กุมภา
  • วันที่ 25 กุมภา
    • ไปนครธม เที่ยวปราสาทบายน
    • ไปปราสาทตาพรม
    • กินข้าวกลางวันแล้วไป shopping ที่ตลาดซาจ๊ะ ตลาดเก่า-ใหม่
    • เดินทางกลับสู่ประเทศไทย

ทริปนี้เป็นทริปแบบไปทัวร์ครั้งที่ 2 ในชีวิตผมครับ หลังจากไปญี่ปุ่นเมื่อ 6 ปีก่อน ไปทัวร์มันก็สะดวกเรื่องเดินทาง หาที่กิน หาที่นอนดี แต่ข้อเสียคือเราจัดการเวลาเองไม่ได้ รวมถึงไม่ได้เที่ยวในที่ๆ เราอยากเที่ยวให้เต็มที่

เส้นทางจากปอยเปตไปเสียบเรียบนี่ผมได้รับคำเตือนมาเยอะมากว่าเส้นทางนรกมาก ทั้งเป็นหลุมเป็นบ่อ ทั้งลูกรังฝุ่นกระเจิงสุดๆ แต่ตอนนี้ถนนราดยางอย่างดีแล้ว เรียบมาก ไม่มีฝุ่นเลย (ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น เสร็จเมื่อปี 2008) ถนนมีสองเลน รถวิ่งได้ความเร็วจำกัด แต่ก็ทำให้ลดระยะเวลาเดินทางจากแต่ก่อน 5 ชั่วโมงเหลือ 2 – 3 ชั่วโมงได้

เมืองปอยเปตนั้นไม่ได้เจริญอะไรมากอย่างที่คิด แต่มีคาสิโนและโรงแรมเพียบเลย มี true coffee มีป้ายทุกอย่างเป็นภาษาไทย (บางทีมีจีน) และมีชาวเขมรเป็นคนงานคอยขนกระเป๋าข้ามแดนเพียบ อ้อ ที่ปอยเปตนั้นสัญญาณมือถือของไทย (ผมใช้ AIS) ยังข้ามมาได้ ไม่ต้องโรมมิ่ง แต่ระหว่างทางไปเสียมเรียบก็ตัดเป็นโรมมิ่ง การผ่านแดนช้ามากเพราะคนเข้าและออกเยอะมากกก

บรรดาปราสาทที่ไปเที่ยวทั้งหมดนั้น ผมยกให้ บันทายสรี, นครวัด, ปราสาทบายนและปราสาทตาพรมคือที่สุดของที่สุดแล้ว เหนือกว่าปราสาทอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัดเลย ถ้าไม่มา 4 ที่นี่ถือว่าน่าเสียดายมากๆ


บันทายสรีนี่สวยงามแบบรายละเอียดขั้นสุดยอด ดูอ่อนหวาน

นครวัดนี่ก็ SEE ANGKOR WAT AND DIE จริงๆ ครับ อลังการงานสร้าง ผมเที่ยวได้แค่ 1/3 เอง ถ้าจะเก็บให้ครบต้องสัก 2 ถึง 3 วันเลยทีเดียว


ปราสาทบายน


ปราสาทตาพรม

ไกด์บ่นๆ ว่าตอนนี้โบราณสถานในเสียมเรียบเป็นของเอกชนหมดแล้วเพราะรัฐให้สัมปทาน โดยเฉพาะนครวัดที่ตอนนี้บริษัทเวียดนามเป็นคนดูแล

ผู้คนในเมืองเสียบเรียบเท่าที่ติดต่อเกี่ยวกับการท่องเที่ยวพูดภาษาไทยได้ ในเมืองนี้ใช้เงิน US dollar เป็นหลักเลยทีเดียว (ทั้งคนกัมพูชาและนักท่องเที่ยว) เงินไทยก็ใช้ได้ รับเหรียญและทอนเงินไทยได้ เวลาซื้อของอะไรก็ลองถามมาทั้ง dollar และเงินไทยด้วยเพราะบางอย่าง dollar ถูกกว่าบางอย่างเงินไทยถูกกว่า (คิด 1 USD === 40 THB)

ในเมืองเสียมเรียบนี่ร้านอาหารเกาหลีเยอะมาก ไกด์บอกว่าทัวร์เกาหลีตอนนี้มาเป็นอันดับหนึ่ง มีไกด์เกาหลีมาเอง, เข้าแต่ร้านอาหารเกาหลี รองลงมาคือเวียดนาม จีน แล้วก็ไทย ในเสียมเรียบผมเห็นวุฒิศักดิ์ คลินิกด้วยล่ะ

อาหารเขมรนี่ คล้ายๆ กับของบ้านเรา แต่จะจืดๆ มีออกหวานบ้าง ทำจากพวกปลาน้ำจืดเสียเป็นส่วนใหญ่ ถ้าชอบอาหารรสชาติจัดจ้านแบบบ้านเราคงไม่ถูกใจเท่าไหร่ แต่ผมชอบกินจืดๆ อยู่แล้ว เลยชิวๆ สบายๆ ไม่มีปัญหาอะไร ^^ ขนมปังยาวๆ แบบฝรั่งเศสมีให้เห็นใน super และร้านรถเข็นข้างถนน แต่ไม่ได้ลองกิน เบียร์ยี่ห้อที่ไกด์บอกว่าคนนิยมคือยี่ห้อง Cambodia และ Angkor วัตถุดิบหลายอย่างไกด์บอกว่านำเข้าจากเพื่อนบ้าน เพราะการเกษตรกัมพูชายังไม่ค่อยดีเท่าไหร่

รถที่นี่ขับพวงมาลัยซ้าย แล้วถนนจะมี 2 เลน+2 คือ 2 เลนตรงกลาง แล้วมีเกาะกั้น แล้วถนน 2 เลนอีก แล้วค่อยฟุตบาท ไม่มีไฟแดง จะเลี้ยงข้ามเลน เลี้ยวซ้ายขวาอะไรวัดใจสุดๆ แต่พอออกนอกเมืองแล้วถนนก็มีแค่ 2 เลน การเดินทางเท่าที่เห็นมีทั้งมอเตอร์ไซค์ จักรยาน (มีแต่ฝรั่งขับ) แล้วก็รถสามล้อ (นั่งเบียดๆ ได้ 6 คนมั้ง) รถยนต์ในเมืองส่วนใหญ่เป็น Totoya Camry สมคำเล่าลือ แต่ก็มีรถเกาหลีเข้ามาแทรกอยู่ประปรายแล้ว

พวกศิลปะ สถาปัตยกรรมที่นี่ก็คล้ายๆ ของเรา ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรเพราะเขมรนั้นถือเป็นต้นกำเนิดอารยธรรมของเราและมีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันไปมาตั้งเป็นร้อยเป็นพันปีมาแล้ว เท่าที่ผ่านๆ ตามเหมือนศิลปะบ้านเรานั้นคือศิลปะเขมรที่เข้า fitness มาจนผอมแล้วใส่พวกเครื่องประดับเล็กๆ น้อยๆ เข้าไปจนเต็มตัวกว่า

ทีวีที่โรงแรมรับทีวีไทยได้ ไกด์ก็บอกว่าที่นี่รับทีวีไทยได้ เท่าที่ดูเองก็มี 3, 5, 7, 9, 11, TrueSport, ทีวีเกาหลี, ทีวีจีน, ทีวีมาเลเซีย, ทีวีฝรั่งเศส, Fox Movie ไกด์บ่นๆ ว่าเด็กเขมรจะกลายเป็นเกาหลีหมดแล้วเพราะดูแต่รายการเพลงเกาหลีและละครเกาหลี พวกเด็กขายของตามปราสาทก็มีร้องเพลงโอปป้า กังนัมสไตล์ เรียกลูกค้าให้ได้ยินอยู่ก็มี

เท่าที่คุยกับไกด์ เหมือนความทรงจำช่วงเขมรแดงจะยังหลอกหลอนชาวกัมพูชาไม่ว่าจะรุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่ๆ อยู่จนบัดนี้

สรุปแล้วสำหรับผม การไปเที่ยวครั้งนี้สนุกมาก เปรียบเสมือนได้ย้อนรอยต้นกำเนิดอารยธรรมภูมิภาค, ได้กลับไปสู่รากเง้ายังไงก็ไม่รู้ ส่วนเสียบเรียบเป็นอีกเมืองที่น่าจะไปเที่ยวเองอีกรอบ น่าจะเที่ยวเอง (และเอาตัวรอด) ได้ไม่ยาก โดยเฉพาะนครวัดนี่อยากไปเก็บให้หมดมาก ส่วนปราสาทอื่นๆ ก็มีมากมายมหาศาลจน 3 วันไม่หมด ถ้าจะเอาจริงๆ คงต้อง 5 วันเป็นอย่างต่ำเลยครับ

ป.ล. แน่นอนว่าการไปเที่ยวต่างประเทศนั้น สิ่งที่ควรทำคือเคารพและให้เกียรติวัฒนธรรม, ประวัติศาสตร์และผู้คนในประเทศนั้น พฤติกรรมที่น่ารังเกียจแบบนี้ไม่ควรทำครับ

  • พูดว่าคนไทยที่แต่งงานกับคนเขมรนั้นไม่รักชาติ
  • นั่งไล่ถามไกด์แต่เรื่องเขาพระวิหาร, รถคันนั้นขโมยมาจากไทยรึเปล่า, แรงงานต่างด้าวในไทย, ข้าวเขมรเอาไปสวมรอยจำนำข้าวไทยรึเปล่า?
  • พอฟังไกด์พูดเรื่องยุครุ่งเรืองของอาณาจักรเขมรในสมัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสุวรรณภูมิแล้วพูดออกมาดังๆ ว่าในฐานะคนไทยชั้นฟังไม่ได้

5 thoughts on “สรุปทริปกัมพูชา

  1. ที่ยกตัวอย่างมา แสดงว่ามีให้เห็นสินะครับ -_-

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.