ปัญหาในมุมของ Support กับมุมของลูกค้า

2 – 3 อาทิตย์ที่ผ่านมาผมรับ issue server ตัวนึงที่ผมต้องดูแล (โดยไม่ได้ตั้งใจ) สิ่งที่ลูกค้าเจอ server ตัวนั้นไม่ปล่อย data ให้ลูกค้าเจ้านึง ลูกค้าบอกมาด้วยว่า software อีกตัวของบริษัทผมที่ต่อคนละ infrastructure กันเลย มันได้ data นะ

ผมใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์ในการค้นพบว่า นอกจากลูกค้าจะ config backend ตัวนึง (ซึ่งเป็น server อีกตัวของบริษัทผม) ผิดนิดหน่อย ไอ้ backend ตัวนั้นยังส่ง data มาช้าไปถึง 15 นาทีหรือบางทีก็ไม่มาเลย เพราะ data source บอกว่าไม่มีข้อมูลนี้ ซึ่งทุกอย่างที่ลูกค้าเจอ ผมก็ replicate ปัญหาได้ใน environment ของผมหมด (เพราะสุดท้ายต้นตอของ data ก็มาจากที่เดียวกัน)

ในอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมพยายามจะบอกลูกค้าว่า server ของผมไม่ผิดอะไร แล้วไอ้ software ตัวนั้นคุณต่อยังไง จนกระทั่งวันนี้ได้ email จากลูกค้าว่า

“กูรู้ว่า server มึงกับ software ตัวนั้นมันไม่เหมือนกัน มึงควรจะหันมาสนใจกูสักทีว่าทำไม backend ของ server มึงไม่ส่ง data มา มึงก็ replicate ปัญหาได้เองนี่ จะคอยถามกูทำไม มึงนี่ไม่พยายามจะเข้าใจกูเลย ” (จริงๆ เป็นภาษาอังกฤษนะ)

อ่านแล้วจุก แต่ก็จริงอย่างที่ลูกค้าว่า เพราะผมมัวเอาแต่สนใจปัญหาว่าที่ server ของผม จนลืมไปว่าสำหรับลูกค้าน่ะเขาไม่มองเจาะเป็นตัวๆ หรอก แต่เขามองรวมๆ ว่า “ระบบของบริษัทนี้มันไม่ส่ง data มา” ความจริงผมเองก็ควรจะส่งเรื่องให้ทีมที่ support backend, data source ไปตั้งนานแล้วว่าทำถึงไม่ส่ง data มา

ในแง่เฉพาะ support product ผม โอเค ผ่าน แตในแง่ support ลูกค้าแล้วถือว่าสอบตกเพราะยังไม่ได้แก้ปัญหาอะไรให้ลูกค้าเลย เอาแต่ปกป้องตัวเองว่าไม่ผิดท่าเดียว ผมควรจะมองปัญหาที่แท้จริงที่ลูกค้าเจอให้ออกว่าคืออะไร (กรณีนี้คือระบบของบริษัทผมมันไม่ส่ง data มา , ไม่ใช่ server ตัวนี้มันไม่ส่ง data)

นี่ก็เป็นอีก 1 บทเรียนที่ผมได้ในปีที่ 11 ของการทำงาน

Coffee Shop Meeting

เดือนที่แล้วทีมผมอยากลองอะไรใหม่ๆ ด้วยการลองไปประชุมที่ร้านกาแฟฮายโซว ที่อยู่ใต้ตึก ก็ลงไปกันทั้ง 6 คนนั่นแหละ หัวหน้าเลี้ยงกาแฟ เย้ ^^

ผมเองเคยอ่านๆ เรื่องการทำงานในร้านกาแฟ แนวๆ Coffee Show Workspace อะไรทำนองนี้มา เห็นคนทำงานในร้านกาแฟก็เยอะ เลยวาดฝันไว้ค่อนข้างสวยหรู แต่เอาเข้าใจ มันไม่เหมือนกับที่คิดเลย T^T

คือพอไปนั่งคุยงานจริงๆ มันยากมากที่จะมีสมาธิจดจ่อกับงานที่ต้องคุย เพราะพบว่าร้านมันคนเข้าคนออกตลอด เสียงดังมากทั้งเสียงสั่งกาแฟเสียงเพลงในร้าน คนเดินผ่านไปผ่านมาทีสมาธิก็เสียไปที ไหนจะคอยมองสาวๆ ที่นั่งในร้าน (โฮกกก) ไหนจะต้องทนสายตาคนในร้านว่าไอ้พวกนี้มานั่งอะไรกัน 6 คน เกะกะขวางทางเดินจริงๆ

สรุปแล้วร้านกาแฟมันไม่ผิดหรอก แต่ผิดที่ผมเอง ฮ่าๆๆๆ ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าคนอื่นมันทำสมาธิให้ทำงานในร้านกาแฟกันได้ยังไงหว่า

ป.ล. คราวหน้าถ้าจะลองใหม่คงต้องลองย้ายร้านดู เพราะร้านตาบัคสาขานี้คนเข้าเยอะมากตลอดเวลา

ข้อคิดจากชีวิตการทำงาน 10 ปี

เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา เป็นวันครบรอบชีวิตการทำงานปีที่ 10 ของผมพอดี นั่งนึกย้อนไปว่าตัวเองทำงานมา 10 ปีแล้ว (แม่มแก่จริงๆ) นึกถึงเพื่อนๆ ที่รู้จักกันที่ทำงานแรก ที่ทำงานที่ 2 และที่ทำงานปัจจุบัน

ในโอกาสนี้เลยอยากจะแชร์สิ่งที่ผมได้จากชีวิตการทำงาน 10 ปีของผม ถือว่าเป็นข้อคิดจากรุ่นพี่ถึงน้องที่เพิ่งจบหรือทำงานปีแรกก็ได้ เพราะคนที่ทำงานมาสัก 2 – 3 ปีคงซึ้งไอ้พวกนี้ดีอยู่แล้ว

  1. วิธีการขึ้นเงินเดือนที่เร็วที่สุดคือการย้ายงาน ไม่ใช่ขึ้นตำแหน่งในบริษัทเดิม
  2. ครอบครัวคือสิ่งที่สำคัญที่สุด บริษัทไม่รักคุณเท่าครอบครัวของคุณหรอก
  3. อย่าทำงานจนละเลยสุขภาพของตัวเอง
  4. ไอ้คนที่พูดแต่เรื่องให้คุณเสียสละทุกอย่าง ถวายตัวกับงาน office คือบ้าน ต้องกลับดึก ฯลฯ , พูดเรื่อง company loyalty/spirit/team work ซ้ำไปซ้ำมา คือคนที่หลอกใช้คุณเพื่อความเจริญของเขาเอง
  5. คนที่เจริญได้เพราะนำเสนอ+ทำ powerpoint+สรุปงานเก่ง แต่ทำงานไม่ได้เรื่องเหี้ยอะไรเลยมีอยู่จริง คุณเหนือกว่าพวกเค้าได้ด้วยการทำงานให้เก่งด้วย+present ตัวเองเก่งด้วย
  6. ควรเก็บออมเงินตั้งแต่ปีแรกของการทำงาน เพราะปีแรกของการทำงานคุณจะสนุกกับการใช้เงินจนลืมเก็บตังค์
  7. ผมเคยทำงานแบบถวายหัวชนิดทิ้งทุกอย่าง ทิ้งบ้านทิ้งครอบครัว ทิ้งเพื่อนฝูง เพื่องาน เพื่อลูกค้า เพื่อบริษัท สุดท้ายผมก็ได้เรียนรู้ว่าผลตอบแทนที่ได้รับไม่ว่าจะเป็นเงิน ลมปาก เหล้า-เบียร์ฟรี ข้าวฟรี มันชดเชยสิ่งที่ผมเสียไปไม่ได้เลย
  8. ตอนคุณไปคุยเรื่องขอลาออก ถ้าเค้า offer ตำแหน่งให้ถ้าคุณอยู่ต่อ นั่นเป็นเรื่องโกหก 100% คุณอยู่ต่อคุณก็ไม่ได้ขึ้นตำแหน่งหรอก
  9. ความสามารถในการขวนขวายหาความรู้ด้วยตัวเองและกล้าที่จะลองผิดลองถูก จะช่วยให้คุณไปได้ไกลกว่าไอ้พวกงอมืองอเท้ารอคนอื่นมาสอน
  10. เพื่อนร่วมงานมีทั้ง “เพื่อน” และ “คนรู้จัก” อย่าไปขาดหวังว่าทุกคนจะเป็นเพื่อนที่จริงใจกับคุณ
  11. จงพยายามเรียนรู้สิ่งต่างๆ นอกเหนือจากอะไรที่เกี่ยวกับงานที่คุณทำอยู่เสมอ หลายๆ อย่างที่คุณไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวกับงาน มันสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับงานได้
  12. ภาษาอังกฤษสำคัญมาก
  13. จงใช้วันลาพักร้อนให้เต็มที่ อย่าเกรงใจ มันเป็นสิทธิ์ของคุณ
  14. Meeting Kills productivity ประชุมออกมางานแม่มก็ต้องเสร็จอีก สัด
  15. ความอดทน ใจเย็น สำคัญมาก จงหัดทำหน้ายิ้มแต่ด่าไอ้เห้ในใจไว้