My Best Gadgets of 2014

miniP1000094

Bravely Default

  • ข้อดี
    • สนุกมากกกก
    • Classic J-RPG ที่คิดถึงยังไม่ตาย!
  • ข้อเสีย
    • เงินหายากโคตร ;____;

iPad Mini 2

LUMIX G X VARIO 12-35mm F2.8 ASPH. POWER O.I.S.

  • ข้อดี
    • f 2.8 ตลอดช่วง
    • คม กันสั่น work ดี
  • ข้อเสีย
    • เจอแฟล์จังๆ ก็เงิบ
    • หนัก ;___;

LEICA DG SUMMILUX 15mm F1.7 ASPH

  • ข้อดี
    • f 1.7
    • คมโคตรๆ
    • กว้างกว่า 20 f/1.7 เยอะอยู่นะ
    • มีที่ปรับ f แบบ manual บนเลนส์
  • ข้อเสีย
    • เจอแฟล์จังๆ ก็เงิบ
    • ที่ปรับ f บนเลนส์หมุนง่ายไปหน่อย

Thinktank Retrospective 5

  • ข้อดี
    • ช่องเยอะมากกกก
    • ปรับแต่งที่ใส่กล้องได้เยอะจนใส่อะไรได้มากกว่าที่คิด
    • ผ้าแข็งแรงดี
    • ที่บุกันกระแทกหนาดี
  • ข้อเสีย
    • หนัก (มาก)
    • สายสะพายไหล่แข็งไปหน่อย (อยากได้แบบ Domke)

Call of Duty: Advanced Warfare

  • ข้อดี
    • Call of Duty กลับมาสนุกและโคตรลุ้นกับตัวเกมอีกครั้ง
  • ข้อเสีย
    • เนื้อเรื่องยังไม่ดราม่าและไม่ทำให้เราอินได้เท่า Modern Warfare series

BioShock Infinite: Burial at Sea (ไม่อยู่ในรูปเพราะเป็น DLC)

ป.ล. ของปีก่อน: My Best Gadgets of 2013

2 เดือนกับ iPad mini with Retina display

เมื่อ 2 เดือนที่แล้วผมซื้อ iPad mini with Retina display (Wikipedia) โดยซื้อแบบ 32GB+3G (ใช้ของทรู) แล้วก็ใช้งานร่วมกับมือถือ Note II มาได้ 2 เดือนละครับ

เหตุผลที่ซื้อ iPad ก็เพราะเชื่อคำพูด (ที่จำไม่ได้แล้วว่าพูดตอนไหน) ของพี่ @lawender ที่ว่า ” ควรจะใช้มือถือและ=”” tablet=”” คนละ=”” platform=”” กัน=”” จะได้ไม่น่าเบื่อ=”” ได้ลองใช้อะไรใหม่ๆ=”” ดูบ้าง”=”” ที่เลือก=”” mini=”” ก็เพราะมันเล็กดี=”” ส่วนที่เลือกเป็น=”” 3g=”” ก็เพราะเข็ดกับเครื่องก่อนหน้า=”” (Nexus 7 รุ่นแรก) ที่ซื้อแบบ wifi มาแล้วทำอะไรไม่ค่อยสะดวกเลย

Disclaimer: ผมเป็น Android user มา 4 ปี ไม่เคยใช้อุปกรณ์ iOS ใดๆ มาก่อน จะเขียนแยกกันระหว่างตัวเครื่องกับ iOS นะครับ Continue reading “2 เดือนกับ iPad mini with Retina display”

BioShock Infinite: Burial at Sea Episode Two

BioShock Infinite: Burial at Sea Episode 2 เป็น DLC ตัวที่ 3 (และตัวสุดท้าย) ของ Bioshock Infinite มันเป็นภาคเสริมที่ทุกคนรอที่จะให้มันมาเฉลยอภิมหาความงงแตกจาก Episode 1 แถมเราจะได้รับบท Elizabeth เป็นครั้งแรกด้วย (แล้วใครจะโยนของให้กูล่ะ)

ภาคนี้เนื้อเรื่องจะต่อจาก Episode 1 แบบทันทีเลยครับครับ ในภาคนี้ Elizabeth ต้องหาทางช่วยแม่หนู Sally (Little Sister) ที่อยู่ในเงื้อมมือของ Atlas (ผู้ร้าย BioShock) โดยรับทำงานอะไรบางอย่างให้ Atlas ซึ่งทำให้เธอต้องเอาตัวรอดในเมืองคนบ้าที่ชื่อ Rapture ให้ได้

ภาคนี้เปลี่ยน gameplay ไปเป็นแบบลอบเร้นแทนครับ ด้วย Elizabeth เราเป็นสาวน้อยตัวเล็กๆ อันแสนจะบอบบาง เราเลยได้อาวุธใหม่อย่างหน้าไม้ไว้ยิงลูกดอกยาสลบหรือลูกดอกยาพิษ v แถมยังมีระบบ meter วัดเสียงและการตื่นตัวของศัตรูจากการกระทำของเรา (เดินเหยียบน้ำเหยียบกระจกทำให้เสียงดังผิดปกติ) และ vigor/plasmid ก็จะเป็นแนวๆ สนับสนุนการลอบเร้นทั้งหมดเลย

แม้ gameplay จะเปลี่ยนค่อนข้างมากแต่ก็ทำให้เรางงๆ แค่ตอนแรกเท่านั้นครับ เล่นไปสักพักจะเริ่มชินและเริ่มสนุกกับ gameplay ที่ต่างออกไปจากเดิม ความกดดันต่างๆ ก็หนักขึ้นเพราะต้องหลบทั้งศัตรูทั้ง Big Daddy เมือง Rapture ก็มืดๆ ทึมๆ จิตๆ เข้ากับการค่อยย่องแล้วแอบไปฟาดกบาลศัตรูที่สุด

BioShock Infinite: Burial at Sea Episode Two Poster

สิ่งที่เจ๋งที่สุดของ Episode 2 ไม่ใช่ gameplay แต่คือเนื้อเรื่องที่ประสานเนื้อเรื่องของ BioShock กับ Bioshock Infinite ให้เข้ากันสมกับเป็นภาคปิดท้ายของ series นี้ที่พัฒนาโดย Irrational Games (เพราะค่ายแม่งปิดตัวหลังเกมออก) ครับ ตัวผมเองนี่ต้องออกตัวก่อนว่าเล่น BioShock ภาคแรกไม่จบแต่ก็รู้ spoil เกือบทั้งหมดแล้วเลยค่อนข้างชอบกับจุดนี้, ส่วนที่เหลือก็ต้องไปเล่นกันเองครับ แม่งช๊อคเหี้ยๆ สมชื่อเกม

แต่เนื้อเรื่องก็ยังเป็นจุดบอดที่สุดของ Episode 2 เช่นกันครับ คุณเล่นจบแล้วก็จะพบว่าเกมไม่ได้ตอบหลายๆ คำถามที่ทิ้งไว้ใน Episode 1 (ทำไม Comstock แม่งรอดมาได้คนนึง, ทำไม Elizabeth แม่งโหดขนาดนั้น, ฯลฯ) เลยและเนื่องด้วยมันเป็นเกมแนวแอบๆ มันก็เลยไม่มี Boss fight แบบภาคหลักและ Episode 1 ไปซะงั้น

สรุป แม้ว่าจะเกมจะไม่ตอบหลายๆ คำถามของเราแถมยังทำให้เรางงหนักกว่าเดิม แต่ Burial at Sea Episode 2 ก็เล่นสนุกขึ้น มีพื้นที่ให้สำรวจเยอะขึ้น ควรค่าแก่การจัดหามาเล่นครับ

ป.ล. สิ่งที่ควรทำหลังจากเล่นจบ –> ไปเล่น BioShock ใหม่(หรือเล่นที่ค้างไว้ให้จบ)ทันที