Jack The Giant Slayer

Jack The Giant Slayer เป็นหนังอีกเรื่องที่ผมดูระหว่างนั่งเครื่องบินขากลับจากญี่ปุ่นมาไทยครับ เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่อยากดูตอนมันเข้าโรงแต่ไม่มีโอกาสไปดูซะงั้น

Jack the giant slayer poster

หนังเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ตีความนิทานใหม่ (อีกเรื่องก่อนหน้าก็ Hansel and Gretel) โดยเรื่องนี้จับแจ็คผู้ฆ่ายักษ์มาเล่าใหม่ให้เรื่องเป็นผู้ใหญ่ขึ้น + action ขึ้นครับ

หนังเล่าถึงในอดีตนักบวชใช้คาถาสร้างต้นถั่วยักษ์ขึ้นมาเพื่อปีนขึ้นไปหาพระเจ้าของเขา แต่ทว่าสิ่งที่รอพวกนักบวชอยู่ข้างบนกลับไปอณาจักรยักษ์ พวกยักษ์อาศัยต้นถั่วบุกลงมาทำรุกรานโลกเบื้องล่าง จนสุดท้ายมนุษย์ชนะเพราะว่านักบวชที่เหลือสร้างมงกุฏที่ทำให้สั่งงานยักษ์ได้ พระราชาผู้ใส่มงกุฏนั้นไล่ยักษ์กลับขึ้นไปบนอณาจักรลอยฟ้า เวลาผ่านไป 3 ร้อยปีจนประวัติศาสตร์กลายเป็นนิทาน Jack ของเราได้ถั่วมาตามนิทานเป๊ะ แต่รอบนี้ดันมีเจ้าหญิงติดขึ้นไปกับต้นถั่วได้ Jack เลยอาสาปีนต้นถั่วขึ้นไปช่วยเจ้าหญิงจากฝูงยักษ์ทั้งหลายครับ

หนังเรื่องนี้เหมือนเป็นงานพักร้อนของ Bryan Singer ครับ เพราะตัวหนังเองดูเบาๆ เมื่อเทียบกับเรื่องอื่น ไม่มีแง่มุมดราม่าซับซ้อนอะไร ดูเอามันเข้าว่าซึ่งก็สนุกดี Ewan McGregor ก็เล่นได้ฮาดีแท้ ฉากยักษ์บุกนี่ดูไปนึกถึงการ์ตูนเรื่อผ่าพิภพไททันเลยครับ :p

สรุปว่าผมชอบเรื่องนี้นะ ดูเอามันส์ได้เพลินๆ

A Good Day to Die Hard

ผมนั่งดู A Good Day to Die Hard บนเครื่องบินระหว่างทางกลับมาไทย (พากษ์ไทยด้วยยย) จะเรียกมันสั้นๆ ในรีวิวนี้ว่า Die Hard 5 ละกัน

ใน Die Hard 5 นี้ John McClane ต้องไปช่วยลูกชาย (จำได้ไหมว่าเขาก็มีลูกชาย) ที่ถูกจับอยู่ที่รัสเซีย แน่นอนว่า John McClane อยู่ไหน ความบรรลัยอยู่ที่นั่นเสมอ 😀

หนังเรื่องนี้ถ้ามันไม่ได้ชื่อ Die Hard มันก็เป็นหนัง Action ระเบิดภูเขา เผากระท่อมเกรด B ที่พอจะดูได้เพลินๆ ทางเคเบิ้ลทีวีหรือว่าเช่ามาดูรอบเดียวเลิกครับ แต่เพราะมันแบกชื่อ Die Hard ไว้ ผมคงต้องบอกว่ามันเป็น Die Hard ภาคที่ห่วยที่สุดใน 5 ภาคเลย (มิน่า ตอนฉายโรงถึงได้เงียบๆ)

Die Hard 5 ไม่มีสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของ Die Hard เลยสักอย่างครับ เอกลักษณ์ของ Die Hard ที่ผมรู้สึกคือผู้ร้ายเทพๆ กับแผนการที่สมบูรณ์แบบ 99% แต่ซวยตรงเสือกมี John McClane เดินมาผ่านแบบตกกระไดพลอยโจนแล้วยังต้องสู้แบบหลังชนฝาเพราะผู้ร้ายเหนือกว่าทุกอย่าง ซึ่งภาค 5 มันไม่มีไอ้ที่ว่ามาสักอย่างเลย!! ผู้ร้ายดูโง่ๆ จัดการง่ายๆ แผนการเดาง่ายๆ หักมุมงั้นๆ

สรุป Die Hard 5 ห่วยครับ มันไม่สมควรจะได้รับชื่อว่า Die Hard เลยด้วยซ้ำ

Man of Steel

Man of Steel เป็นการรีบู๊ทของ Superman หลังจาก Superman Returns เมื่อ 7 ปีที่แล้วครับ

Man of Steel Poster

หนังสนุกกว่าที่ผมคาดหวังไว้มากครับ (ไม่กล้าหวังเพราะเข็ดจาก Superman Returns) หนังมีแนวการดำเนินเรื่องคล้ายๆ Batman Begins เพียงแต่กล้าตีความใหม่มากกว่าโดยยังคงธีมหลักๆ ของ Superman ไว้ แถมยังเดินเรื่องส่วนปูพื้นครึ่งเรื่องแรกได้สนุก ไม่มียืดยาดด้วยซ้ำ

ที่เจ๋งที่สุดอีกอย่างคือเลือกศัตรูตัวแรก นายผลซ็อดและกองทหารของเขา ทำให้ฉากต่อสู้วินาศสันตะโรมันหยดติ๋ง (ต่อยกันกระเด็นที พังไป 3 ตึก) ซึ่งถ้าวายร้ายตัวแรกเป็น Lex Luthor กะไอ้หินบ้าน้่นคงไม่สะใจแบบนี้เป็นแน่แท้ (เห็น Lex Corp อยู่แว๊บๆ ในเรื่องด้วย)

นักแสดงในเรื่องก็เล่นได้เยี่ยมทุกคนโดยเฉพาะ Kevin Costner ที่เล่นเป็น Jonathan Kent ได้ทรงพลังและน่าจดจำกว่า Russell Crowe ที่เล่นเป็น Jor-El ด้วยซ้ำ (แต่ใช่ว่า Crowe จะเล่นไม่ดีนะ)

สรุป Man of Steel สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกก แนะนำเลย