ตอนแรกหนังเรื่องนี้ไม่อยู่ในหัวผมเลย จนกระทั่งมีเพื่อนคนนึงไปดูมาแล้วบอกว่ามันดีงามมาก ดีกว่า Kimino na wa เสียอีกผมเลยรีบหารอบไปดูเลย
In This Corner of the World เป็นเรื่องราวของสาวน้อย Suzu ผู้ช่างฝัน, มีจินตนาการ, วาดรูปเก่งมากและมองโลกในแง่ดี หนังเล่าชีวิตของเธอตั้งแต่เด็กยันออกเรือน ซึ่งชีวิตของเธอคงมีความสุขถ้าไม่ใช่ว่าชีวิตของเธอดันอยู่ช่วงสงครามโลกครั้งที่สองพอดี
“สวยงาม กินใจ อำมหิต โศกเศร้า ไม่ประนีประนอม” คือนิยามที่ผมให้อนิเมชั่นเรื่องนี้ครับ หนังถ่ายทอดความโหดร้ายของชีวิตในช่วงสงครามออกมาได้สมจริงสมจังและน่ากลัวมากผ่านทางตัวละครสีสันสดใสกับการพยายามมองโลกในแง่ดีในโลกที่มันแสนบัดซบเพื่อเอาตัวรอดให้ได้ ความ contrast นี้มันทำให้หนังที่เดินเรื่องเรื่อยๆ เปื่อยๆ แทบไม่มีฉาก climax นี้สามารถดึงดูดไม่ให้ละสายตาได้ตลอดสองชั่วโมงกว่าๆ เลยครับ
ระหว่างเรื่องเราจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของ Suzu จากสาวน้อย “ช่างฝันผู้มองโลกในแง่ดี” กลายไปเป็นแม่บ้าน “นิสัยดี” ต้องใช้ชีวิตก้าวผ่านช่วงสงครามที่พรากความช่างฝันและมองโลกในแง่ดีของเธอไป ความรู้สึกโดยรวมเหมือนตอนดู The Wind Rises + สุสานหิ่งห้อย แต่ว่าเรื่องนี้เศร้าแบบสวยๆ กว่า, จุกอกกว่าและมีฉากขยี้เราให้ตายแบบเงียบๆ เยอะกว่ามากก
เรื่องเทียบกับ Kimi no na wa คงเป็นการเปรียบเทียบที่ไม่ยุติธรรมนักเพราะเรื่องนึงคือหนัง romantic อันนี้คือ ดราม่า+ประวัติศาสตร์+โศกนาฏกรรม แต่ส่วนตัวชอบเรื่องนี้มากกว่า คือ impact และความรู้สึกหนักอึ้งที่หนังทิ้งไว้ให้เราตอนออกมาจากโรงเรื่องนี้เยอะกว่ามาก อ้อ อีกอย่างที่เทียบได้คือเพลงประกอบที่เพราะมากๆ เช่นกันครับ
สรุป ควรค่าแก่การไปดู ห้ามพลาดเด็ดขาด โรงใกล้จะหมดแล้ว รีบไปดูให้ว่องงงง
ป.ล. มี end credit อย่าพลาดเชียวล่ะ (แบบผม)
One thought on “In This Corner of the World”