เมื่อวันที่ 24 ถึง 28 มีนาคมที่ผ่านมา ผมไปเที่ยวเกาหลีใต้ (대한민국)มาอีกรอบล่ะ จุดมุ่งหมายรอบนี้คือไปดูน้องซอ แสดงละครเวทีเรื่อง Mamma Mia! ครับ นอกนั้นก็เที่ยวในโซลที่ยังไม่เคยไป เรียกได้ว่าไปติ่ง 40% และเที่ยวอีก 60% ดีๆ นี่เอง
- วันที่ 24 มีนาคม: (blog ตอนที่ 1,2, 3)
- ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง ตอนตี 2 ไปถึงIncheon International Airport (인천국제공항) ประเทศเกาหลีใต้ตอน 9 โมงกว่าๆ
- นั่งรถไฟใต้ดินจากสนามบินไปย่านEwha Womans University Station (이대역) เข้าพักที่ shinchon hoste
- เดินเล่นย่านอีแด
- ไปSeoul Museum of Art
- ไปตามรอยยุนอาที่ วัง Deoksugung(덕수궁)
- ไป SUM market (SM Communication Center)
- ไปUniversal Arts Center (유니버셜아트센터) ดูบัลเล่ Swan Lake
- กลับอีแด หาอะไรกิน
- วันที่ 25 มีนาคม: (blog ตอนที่ 1, 2, 3)
- ตื่นแต่เช้า ไป Bukchon Hanok Village (북촌한옥마을)
- เดินเล่นย่าน Myeongdong (명동)
- ไปซื้อ CD วง Red Velvet (레드벨벳) อัลบั้ม One of These Nights เพื่อชิงโชคงานแจก fan sign (ซึ่งสุดท้ายก็ไม่ได้)
- ไปหาอะไรกินแถวๆ ย่านฮงแด (홍대)
- ไป Charlotte Theater (샤롯데씨어터) แถวๆ Jamsil Station
- เดินเล่นห้าง Lotte World (롯데월드) ระหว่างรอละคร
- ดูละครเวทีที่น้องซอเล่น น่าร๊ากกกกกกกกก
- กลับที่พัก แล้วออกไปร้าน warawara ย่านฮงแด (นั่งรถ taxi กลับ เจอเรียกแล้วไม่รับด้วยนะ)
- วันที่ 26 มีนาคม: (blog ตอนที่ 1, 2, fan sign Red Velvet)
- ตื่นแต่เช้า ไป Samsung Innovation Museum (삼성이노베이션뮤지엄) ใน Samsung Digital City เมือง Suwon (수원)
- ไป Hwaseong Fortress [UNESCO World Heritage] (수원 화성 [유네스코 세계문화유산])
- เดินเล่นถนนคนเดินแถวๆ Suwon station (수원역)
- ไปงาน fan sign Red Velvet ตรง Lotte Department Store – Cheongnyangni Branch
- กินข้าวซื้อขนมที่ Lotte Mart แล้วกลับที่พัก
- วันที่ 27 มีนาคม (blog ตอนที่ 1, 2, 3):
- ไป Line Friends Store ที่ฮงแดแล้วก็เดินเล่นแถวนั้นแหละ
- ไปเดินเล่นย่าน Sinsadong Garosu-gil Road (신사동 가로수길)
- ไปปีนเขา Eungbongsan Mountain (응봉산) เพื่อชมดอกไม้และวิวให้เหนื่อยเล่น (มากกก)
- ไปร้านบุฟเฟ่อาหารญี่ปุ่น 연어상회 แถวๆ Konkuk University Station (건대입구역)
- ไป N Seoul Tower (N 서울타워) แต่ไม่ได้ขึ้น เดินเล่นเมียงดงแทน
- เดินเล่นคาเฟ่ย่านฮงแด
- วันที่ 28 มีนาคม (blog ตอนที่ 1:
- นั่งรถบัสลีมูซีนไปสนามบิน (มีบัตรลดราคา)
- ฝ่าดงนักท่องเที่ยวในสนามบิน
- ถึงไทยโดยสวัสดิภาพ หลับเป็นตาย
ทริปนี้เป็นการไปเกาหลีรอบสองของผมครับ (ก็ก๊วนเดิมส่วนหนึ่งนั่นแหละ) ก็เลยเที่ยวคล่องตัวขึ้นเยอะ เริ่มเดินทาง-ซื้อของเป็น ก็เลยมีจังหวะฉายเดี่ยวเยอะขึ้นล่ะ รอบนี้เน้นเทียวในโซลเช่นเคยแต่เริ่มมีออกไปเมืองอื่นบ้าง หวังว่ารอบหน้าจะได้ไปจังหวัดอื่นของเกาหลีใต้บ้างนะครับ :p อ้อ ขาไปเห็นคนโดนเรียกเข้าห้องเย็นต่อหน้าอีกแล้ว
รอบที่แล้วผมแชร์ wifi กับเพื่อนทำให้มีปัญหาตอนจังหวะที่แยกกับเพื่อนมากโดยเฉพาะข้อมูลแผนที่ว่าจะไปยังไงต่อ รอบนี้เลยจัด egg wifi router ของ KT (케이티 주식회사) มาครับ ก็ใช้งานได้ค่อนข้างครอบคลุมดีมีจุดอับตอนอยู่ใต้ดินบ้าง แบตก็อยู่ได้ประมาณค่อนวัน ถือว่าอำนวยความสะดวกให้กับการเที่ยวเยอะเลย เนตบ้านเขาก็ไวมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกชนิดกลับมาไทยแล้วคิดถึงเนตที่โน่นเลย ผมจองไปก่อน+ใช้บัตร master card จ่ายเขาบอกว่าได้ลด ราคาที่จ่ายไปคือ 22,000 วอนครับ
เมืองเกาหลีรอบนี้ยังเหมือนปีที่แล้วไปครับ คือเจริญกว่าบ้านเราแน่นอน เที่ยวง่าย เดินทางสะดวก ขนส่งมวลชนไปทั่วถึงแต่ต่อกันหมด มีบัตรร่วมที่ใช้จ่ายได้ทุกอย่าง ไฮเทค ค่าครองชีพ-ค่าเที่ยวไม่แพงนัก แต่ว่าบ้านเมืองเขาไม่ดูเนี๊ยบหรือมุ้งมิ้งๆ แบบญี่ปุ่นนะ ประมาณซัมซุงทั้งประเทศน่ะครับ (เห็นชัดคือป้ายบอกทางที่ชวนงงสาด) อีกอย่างคือเรื่องภาษาที่ผู้คนยังไม่สันทัดภาษาอังกฤษนัก (ซึ่งเทียบกับญี่ปุ่นที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดดในเรื่องนี่ถือว่ายังห่างชั้นเลยล่ะ) แต่โดยรวมก็เทียวง่ายอยู่ดี
สำหรับเมือง Suwon ที่ไปนี่ให้ความรู้สึกเหมือนจีนเมืองที่เคยไปเลยครับ คือมีโบราณสถานอยู่กลางเมือง มีตลาดและคนเดินตลาดที่ให้ความรู้สึกเหมือนเดินตลาดเมืองตาลี่-ลี่เจียงที่เคยไปเลย แต่ความสะดวกในการเดินทางต่างๆ ก็มาทั่วถึงดี ชอบตรงจุดนี้มากครับ
ช่วงที่ไปอากาศประมาณ 2 – 14 องศา ซึ่งก็ถือว่าหนาวมากสำหรับคนเมืองร้อนสัดแบบบ้านเราอยู่ดี แถมลมยังแรงอีก ดีที่ฝนไม่ตกครับ
รอบนี้ไปดูการแสดงสองครั้ง (บัลเล่ 1, ละครเวที 1) ซึ่งการแสดงบ้านเขาแม้จะไม่ห้ามเอากล้องเข้าแต่ก็ห้ามถ่ายรูปอย่างเด็ดขาด ก็เลยได้ประสบการณ์การชมการแสดงแบบตั้งใจ (และหลับ) ส่วนงาน fan sign RVV นี่ตะลึงกับกล้องและเลนส์ L ของบรรดาติ่งเด็กๆ ที่มาถ่ายรูปมาก
สรุปแล้วทริปนี้เป็นอีกทริปที่สนุกมากครับ รู้สึกได้เที่ยวหลากหลายกว่ารอบที่แล้วเยอะเลย + แถมยังได้ติ่งอีกนิดหน่อยอีก ♥ สำหรับผมเกาหลีใต้เป็นเมืองที่เที่ยวง่าย ไม่แพง ถ้ามีโอกาสก็ไปซ้ำ (เมืองอื่นๆ) อีกได้ครับ ^^
สรุปค่าใช้จ่าย:
– แลกไป 300,000 วอน เหลือกลับมา 8,000 วอน ดังนั้นจึงใช้ไป 220,000 วอน ก็คิดเป็นเงินไทย 6,622 บาทที่เรท 0.0301 (รวมค่าที่พัก 80,000 วอน ไม่รวมที่รูดบัตรเครดิตซื้อของกะ egg wifi นะ)
13 thoughts on “สรุปทริปเกาหลี 2016”