ต่อจากตอนที่แล้วนะครับ ตอนนี้เข้าวันที่ 2 ของทริปคิวชูล่ะ วันนั้นเป็นวันที่ผมเริ่มใช้ JR North Kyushu pass แบบ 3 วันเป็นวันแรก ก็ประเดิมด้วยการไปเมือง Nagasaki (長崎市) ครับ
วันนั้นผมรีบตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อที่จะไปขึ้นรถไฟ LTD. EXP รอบ 7 โมง 17 ครับ ที่ต้องรีบคือดันจองตั๋วแบบ reserved ไม่ได้ ต้องไปแย่งตู้ non reserved แทน ก่อนจะขึ้นรถก็แวะซื้อข้าวกล่องรถไฟในสถานี ก็เลือกอันที่เขาบอกว่า No.1 นี่แหละขึ้นไปกินเป็นข้าวเช้าบนรถ
ตอนไปรอคิวก็ยาวจริงๆ ครับ ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกพนักงานบริษัทใส่สูทเต็มยศนี่แหละ (เรียกซาลารีมังละกัน) ก็ขึ้นไปได้ที่นั่งข้างๆ ซาลารีมังคนนึง เสียได้ที่ไม่ได้ที่นั่งติดหน้าต่างเหมือนกัน
กินข้าวกล่องแล้วก็ธรรมดาๆ ครับ ไม่ได้รู้สึกกินแล้วแสงพุ่งออกจากปาก ส่วนกาแฟ (ซื้อที่กดตู้ตรงชานชาลา) อร่อยดี
นั่งไป 2 ชั่วโมงก็ถึงเมืองนางาซากิ เป็น 2 ชั่วโมงที่สบายๆ มาก รถไฟเขาสะอาด นั่งสบาย มีประกาศก่อนถึงสถานีชัดเจนครับ ผมพบว่ามีพนักงานยอมเดินทางจากฟูกูโอกะไปทำงานในเมืองอื่นๆ ตามเส้นทางรถไฟเส้นนี้เยอะมาก ส่วนนึงคงเพราะว่าเขานั่งรถไฟสะดวกด้วยมั้ง
บรรยากาศในสถานี เงียบๆ นะเพราะเหล่าซาลารีมังลงสถานีอื่นๆ หมดเลย
ลงมาก็ได้เจอแมวญี่ปุ่นตัวแรกของทริปครับ เฮียแกนั่งทำหน้าดุต้อนรับมาแต่ไกลเลย
เห็นหน้าดุๆ แบบนี้เฮียแกโคตรเชื่องเลยนะ เรียกเหมียวๆ ก็เดินมาไถเลย
การเดินทางในเมืองนางาซากินี่เน้นการใช้รถรางเป็นหลักครับ รถรางจะมีอยู่ 4 เส้นด้วยกัน ครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ เกือบทั้งหมด ซึ่งเมืองนางาซากินนี้ก็มีบัตร 1 day pass ราคา 500 เยน เพื่ออำนวยความสะดวกด้วย ผมนับเที่ยวดูแล้วก็คุ้มแหละ ซื้อได้ที่ Tourist Informaion ในสถานีรถไฟ JR Nagasaki นั่นแหละครับ
สถานีรถรางแรกที่เราจะเจอคือสถานี Nagasaki Station เลยครับ เดินออกมาหน้า JR ก็เจอ
มีที่ให้นั่งรอด้วยนิดหน่อย
รถรางแต่ละสถานีจะมีป้ายจอด 2 ด้าน หน้ารถจะมีหมายเลขกำกับว่านี่เป็นสายอะไร คนขึ้นรถรางแน่นพอๆ กับรถเมล์บ้านเราเลย
ที่แรกที่ผมไปคือ Atomic Bomb Hypocenter ซึ่งเป็นจุดที่ระเบิดนิวเคลียร์ลงที่เมืองนี้ในวันที่ 9 สิงหาคม 1945 ครับ วิธีการไปคือนั่งรถรางไปลงสถานี Hamaguchimachi ข้ามถนนแล้วเดินไปทางซ้ายเรื่อยๆ ก็จะถึงครับ (เห็นสวนต้นไม้เยอะๆ คล้ายๆ สวนสาธารณะก็ใช่ล่ะ) อันนี้ตอนแรกผมก็หลงนิดหน่อยเหมือนกัน – –
ตอนมาถึง Atomic Bomb Hypocenter ฝนก็ตกปรอยๆ พอดี วันที่ไปนี่มีเด็กๆ นักเรียนมาทัศนศึกษาเพียบเลย เห็นคนนำและคนบรรยายก็เป็นคนแก่ๆ ทั้งนั้น เดาว่าเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ที่รอดชีวิตจากระเบิดครับ ส่วนนักท่องเที่ยวมาตรงนี้ค่อนข้างน้อยนะ
ซากที่เหลืออยู่ของวิหาร Urakami ที่อยู่ตรงจุดตกพอดี
อยู่ตรงนี้แป๊บๆ ก็ไป Nagasaki Atomic Bomb Museum ต่อครับ จริงๆ มันก็อยู่ติด Hypocenter แหละ เดินข้ามสะพานไปก็ถึงแต่ว่าตอนแรกผมไม่รู้ เดินอ้อมไป ข้อดีคือได้ชมสวนเล็กๆ ของบ้านแถวนั้นที่อยู่ริมคลองเล็กๆ (อ้างไปเรื่อย) แต่เอาจริงๆ แล้วคุณไปทางสั้นๆ จะดีกว่านะ เพราะมันอ้อมไกลอยู่
ตั๋วเข้าชม Nagasaki Atomic Bomb Museum ราคา 200 เยนครับ พนักงานพูดและฟังภาษาอังกฤษได้ดีเลยล่ะ
วันและเวลาที่ระเบิดลงครับ
ซากโบสถ์และโรงงานจากจุดที่ระเบิดลง
ด้านในเป็นจัดแสดงพวกข้าวของที่เหลืออยู่และผลกระทบต่างๆ ที่มีต่อผู้รอดชีวิตและตัวเมือง ดูแล้วหดหู่มากครับ
เท่าที่อ่านเนื้อหาในพิพิธภัณฑ์ดูรู้สึกว่าเขาจะรู้สึกว่ายังไงอเมริกาก็ชนะอยู่แล้ว ทำไมถึงต้องลงระเบิดนิวเคลียร์แบบไม่เตือนก่อนด้วยครับ (เขาบอกว่าเพื่อให้ผู้ลงทุนในระเบิดรู้สึกคุ้มค่า) ซึ่งผลจากระเบิดลูกนั้นมันร้ายแรงชนิดที่ดูแล้วรู้สึกว่าคนที่รอดก็เหมือนจะตายทั้งเป็นไม่ต่างกันเลย T^T
ใต้รูปนี้เขาบรรยายว่านอกจากคนญี่ปุ่นแล้ว ยังมีคนเกาหลีและจีนที่ถูกบังคับให้มาใช้แรงงานในเมืองนางาซากิเสียชีวิตจากระเบิดนั้นเยอะมากด้วย
ด้านนอกจะเป็นเรื่องราวทั่วๆ ไปเกี่ยวกับระเบิดนิวเคลียร์ครับ ทั้งเรื่องต้นกำเนิด, สงครามเย็นและเหยื่อของระเบิดนิวเคลียร์ในประเทศอื่นๆ รวมถึงสถานการณ์การสะสมระเบิดนิวเคลียร์ในยุคปัจจุบันครับ
อันนี้เป็นจำนวนระเบิดนิวเคลียร์ที่แต่ละประเทศสะสมไว้ครับ ของเกาหลีเหนือไม่ได้แสดงจำนวน เขียนว่ามีเฉยๆ
ถัดจากพิพิธภัณฑ์นี้เป็น Nagasaki National Peace Memorial Hall for the Atomic Bomb Victims ครับ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ให้เราสงบจิตสงบใจรำลึกถึงผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์วันนั้น แต่ผมเข้าไปแป๊บๆ ก็ออกมาล่ะ
สำหรับ Atomic Bomb Museum นี่จัดแสดงได้ดีเลยล่ะ เข้าไปชมแล้วได้รับรู้ถึงความโหดร้ายของสงครามอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมาเลย T^T คุ้มค่ากับราคาค่าเข้าและเวลาที่ใช้ในการชมมากครับ
ก็ขอจบ entry แรกของเมืองนางาซากิไว้เท่านี้ก่อนนะครับ
Link:
– สรุปทริปคิวชู
2 thoughts on “สะพายกล้องเที่ยวคิวชู #2.1: พาเที่ยว Atomic Museum เมืองนางาซากิ”