ต่อจากตอนที่แล้วนะครับ entry นี้จะพาไปไหว้พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง (ရွှေတိဂုံစေတီတော်) ครับ เจดีย์ชเวดากองนี่อยู่กลางเมืองเลยครับ
ก่อนเข้าต้องถอดรองเท้าเช่นเคยแต่ที่นี่มีที่วางรองเท้าพร้อมคนเฝ้าอย่างดีให้ รับรองไม่หายแต่คนจะใส่ผิดไปหรือเปล่านี่ไม่ชัวร์นะ (ฮาา) ก่อนจะขึ้นต้องติดสติ๊กเกอร์ด้วยว่าจ่ายตังค์แล้วนะ และทางขึ้นก็เป็นลิพท์อย่างดีเลย (มีบันไดด้วย หลายด้านเลยครับ คิดอยู่ว่าถ้าขึ้นบันไดอาจจะถูกกว่า) วันที่ผมไปเขายังซ่อมเจดีย์อยู่เลย โชคดีโคตรๆ T^T
ด้านบนพระเจดีย์นี่กว้างมากๆ แถมยังมีเจดีย์เล็กเจดีย์น้อง วิหารเล็กวิหารน้อยกระจายเต็มไปหมดครับ คนก็เยอะทั้งนักท่องเที่ยวและชาวพม่าที่มานั่งสมาธิหรือไหว้พระ ไกด์ก็เลยพาเราไปไหว้พระเจดีย์ที่ลานอธิษฐานซึ่งเป็นพื้นยกเตี้ยๆ ตรงเขตลานเจดีย์ด้านทิศเหนือก่อนครับ เชื่อกันว่าพระเจ้าบุเรงนองก็เคยมาอธิษฐานที่ลานนี้เช่นกัน
หลังจากนั้นไกด์ก็ให้เวลา 1 ชั่วโมงให้ไปถ่ายรูป เดินเล่นหรือจะไหว้พระก็ตามใจครับ ผมกับแม่เลือกที่จะไปไหว้พระประจำวันเกิดที่กระจายอยู่รอบองค์พระเจดีย์ก่อน ที่อยากคือพระไม่ได้เรียงกันตามวันด้วยสิ -*-
วันเสาร์
หลังจากนี้ผมก็เดินถ่ายรูปเล่นแล้วครับ หลักๆ คือเดินรอเวลาช่วงโผล้เพล้ให้ได้ฟ้าสีน้ำเงินเกือบๆ มืดตัดกับเจดีย์สีทองนั่นเอง เดินสำรวจมุมไปมาแล้วก็พบว่าตรงลานอธิษฐานนั่นแหละเด็ดสุดแล้ว (ด้านหลังมีห้องจัดแสดงภาพประวัติและการบูรณะพระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากองด้วย แนะนำให้เข้าไปดูครับ)
พระทันใจครับ ไกด์บอกว่าขอพรอะไรก็ได้
อันนี้ไกด์ชี้ให้ดูว่าเป็นรูปนูนสูงครับ เด้งออกมาเลย (ของจริงสวยนะ)
ระหว่างเดินไปเดินมาก็พบว่าที่พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากองนี่มีมุมให้ถ่ายรูปได้เยอะมากและครบทุกแนวเลยครับ เดินไปว่ามีซอกแล้วยังมีซอกของซอกที่ข้างในมีอะไรให้ถ่ายรูปอีก จะถ่ายรูปผู้คนที่มาทำบุญก็สนุกไม่แพ้กันเลย
พอถึงเวลาเย็นๆ เห็นฟ้าเริ่มมืด ผมก็ไปนั่งรอที่ลานอธิษฐานล่ะ ก็นั่งกับพื้นรอจังหวะถ่ายเลยครับ อัด ISO สูงๆ แล้วกลั้นใจถ่ายมารัวๆ เอา คัดทิ้งไปเพราะเบลอกับคนเดินมาบังก็เยอะอยู่ ก็ต้องทำใจเพราะคนมันเยอะจริงๆ ครับ ตอนนั้นจำได้ว่าถ่ายไปก็เงยหน้ามาดื่มด่ำกับความงามตรงหน้าสลับกันไปครับ ไม่ได้ภาพแต่ก็ชมด้วยตาก็ยังดี
รูปนี้รอจังหวะกราบพร้อมกันสามคน แต่รูปนั้นมันเบลอ โฮ
สุดท้ายก็ได้รูปที่ถูกใจมาสมอยากครับ ขนาดเจดีย์ปิดซ่อมยังสวยขนาดนี้ ถ้าองค์เต็มๆ จะสวยขนาดไหน…
ถ่ายเสร็จก็รีบเดินไปจุดนัดพบครับ ก่อนลงไกด์พาไปดูจุดที่จะมองเห็นประกายอัญมณียอดเจดีย์ด้วย คนต่อคิวกันยาวเลย
เสร็จแล้วเราก็ไปภัตตาคารการเวก เป็นภัตตาคารในเรือรูปนกการเวกกลางสวนสาธารณะในเมืองเลยครับ เห็นทั้งคนพม่ามาเดินเล่นกันเพียบ ส่วนตัวภัตตาคารก็มีรถจอดอยู่เต็มเลย
สำหรับที่นี่เป็นอาหารบุฟเฟ่นานาชาติที่บอกตรงๆ ว่าก็งั้นแหละ ธรรมดามาก แต่ที่เขาพามาคือมันมีการแสดงและที่นี่ยังเป็น landmark ประจำเมืองแบบ ต้องมา ไม่มาถือว่ามาไม่ถึงย่างกุ้ง ทำนองนี้ครับ
อันนี้ลงมาขอตังค์นักท่องเที่ยว
กินข้าวเสร็จก็กลับโรงแรมย่านชานเมือง หลับเป็นตายเลยครับวันนั้น
One thought on “พาเที่ยวเมืองพม่าตอนที่ 6”