ผมไปเที่ยวพม่ามาเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาครับ ก็ไปทัวร์กับแม่ 2 คนเพราะไปแค่เมืองย่างกุ้งและหงสาวดี นั่งนกแอร์เครื่องออกตั้งแต่ 6 โมงเช้าแน่ะ ทั้งลำมีแต่ทัวร์ (ไกด์บอกว่าประมาณ 6 กรุ๊ปได้)
หลับๆ ตื่นๆ สักชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงสนามบิน Yangon International Airport ที่เมืองย่างกุ้ง สภาพสนามบินก็ประมาณสนามบินเชียงใหม่บ้านเรา ตม พม่าตรวจช้ามากกก พอออกจาก ตม ได้ก็เอากระเป๋าแล้วไปขึ้นรถทัวร์ออกจากเมืองย่างกุ้งไปเมืองหงสาวดีกัน
ทริปนี้มีไกด์คนไทยไปหนึ่งคน+ไกด์พม่าหนึ่งคนชื่อไซโหย่ว (พูดไทยได้) ครับ ถนนหนทางในส่วนนอกเมืองย่างกุ้งนี่รถโคตรติดเลยเส้นทางระหว่างเมืองก็ทางดีหน่อยแต่ว่าถนนเล็ก ระหว่างทางไซโหย่วก็แซะไทย, ด่ารัฐบาลทหารพม่า, ด่า UN, ด่าอองซาน, ด่าโรหิงญาและด่าจีนไปเรื่อย ส่วนไกด์ไทยก็คอยบรรยายความเป็นมาระหว่างทางไป
ร้านข้่างทางที่แวะเข้าห้องน้ำครับ บรรยากาศก็เหมือนออกต่างจังหวัดบ้านเรานั่นแหละ
นั่งรถยาวมากไปจนถึงเมืองหงสาวดีที่เราน่าจะคุ้นเคยกันดี เมืองนี้ชื่อภาษาพม่าเรียก “บาโก (Bago)” หรือที่คนไทยอาจจะเคยได้ยินในชื่อพะโคนั่นเอง สภาพบ้านเมืองกลายเป็นเมืองใหญ่ขึ้นมาทันทีเลย
ที่แรกที่เราไปกันคือไปนมัสการพระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอ หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อพระธาตุมุเตา (ที่มีตำนานเรื่องพระเจ้าตะเบ็งเฉวฺ่ทีบุกมาเจาะหูที่นี่นั่นเอง)
สำหรับวัดที่พม่านี่เวลาเข้าไปไหว้พระต้องถอดทั้งรองเท้าและถุงเท้าครับ เป็นธรรมเนียมที่ต้องปฏิบัติโดยเคร่งครัด บางที่นี่ผมถอดรองเท้ากับถุงเท้าไว้ในรถเลย (แล้วแต่ไกด์แนะนำ) บางวัดจะมีเก็บค่ากล้องบ้างแล้วแต่วัด ส่วนพระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอนี่เก็บตังค์ครับ
พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอเป็นเจดีย์เก่าแก่ตั้งแต่ยุคมอญเรืองอำนาจครับ เป็นที่เคารพของชาวพม่าและชาวมอญมาตั้งแต่ยุคโบราณ (ก่อนพระเจ้าตะเบ็งเฉวฺ่ทีอีก) จนได้เป็นหนึ่งใน 5 มหาบูชาสถานของพม่า เคยประสบภัยจากแผ่นดินไหวจนยอดหักมาหนนึงแต่ยอดก็ไม่กลิ้งตกลงมาจนสุด เขาก็เลยมีธรรมเนียมการไหว้พระเจดีย์ด้วยการเอาธูปมาค้ำยอดที่หักไว้ไม่ให้มันหล่นพร้อมอธิษฐานว่าขออย่าให้ชีวิตตัวเองถึงจุดต่ำสุดครับ
พระพม่า
ที่เห็นธูปเยอะๆ นั่นคือที่เขาเอาไปค้ำอธิษฐานไว้ครับ
บรรยากาศทั่วไปในวัดก็คนเยอะทั้งนักท่องเที่ยว ทั้งชาวบ้านที่มาไหว้พระ มาพักผ่อนหย่อนใจนั่งชิลๆ
ที่น่าสนใจคือที่นี่มีการทำบุญถวายทองมาแปะองค์พระเจดีย์ตามธรรมเนียมโบราณครับ คือเราก็ทำบุญ (ไกด์แนะนำให้ใส่เงินพม่า ทางวัดจะได้ไม่เสียค่าแลกเงิน) ไปเรื่อยๆ พอครบรอบวัดก็รวบเงินไปซื้อทองมาซ่อมเจดีย์ทีนึง
หลังจากนั้นเราก็ไปวัดไจ้คะวายที่เป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งเมืองหงสาวดีครับ ที่นี่เราจะมาถวายเพลกัน คือพอได้เวลาฉันเพลปุ๊บ หลวงพ่อจะเอาไม้มาเคาะเรียกพระทั้งวัดมาที่หอฉัน แล้วพระทั้งวัดก็จะเดินเรียงต่อกันมาตามทางเดินซึ่งตรงนี้เราก็เอาจานตักข้าว (แทนทัพพี) ในหม้อที่เตรียมไหว้ถวายให้ท่าน ส่วนเรื่องอาหารและข้าวต่างๆ เราก็ถวายเงินปัจจัยสนับสนุนทางวัดได้
รูปปั้นของนายพลออง ซาน วีรบุรุษของชาวพม่าและชนเผ่าต่างๆ ที่มีอยู่ทุกเมืองครับ
หลวงพ่อจะเดินเรียงกันมาตามทางเดิน คนโคตรเยอะเลยครับ
ถ้าท่านทำมือแบบนี้คือไม่รับบาตรครับ
ถวายเพลพระเสร็จพวกเราก็รีบไปกินข้าวกันเหมือนกัน ทัวร์ก็พาไปกินร้านอาหารครับ อาหารทุกมื้อในทริปนี้มีกุ้งอยู่ด้วยทั้งหมด อาหารอื่นๆ ก็คล้ายๆ บ้านเราเพียงแต่รสชาติจืดกว่า ที่ผมว่าเด็ดที่สุดคือน้ำพริกคลุกข้าวที่โคตรอร่อยเลย ส่วนอาหาร local พม่านั้นไกด์บอกว่ามันเป็นก๋วยเตี๋ยวยำที่เขาใช้มือยำให้เราอ่ะ อยากลองก็ได้นะแต่ไม่รับรองความสะอาด (ฮาาา) อ้อ ตามร้านอาหารพวกนี้มีขายน้ำพริกกับชานมไว้เป็นของฝากกลับบ้านด้วยครับ
ก็ขอจบทริปพม่าตอนแรกไว้เท่านี้ก่อนละกัน
One thought on “ล่าฝันเมืองพม่าตอนที่ 1: นมัสการพระธาตุมุเตา”