ต่อจากตอนที่แล้ว ลุงแกขับรถพาเราลงมาเข้าเมืองฮุ่ยเจ๋ออีกรอบ เราก็นึกว่าจะเป็นทางผ่านไปเมืองหงตู้ตี้ แต่ปรากฏว่าแกขับมาจอดหน้าโรงแรมลุงเฉินซะงั้น พวกเราก็งงถามว่าไม่ไปหงตู้ตี้เหรอ แกบอกว่าเหมา 300 ก็เท่านี้แหละ ถ้าจะไปหงตู้ตี้ต้องบวกอีก 800 เพราะมันอ้อม เหี้ยล่ะะะะะะะะะะะะะ
ลุงแกบอกว่าทางไปตรงๆ น่ะมันไม่มี มีแต่ทางหลวงที่มันอ้อม ไกลนะ (ทั้งหมดนี้คุยด้วยภาษามือ + แปลผ่าน google translate แบบง่อยๆ) พอถามว่าแล้วรถบัสมีป่าวแกก็บอกว่าหมิงเทียนคือแปลว่าพรุ่งนี้ พวกผมคุยกันแล้วรู้สึกว่าแม่งกะจะฟันพวกกูเกินไปหน่อยล่ะ ก็เลยจ่ายตังค์ 300 หยวนแล้วลงจากรถเลย ระหว่างที่คิดไม่ออกว่าจะเอายังไงดีก็ไปกินข้าวกลางวันกันก่อนครับ เป็นร้านบะหมี่เนื้อ เดาว่าเป็นร้านอิสลาม
แล้วกินเสร็จก็ลองเดินไปถามที่สถานีรถบัสดูครับ ตอนเดินเข้าไปทางที่เราออกมาเมื่อวานก็เห็นลุงแกชี้ๆ อีกทางก็งงอยู่ แต่ก็คิดว่าแม่งจะหลอกกูอีกแล้วก็เลยเดินต่อ สุดท้ายก็รู้ว่าเราเดินออกมาผิดทาง ทางเข้ามันอยู่อีกด้านที่ลุงแกชี้นั่นแหละ เราก็เลยเดินผ่านเครื่องแสกนอะไรมาแบบงงๆ พอไปถามที่ขายตั๋วเขาก็บอกว่ารถไปหงตู้ตี้ไม่มี มีแต่รถไปตงชวนใน 10 นาทีนี้หรือไม่ก็พรุ่งนี้เช้าเลย (ลุงแม่งหลอกกูจริงๆ) ก็เลยเอาคันนี้แหละ (มีขอไปเข้าห้องน้ำแล้วห้องน้ำในสถานีปิด เขาพาไปเข้าห้องน้ำสำนักงานเลย) สภาพรถก็เก่าๆ โทรมๆ เลยล่ะ นั่งย้อนไปทางอ้อมๆ ยาวเลย
นั่งรถนานมากกก กว่าจะถึงเมืองตงชวน (东川区)ก็ตั้ง 5 โมง พอเข้าเมืองตงชวนปุ๊บก็รู้สึกได้ว่าเมืองมันเจริญกว่าฮุ่ยเจ๋อมากคือดูเป็นเมืองตึกสูงๆ แออัด คนเยอะๆ รถเยอะๆ พอลงจากรถปุ๊บก็ปรี่ไปถามคนขับว่าจะไปหงตู้ตี้ยังไง แกก็งงๆ แล้วเรียกผู้โดยสารอีกคนมาช่วย พี่คนที่มาช่วยก็พอจะพิมพ์ Pinyin ได้แต่เหมือนแกจะนึกไม่ออกว่าจะบอกยังไง สักพักแฟนแกกับลูกแกก็มารับแล้วก็ช่วยกันหาทางอธิบายให้กับเราสักพักใหญ่ๆ จนแฟนแกก็โทรไปหาเพื่อนที่เป็นครูสอนภาษาอังกฤษแล้วให้คุยกับเรา (คือเป็นล่ามนั่นเอง) สุดท้ายก็ได้ความว่าสถานีรถบัสไปหงตู้ตี้มันอยู่อีกสถานีเลย เด๋วคู่นี้จะขับรถพาเราไปส่งว่าเป็นที่ไหน \ w / เย้ๆๆๆๆๆ
เราก็เดินตามเขาไปขึ้นรถ แล้วก็นั่งออกไปอีกด้านของเมือง แล้วพี่ผู้หญิงก็จูงมือเราเข้าไปในสถานีเพื่อไปถามตารางรถเลย (มีรอบ 8.30, 12.30 และ 13.30) แล้วแกก็โทรหาเพื่อนแก (คนที่เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ) คุยกันสักพักแล้วเพื่อนแกก็บอกว่าเด๋วคู่นี้จะพาไปหาโรงแรมแถวๆ นั้นนะ เฮ้ยยยย ใจดีสุดยอดดดดดดดดดดดดด เขาก็ขับพาไปหาโรงแรม ซึ่งโรงแรมไหนก็ไม่รับเราเลยเพราะว่าเราป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ เห็น passport มาก็ไม่รับล่ะ แถมยังถามอีกว่า Taiwan ใช่ไหม (อ้าว) เขาพาเราไปหาประมาณ 3 โรงแรมก็ไม่รับเราสักที่ จนเพื่อนเขาที่เป็นครูขับมอไซค์มาช่วยคุยก็ยังไม่รับ สุดท้ายเขาไปคุยจนโรงแรม 3 ดาว (คืนละ 280 หยวน) ที่นึงยอมให้เราพัก คือจังหวะนั้นซึ้งใจมากครับ ช่วยเราทุกอย่างเลยทั้งๆ ที่ไม่ใช่ธุระของเขา ทั้งคุยจนโรงแรมยอมให้เข้าพัก, แปลหน้าแรก passport เราเป็นภาษาจีนให้ reception โรงแรม, ต่อรองราคา ซึ้งใจสุดๆ แถมยังจะพาเราไปกินข้าวอีกซึ่งเราก็ได้แต่ปฏิเสธไป ก่อนจากกันผมขอให้เขาเขียนชื่อสถานีไปหงตู้ตี้เป็นภาษาจีนไว้ด้วยสำหรับเรียก taxi ครับ
ในรูปพี่ใส่แว่นคือคนที่่ช่วยเราตั้งแต่ที่สถานีรถครับ ส่วนอีกคนคือคนที่เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ส่วนพี่ผู้หญิงกับลูกชายรออยู่ที่รถ เสียดายมากที่ไม่ได้ขอถ่ายรูปไว้
ที่น่าสนใจในการคุยกับบรรดาโรงแรมทั้งหลายคือ
- ส่วนใหญ่จะงงไทยกับไต้หวัน
- เหตุผลหลักๆ ที่เขาปฏิเสธคือเขาต้องลงทะเบียนคนเข้าพัก ซึ่งเขาไม่รู้จะลงทะเบียนคนต่างชาติยังไง
- เวลาเขาเปิด passport ผมหน้าแรกเขาจะอ่านไม่ออกว่าชื่อ นามสกุล อะไรอยู่ตรงไหนเพราะเป็นภาษาอังกฤษ เปิดไปเจอหน้า visa ไต้หวันจะยิ่งงงใหญ่เพราะเจอตัวจีนที่อ่านไม่ออก
- หนึ่งในข้อมูลที่เขาถาม (พี่คนสอนอังกฤษแปลให้) คือ Visa ที่เข้ามาเป็นประเภทไหน เป็นการฑูตหรือการเมืองรึเปล่า พอบอก travel ก็ดูเขาทำหน้างงๆ กันนะ
เดาว่าในคือแรกที่ฮุ่ยเจ๋อที่โรงแรมกี่ที่ๆ ก็บอกว่าเต็มพอเห็น passport เราก็คงเป็นเพราะไอ้เรื่องพวกนี้แหละ ส่วนห้องพักก็หรูหราสมเป็นโรงแรมระดับ 3 ดาวครับ เตียงดี ทีวี ห้องน้ำดีมาก อลังการ พักสักครู่ก็ออกไปเดินเล่นหาข้าวกินกัน
บรรยากาศถนนเส้นที่ไม่ใช่เส้นหลักดูเงียบมากครับ (ขานั่งรถมาเหมือนเห็นคนเยอะแยะนะ) คนน้อยๆ แต่ก็มีร้านอาหารจีนเยอะพอดู พวกเราเลือกร้านนึงจากการสุ่มแบบมั่วๆ ไปร้านบ้านๆ แนวๆ ตามสั่งบ้านเรา วิธีสั่งก็คือเห็นคนที่นั่งอยู่ก่อนกินอะไรก็เอาอันนั้น+ชี้รูปอาหารในร้าน+เดินเข้าครัวไปชี้ๆ วัตถุดิบแล้วลุ้นกันว่าเขาจะทำอะไรให้เรากิน
จริงๆ ตอนสั่งเนี่ยกะเป็นกับเป็นจานๆ กับข้าวครับ (ไอ้เมนูที่ไปชี้โต๊ะชาวบ้านก็เป็นแบบนั้น) ไหงตอนมาดันเป็นราดข้าวได้ก็ไม่รู้ รสชาติจำไม่ได้แล้ว แต่กินกันเกือบหมดนะ ตอนไปหยิบช้อนมาช่วยกินนี่คนทั้งร้านมองกันใหญ่เลย
กินเสร็จก็เดินเล่นต่อ ไปเจอร้านเบเกอรี่บ้านเขามีขนมน่ากินดี ที่น่าสนใจคือเขาขายราคาตามน้ำหนักทุกอย่างครับ แม้ว่าเราจะสั่งขนมปังก้อนเล็กๆ ก็ตาม รสชาติจำได้ว่าไม่อร่อย 5555
กินเสร็จก็ลองเดินเล่นรอบๆ ดู ย่านที่พวกผมไปพักนี่คนน้อยครับ เงียบๆ ที่น่าสังเกตุคือเดินไปไม่เจอฝรั่งสักคน!! (ตั้งแต่ฮุ่ยเจ๋อล่ะ)
ตอนเดินตรงนี้ดูดีๆ พบว่าเมืองนี้ก็มีภูเขาสูงๆ ล้อมรอบนะ
เดินเล่น ซื้อพวกน้ำ ของกินจากร้านสะดวกซื้อเสร็จก็กลับโรงแรมครับ มี wifi (เฉพาะที่ lobby) ที่เข้า google, facebook, line อะไรไม่ได้เล่นเหมือนเดิม เสร็จแล้วก็ขึ้นไปดูทีวีนอนครับ
One thought on “สะพายกล้องเที่ยวจีนตอนที่ 2.1: สวัสดีตงชวน”