ต่อจากตอนที่แล้ว พวกเราตื่นกันแต่เช้า ล้างหน้า แปรงฟันโดยไม่ได้อาบน้ำเพราะมันหนาวมากแถมยังเสียเวลารอน้ำอุ่นอีกต่างหาก มองจากหน้าต่างโรงแรมออกไปเห็นสวนสาธารณะแล้วมีเหรียญกลมใหญ่ๆ อยู่คร่อมสะพานพอดี ก็ดูแปลกดีครับ
เก็บของเสร็จก็ลงมา ลุงคนขับรถที่นัดแนะกันตั้งแต่เมื่อคืนมารออยู่แล้วพอดีก็ checkout แล้วขนของขึ้นรถแกเลย แกขับออกไปแล้วก็หันมาทำท่ากินข้าวแบบถามว่าจะกินข้าวไหมพวกเราก็บอกว่าโอเค แกก็ขับพาไปร้านบะหมี่ร้านนึง
วิธีสั่งก็ง่ายๆ ร้านมีเมนูเป็นรูปใหญ่ๆ แล้วมีรหัสบอกอยู่ เราก็เดินไปชี้ๆ จ่ายเงิน รับคิวแล้วก็มานั่งรอที่โต๊ะ บนโต๊ะมีเครื่องปรุงอยู่ ก็พวกกระเทียม เกลือ ผักโรย ที่เด็ดสุดคือมีผงชูรสให้ใส่เพิ่มด้วยครับ -*-
รอสักพักบะหมี่ก็ทะยอยมาครับ ผมสั่งบะหมี่เห็ด ตอนแรกนึกว่ามีแต่เส้นกับเห็ดแต่ปรากฏว่ามีหมูสับซ่อนอยู่ข้างล่าง ก็มันๆ เลี่ยนๆ เผ็ดๆ ผมกินเส้นกับหมูหมด แต่ซดน้ำหมดไม่ไหวแฮะ เลี่ยนเกิ๊น อุปกรณ์การกินเขาให้มาแต่ตะเกียบนะครับ พอผมหยิบเอาช้อนกินนมถั่วเหลืองมาตักน้ำซดเท่านั้นแหละ หันมามองกันทั้งร้านเลย…
กินเสร็จก็นั่งรถออกไปทุ่งหญ้าฮุ่ยเจ๋อ (Da Haichao Shan – หา link กับชื่อจีนไม่เจอจริงๆ ครับ) กันครับ มีวนไปสวนสาธารณะข้างๆ โรงแรมก่อนด้วยนิดนึง ก็นึกว่าแกจะจอดให้ลงไปดู แต่ที่ไหนได้แกขับเลยไปเลยแฮะ
บนรถลุงแก (ซึ่งรถเหมาในจีนรวมถึง taxi ด้วย) มี GPS เสร็จสรรพแถมแกยังเปิด vdo สอนภาษาอังกฤษสำหรับเด็กวนไปวนมาอีกต่างหาก ตอนนั้นก็เลยได้คำจีนหลายคำเลย (ซึ่งก็ลืมในวันถัดไป) จากเมืองฮุ่ยเจ๋อไปทุ่งหญ้าฮุ่ยเจ๋อไกลพอดูครับ ขึ้นเขาเกือบตลอดทางเลยแถมหมอกยังลงจัดอีก
แกขับรถยิงยาวไม่จอดแวะให้ถ่ายรูปเลยครับ (หรือเราไม่ได้บอกแกวะ) วิวข้างทางก็สวยมากๆ เป็นภูเขาอลังๆ สลับกับทุ่งนาขั้นบันได สักพักแกก็จอดแอบๆ ให้พวกเราจุดนึง พวกผมนี่ถ่ายรูปกันลืมตายเลย แม่งสวยจริงๆ
นั่งรถขึ้นเขามาอีกสักพัก (ไม่รู้สึกเวียนหัวเท่าไหร่) ก็มาถึงทุ่งหญ้าฮุ่ยเจ๋อครับ ร้างสัดๆ ไม่มีคน ไม่มีรถจอดเลย อากาศก็โคตรหนาว ลมก็แรงสุดๆ พวกผมเดินงงๆ สักพักก็มีป้ามาคุยล้งเล้งๆ คุยได้ความว่าต้องเสียค่าเข้าคนละ 50 หยวน รวมคนขับรถด้วยก็ 200 หยวน แต่ลุงคนขับแกไปคุยให้ว่าของแกไม่ต้องจ่ายหรอก (พวกเราคิด ดีจังเลยยยย)
จ่ายเงินเสร็จก็ขับรถเข้าไปครับ บอกก่อนว่าพวกผมมาผิดฤดูไปไกลโข คือจริงๆ มันต้องมาช่วงพฤศจิกายนถึงจะเป็นทุ่งหิมะสวยๆ มีนกกระเรียนหรือต้นปีที่จะเป็นทุ่งหญ้าสวยงาม แต่มาเดือนนี้ก็เห็นแต่หญ้าแห้งๆ ล่ะครับ
แม้จะมีแต่ทุ่งหญ้าแห้งๆ แต่พวกผมก็คิดว่าแม่งโคตรสวยอยู่ดี คือมันกว้างมากๆ (ที่พวกเราเที่ยวทั้งหมดยังไม่ถึงครึ่ง) ฟ้าก็สวย (นึกถึงตอนไปเมกาเลย ฟ้าแบบนี้ชัดๆ) จอดแวะถ่ายรูปตรงไหนมันก็สวย เป็นเนิน, เทือกเขา, ทุ่งหญ้าสุดลูกหูลูกตา, อากาศหนาวบัดซบจนมีน้ำเป็นน้ำแข็ง ลมแรงสัดๆ
ที่เหลือก็ภาพเล่าเรื่องไปละกันครับ
จริงๆ ที่ติดกับมุมนี้คือหมู่บ้านกระโจมของชาวพื้นเมือง แต่ผมไม่เจอชาวพื้นเมืองสักคนนะ (ฮาา)
ผองเพื่อนร่วมทริปและลุงคนขับรถ (ที่ตอนนั้นยังรู้สึกว่าแกโคตร nice)
ส่วนใหญ่ผมก็ใช้เลนส์ normal นี่และสลับกับ tele เพื่อเจาะเป็นส่วนๆ ไป (โชคดีที่หน้าเท่ากันเลยใช้ฟิลเตอร์ร่วมกันได้) ผมหมุน CPL พยายามไม่ให้ฟ้ามันเข้มแบบจนเด้งเกินจริงไปมากนัก แต่สุดท้ายก็ต้องมาปรับลดลงในคอมอีกรอบอยู่ดีจนคิดว่าไม่ใช้ CPL น่าจะดีกว่า
เนินนี่ของจริงกว่าจะขึ้นไปข้างบนได้นี่โคตรเหนื่อยเลยนะครับ ชันใช้ได้แถมยังลมแรงอีก
พวกเราอยู่ตรงนี้จนเกือบๆ เที่ยงก็ออกมาครับ ก่อนออกมาก็แวะดูแผนที่เพื่อที่จะพบว่าเราขับเข้าไปแค่เสี้ยวเดียวของพื้นที่ทั้งหมดเอง ก็ขอจบไว้เท่านี้ก่อนนะครับ
One thought on “สะพายกล้องเที่ยวจีนตอนที่ 2: พาเที่ยวทุ่งหญ้าฮุ่ยเจ๋อ”