15 ปีรัฐประหาร 19 กันยายน 2549

วันนี้ครบรอบ 15 รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2549 (วิกิพีเดีย) ขอนึกย้อนไปว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้น ทำอะไรอยู่

  1. ตอนนั้นเพิ่งย้ายงานใหม่และกำลังจะบินไปทำงานที่อเมริกา แว๊บแรกคือไอ้ฉิบหาย ถ้าปิดประเทศมาจะยังได้ไปอยู่ไหม
  2. แว๊บถัดมาคือ โกรธ ถึงจะไม่ชอบรัฐบาลทักษิณ 2 แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดว่ารัฐประหารคือทางแก้นะ
  3. สมัยนั้นยังไม่มี Social Network สิ่งที่ทำคือตั้งชื่อใน MSN ด่าการรัฐประหารแม่ง
  4. มีเพื่อนมาทักพอสมควรว่ารู้ไหมว่าใครอยู่เบื้องหลัง ถ้าข่าวลือเป็นจริงมันจะไม่ดีกับแกนะ เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนความคิดเถอะ
  5. เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเหมือนกันว่าเราไม่สามารถพูดคุยอย่างมีเหตุผลในเรื่องการเมืองกับเพื่อนหลายคนได้ (หลังจากนั้นตอนยึดสนามบินยิ่งตอกย้ำ)
  6. ยืนยันว่าไม่เปลี่ยน เพื่อนโกรธ
  7. วันรุ่งขึ้นรู้สึกอีหยังวะสัดๆ กับพวกออกไปถ่ายรูป ให้ดอกไม้ทหาร
  8. หลังจากนั้นก็เริ่มมองประเทศตัวเองด้วยมุมมองต่างไปจนมาถึงจุดนี้แหละ

ส่วนตัวคิดว่ารัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ไม่ใช่การรัฐประหารที่เสียของ (เพราะหลังจากนั้นพรรคพลังประชาชนชนะเลือกตั้ง) สำหรับชนชั้นนำแต่อย่างใด มันเป็นการยืนยันว่าพวกเขาทำได้ มันเป็นการรัฐประหารที่วางรากฐานให้แก่ครั้งล่าสุด ควรทำอย่างเพื่อไรเพื่อให้อำนาจอยู่กับตัวเองยาวๆ รับมือการต่อต้านอย่างไรและทำยังไงไม่ให้ประชาธิปไตยกลับคืนมาอีก

ทุกอย่างที่ผมว่ามันคือการเสียโอกาสของประชาชนชาวไทย (ที่สลิ่มไม่มีวันมองเห็น) ครับ

Ref:
3 ป. ในฉากรัฐประหาร 15 ปี 19 กันยายน
15 ปี รัฐประหาร 2549 แกะรอยเบื้องหลังความขัดแย้งผ่านปากคำทักษิณ
ย้อนรอย 15 ปี ครบรอบ “รัฐประหาร” รัฐบาลทักษิณ 19 กันยายน 2549
รวมบทความรัฐประหารปี 2549 @ประชาไท

ปีศาจหน้าใหม่

“ผมเป็นปีศาจที่กาลเวลาได้สร้างขึ้นมาหลอกหลอนคนที่อยู่ในโลกเก่า ความคิดเก่า ทำให้เกิดความหวาดกลัว และไม่มีอะไรที่จะเป็นเครื่องปลอบใจท่านเหล่านี้ได้ เท่ากับไม่มีอะไรหยุดยั้งความรุดหน้าของกาลเวลาที่จะสร้างปีศาจเหล่านี้ให้มากขึ้นทุกที…” – สาย สีมา

จริงๆ คิดไว้ในหัวนานแล้ว แต่ไม่ได้เขียนสักทีจนมิตรสหายสายวิวาทชิงไปเขียนเมื่อสัปดาห์เดือนก่อน ก็เพิ่งมาเขียนนี่แหละ

สังเกตุมานานแล้วว่าฝั่งปีกขวา/อนุรักษ์นิยมนั้นหวาดกลัวพรรคการเมืองหน้าใหม่พรรคหนึ่งมาก ระดับที่เรียกได้ว่ากลัวมากกว่าทักษิณอีก กลัวจนผมรู้สึกว่าพวกเขาแสดงออกว่าถูก “คุกคาม” อย่างชัดเจนจากพรรคนั้น พรรคนั้นและหัวหน้าพรรคกลายเป็นปีศาจตนใหม่ต่อจากทักษิณไปเรียบร้อยแล้ว

ผมคิดว่าสิ่งที่ทำให้พวกเขากลัวมากกว่าปีศาจตัวเก่านั้นเพราะว่าปีศาจหน้าใหม่นี้ (และพรรคฝั่งซ้ายอีกหลายพรรคนั้นดันดังสุด) นั้นทำให้เกิดความตื่นตัวในเรื่อง “อุดมการณ์หัวก้าวหน้า” อย่างจริงจังในบรรดาผู้สนับสนุนและสาวก

  • มันเป็นอุดมการณ์มันทำเราเริ่มมองถึงปัญหาทางโครงสร้างที่มันบิดเบี้ยวและถูกปกปิดมายาวนาน
  • มันเป็นอุดมการณ์มันทำให้เราตระหนักว่าสิทธิเสรีภาพของเรานั้นถูกลิดรอนไปแค่ไหน และเริ่มตระหนักถึงสิทธิเสรีภาพของคนอื่นๆ ในสังคม
  • มันเป็นอุดมการณ์ที่ทำให้เรารู้สึกว่าไอ้สิ่งที่เราถูกหลอกหรือถูกสอนว่ามันไม่เป็นปัญหาแม่งเป็นปัญหา
  • มันเป็นอุดมการณ์ที่ทำให้เราตระหนึกถึง “โลกเสรี” รวมไปถึงความเป็นสากล ไม่ใช่คิดว่าเราพิเศษที่สุดไม่เหมือนใครอยู่คนเดียว

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ฝั่งปีกขวา/อนุรักษ์นิยมไม่ว่าจะเฉดไหนจะจัดแค่ไหนนั้นยอมให้เกิดขึ้นในสังคมไม่ได้เด็ดขาด พวกเขากลัวสิ่งเหล่านี้มากจนต้องทำทุกอย่างเพื่อทำลายปีศาจตัวใหม่ตัวนี้ (ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม) ให้ได้ เพื่อรั้งทุกอย่างให้อยู่ในโลกเก่าๆ ที่พวกเขาเองก็ไม่ได้รู้คุณค่าของมันแต่อย่างใด

สิ่งที่น่าสนใจพวกเขาจะกำจัดปีศาจหน้าใหม่ (ไม่ว่าพรรคนี้หรือพรรคสายเดียวกันพรรคอื่นๆ) ไปได้ แต่ “อุดมการณ์” ที่ถูกจุดประกายนี้จะไม่มีวันตายและอยู่ต่อไป หรือแม้กระทั่งพรรคเหล่านี้จะถูกกาลเวลาเปลี่ยนแปลงไป (ไม่ก็แตกเพราะแม่งตีกันเอง) “อุดมการณ์” และความคิดเหล่านั้นก็จะถูกส่งต่อไปด้วยประชาชนหรือพรรคอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นมาใหม่

ยังไงวันที่ 24 นี้ก็เลือกพรรคที่ตัวเองชอบละกันครับ

Blog It Together

ผมเพิ่งอ่านนิยายเรื่อง “ปีศาจ” ของเสนีย์ เสาวพงศ์จบไปอาทิตย์ที่แล้ว

นิยายเรื่องนี้เล่าถึงเรื่องราวความรักต่างชนชั้นและการปะทะกันระหว่างคนจนกับนายทุนในยุคที่ประเทศไทยเพิ่งเปลี่ยนแปลงการปกครองและฟื้นตัวจากภัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่นานนัก จุดเด่นของเรื่องนี้คือการปะทะกันระหว่างคนสองรุ่นและต่างความคิดในยุคเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ของสังคมไทย โดยมีคำถามที่สำคัญในเรื่องคือ “ใครคือปีศาจผู้อยู่เบื้องหลังความขัดแย้งนี้กันแน่?”


ภาพจากมติชน

View original post 48 more words

The most funniest day in Thailand political history

ออกตัวก่อนว่าวันนี้เป็นวันที่พีคที่สุด บันเทิงที่สุดวันหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย บันเทิงตั้งแต่เช้ายันเย็นยันกลางคืนเลย


รูปจากงานตรุษจีนในปี 2014 ซึ่งตรงกับช่วงวิกฤตการณ์การเมืองไทย พ.ศ. 2556–2557 ไม่เกี่ยวกับเนื้อหา entry นี้แต่อย่างใด

Reference: – Bloomberg
Reference 2: Khaosod English