God of War III Remastered

God of War III Remastered เป็นการ Remastered เกม God of War III จากเครื่อง PS3 มาสู่ PS4 แบบ 1080p+60fps ครับ

  • นี่เป็นเกมในตระกูล God of War เกมแรกที่ผมได้เล่น
  • ตัวเกมสนุกมากกกกกกก สะใจ เลือดสาด อำมหิต เล่นแล้วมีความรู้สึกว่าอยากจะเล่นต่ออีกสักหน่อยอยู่เสมอเมื่อเจอจุด save
  • Puzzle ในเกมไม่ยากไม่ง่ายจนเกินไปนัก มีสองสามอันที่ผมต้องเปิดเฉลยดู
  • ความยากของเกมก็ไม่ถือว่ายากจนอยากปาจอยทิ้ง หรือง่ายไปจนเล่นได้เพลิน เรียกได้ว่าท้าทายดี จุดที่ตายบ่อยส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องกระโดดไปตาม platform ต่างๆ นี่แหละ – –
  • สิ่งที่เจ๋งที่สุดคือฉาก Boss Fight ที่โคตรอลังการงานสร้างและสร้างสรรค์มากๆ เกือบทุกตัว
  • ข้อเสียที่ร้ายกาจคือฉาก Final Boss มันดูธรรมดาเกินไปอย่างไม่น่าเชื่อ คือความยากก็สมกับเป็น Final Boss นะ แต่ไอเดียกับความอลังมันไม่เจ๋งเท่าตัวอื่นๆ น่ะ

สรุป: สนุกมาก รู้สึกคุ้มดี

Dragon Age: Inquisition

Dragon Age: Inquisition เป็นหนึ่งใน 2 เกมแรกที่ผมซื้อมาพร้อม PS4 และเป็นเกมเดียวที่ผมทุ่มเทเล่นมันจนจบเป็นเกมแรกของเครื่องและของปีนี้ครับ (อีกเกมคือ Far Cry 4 วางทิ้งไว้หลังผมเริ่มเล่นเกมนี้)

  • ออกตัวก่อนว่าไม่เคยเล่นภาค 1-2 มาก่อนเลย ไม่รู้เนื้อเรื่องด้วย
  • ใช้เวลาเล่นตาม save จนจบเนื้อเรื่องประมาณ 65 ชั่วโมง ไม่นับไอ้ที่โหลดมาเล่นแล้วเล่นอีกเพื่อได้ story ที่ต้องการ 4 – 5 รอบ ถ้ารวมด้วยน่าจะถึง 80 ชั่วโมงมั้ง นี่เควสรองยังไม่หมดนะ เล่นต่อได้อีกยาว
  • เกมสนุกมากกกกกกกกกกกก ตอนแรกงงๆ แต่เล่นไปสักพักแม่งโคตรติดพันเลย
  • จุดที่ชอบที่สุดคือระบบตัดสินใจของเกม ทุกคำพูด ทุกทางเลือกที่เราตัดสินใจจะต้องมีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบ แถมหลายๆ ครั้งยังไม่มีทางเลือกที่ win-win ด้วย ทุกอย่างมีผลกับความสัมพันธ์กับคนในทีมและเนื้อเรื่องหมดเลย เพราะไอ้ตรงนี้เลยต้องโหลดมาเล่นใหม่บ่อยมาก
  • เกมเป็นกึ่งๆ open world ที่มีพื้นที่และเควสรองให้เถลไถลเยอะมากกกกกกกกกกกกก คือเยอะจนมีโอกาสเผลอเล่นข้ามสูงมากทั้งๆ ที่มันมีผลกับเรื่องนิดหน่อยด้วย
  • จีบ Leliana ไม่ได้ ;____________;
  • ข้อเสียที่ร้ายกาจที่สุดคือเกมแทบจะไม่มี tutorial เลยครับ คือผมเล่นเกม WRPG กับเกมนี้เป็นเกมแรกแล้วแม่งงงมาก เกมแทบไม่บอกอะไรเลย ปล่อยเราเล่นไปอย่างเดียวจนจบเกมผมก็ยังไม่เข้าใจเลยว่าค่า stat หลายๆ ค่ามันคืออะไร
  • Multiplayer สนุกดี ออกแนว Capture the Flag หน่อยๆ คือเล่นตีศัตรูให้หมดในแต่ละห้องก่อนจะไปเจอบอส แต่เล่นไปนานๆ ก็น่าเบื่อ จริงๆ น่าจะเล่นแบบเอาเควสเนื้อเรื่องได้แบบ Diablo III มากกว่า
  • พลาดซื้อแบบแผ่นโซนเอเซียมา พวก DLC ต่างๆ เลยมาช้ากว่าชาวบ้านตั้งเป็นอาทิตย์เลย
  • กะว่าฉากจบจะอลังๆ แบบ Bioshock Infinite แต่เอาจริงก็ธรรมดาๆ อ่ะ ;___;

สรุป: สนุกมาก สนุกโคตรๆ

Software Security ในมุมมองของ Enterprise

วันนี้มีดราม่าเรื่อง AppServ ที่เกี่ยวกับความ outdate ของ component ใน AppServ

ความเห็นของเพื่อนผม (สาย IT) ส่วนใหญ่จะเห็นว่าเจ้า AppServ นี่มันไม่ดีตรงมันยังใช้พวก php รุ่นเก่าที่ end of life ไปชาติกว่าแล้ว ซึ่งเจ้า version นั้นอุดมไปด้วยบั๊กแถมยังเต็มไปด้วยช่องโหว่ (ที่แก้ในรุ่นใหม่แล้ว) อีกเพียบอีกต่างหาก ซึ่งผมเองก็เห็นด้วยกับเพื่อนๆ ของผมนะ

แต่จากประสบการณ์ของการทำงานบริษัทระดับ enterprise (ทั้ง บ ที่ผมทำงานและลูกค้า) มา 10 ปี ผมพบว่าสำหรับบริษัทระดับ enterprise นั้น พวกเขารู้สึกว่าความเสี่ยงในการ upgrade version ของ software นั้นสูงกว่าความเสี่ยงที่จะเจอช่องโหว่ทาง security หรือบั๊กต่างๆ

เหตุผลส่วนใหญ่ (ที่ได้ยินลูกค้าบอกมา) คือการ upgrade software เนี่ย นั่นหมายถึงเขาจะต้องรัน test ใหม่หมดซึ่งอาจจะกินเวลาเกิน 1 ปี แถมยังต้องเสี่ยงว่า upgrade จุดนึงแล้วยังจะต้อง upgrade อย่างอื่นที่มันต่อกันอยู่อีกรึเปล่า ยิ่งถ้าเป็นอะไรที่ต้อง up ฝั่ง client ด้วยยิ่งนรกใหญ่ครับ เขาไม่ทำเด็ดขาด

ทางที่พวกเขาเลือกส่วนใหญ่คือการเลือกซื้ออย่างอื่นมากันช่องโหว่นั้นไม่ว่าจะเป็น software หรือ hardware ต่างๆ ถ้ายังไม่ได้ก็ “บีบ” vendor ให้แก้ปัญหาใน version เก่าๆ นั้นไปนั่นแหละ เพราะมันเป็นสิ่งที่แสดงว่าบริษัทระดับพวกเขานั้นมีเงินและมีอำนาจที่จะแสดงถึงการแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการที่ไม่ใช่ upgrade software

สุดท้ายแล้วจริงๆ เหตุผลนั้นอาจจะไม่ได้เรื่องเหี้ยๆ ข้างบนนี้หรอก พวก enterprise อาจจะมีความสุขกับการใช้ software version โบราณ (legacy) ก็เป็นได้ เพราะมันคือสิ่งที่ยืนยันว่าพวกเขาคือ enterprise ไม่ใช่บ้าใช้ software ver ใหม่ๆ เหมือน startup นั่นเอง