Hansel and Gretel: Witch Hunters

Hansel and Gretel: Witch Huntersเป็นหนังที่ดัดแปลงจากเทพนิยายพี่น้องตระกูลกริมม์ ครับ เป็น version โหดเลือดสาดดูเอามันส์เรื่องแรกของปีนี้ ก่อนที่แจ็ค ผู้ฆ่ายักษ์และอีกสารพัดเรื่องจะตามมา

Hansel and Gretel Witch Hunters Poster

หนังเล่าเรื่องต่อจากนิทานที่สองพี่น้องฮันเซลและเกรเทลถูกพ่อนำไปทิ้งกลางป่า พวกเขาหนีไปเจอแม่มดกินคนในบ้านที่สร้างจากลูกกวาด ทั้งคู่ฆ่าแม่มดนั้นได้ แต่ไม่ได้กลับบ้านเหมือนในนิทานนะครับ ทั้งคู่เลือกที่จะไม่กลับบ้านและผันตัวสู่การเป็นนักล่าแม่มดเต็มตัว พวกเขาฆ่าแม่มดชนิดแทบจะล้างบาง จนกระทั่งมาเจอคดีหนึ่งที่นำโดยจอมแม่มดที่ร้ายกาจชนิดที่พวกเขาสู้ไม่ได้และเกรเทลยังถูกหมายหัวให้เป็นหนึ่งในเครื่องสังเวยของพิธีกรรมลึกลับอีกต่างหาก

ดูจบแล้วพบว่าหนังเรื่องนี้มันแนวๆ เดียวกับ Van Helsing น่ะครับ เนื้อเรื่องเดาได้ หนังบู๊สะใจ (แม้ว่าผมจะเริ่มเอียนๆ กับ Jeremy Renner แล้ว) ส่วนนางเอกอย่าง Gemma Arterton ก็น่ารักมากก

แต่ข้อเสียก็คือมันเป็นหนังที่ดูรอบเดียวจบครับ คือสนุก มัน แต่ให้ดูอีกรอบ (ทาง HBO หรือ Fox Movie) ก็คงไม่ดู เพราะมันสนุกแค่รอบแรกนั่นแหละ (หนัง action แบบไม่คิดอะไรมากที่ผมดูได้หลายๆ รอบคงเป็น The Mummy 1-2, The Big Hit, ยิงแม่มเลย พวกนั้น)

สุดท้ายขอยกวาทะของ @esz มาสรุปหนังเรื่องนี้ครับ

ฮันเซล&เกรเทล บู้มันส์สนั่นจอ ใส่กันโคตรสะใจ บทก็พอได้ แกล้งโง่ๆ ซะบ้างก็ดูสนุกเน้นมันส์ แค่หน้า หุ่น และเสียงของ Gemma ก็คุ้มค่าตั๋วแล้ว

Arrietty

Arrietty ถือเป็นหนังเรื่องแรกที่ผมดูในปี 2556 หลังจากที่ไปรื้อ DVD แล้วพบว่าผมซื้อเรื่องนี้ไว้นานแล้ว หนังเรื่องนี้เป็นหนังลำดับที่ 17 ของ Studio Ghibli (นับ Nausicaä ด้วยนะ)

Arrietty Poster

หนังเรื่องนี้ดัดแปลงจากหนังสือสำหรับเด็กเรื่อง The Borrowers ของ Mary Norton หนังเล่าถึงเรื่องราวของครอบครัวคนตัวจิ๋วประกอบด้วย พ่อ แม่ และลูกสาวซึ่งเป็นนางเอกที่ชื่อ Arrietty อาศัยอยู่ร่วมชายคาในบ้านเดียวกับเรา พวกเขายังชีพด้วยการ “ยืม” (แถวบ้านเรียกขโมย) สิ่งของเล็กๆ น้อยๆ จากบ้านเจ้าของ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสิ่งของที่เราไม่สนใจว่าจำนวนมันจะน้อยลงไปเช่น น้ำตาล 1 ก้อน, กระดาษทิชชู่หนึ่งแผ่น ทำนองนี้ เรื่องมันเกิดตอนที่ Arrietty และพ่อกำลังออกไปยืมของแล้วถูก “โช” หลานชายของเจ้าของบ้านที่เพิ่งมาอาศัยวันแรกเห็นเข้าระหว่างที่กำลังไปตบกระดาษทิชชู่ในห้องของโชซะงั้น – -*

หนังเรื่องนี้สนุกมากครับ คือมันหนังเรียบๆ เนิบๆ แต่ดูสนุกจนละสายตาไม่ได้สไตล์ Ghibli ตัวหนังเองไม่มีปูพื้น ไม่มีปูเนื้อเรื่องอะไร แต่ค่อยๆ เดินเรื่องไปเรื่อยๆ ให้เราเข้าใจพฤติกรรมของคนตัวจิ๋วและอดีตของพระเอกได้เป็นอย่างดี ภาพก็สวยมากกกกกกกจนคิดว่าจับภาพนิ่งเอาไป print ใส่กรอบรูปได้เลย เพลงประกอบก็เพราะมากกก คือคุณภาพด้านงานภาพและเสียงเหนือกว่า Ponyo ไปโขเลย

ส่วนตัวผมชอบเรื่องนี้มากกว่าเรื่องก่อนหน้าอย่าง Ponyo นะครับ คือ Ponyo รู้สึกเฉยๆ (แต่ Earthsea นั้นเข้าขั้นห่วย) แต่เรื่องนี้ดูสนุกมาก แทบไม่รู้สึกถึงข้อเสียเลย ^^ จัดเป็นอนิเมชั่นที่ห้ามพลาดเรื่องนึงเลยครับ

Chinese Zodiac: วิ่ง ปล้น ฟัด

วิ่ง ปล้น ฟัด จริงๆ แล้วเป็นภาคต่อของ ใหญ่สั่งมาเกิด และ ใหญ่สั่งมาเกิด 2 ตอน อินทรีทะเลทราย (ดังนั้นชื่อจริงๆ ของมันควรจะเป็น ใหญ่สั่งมาเกิด 3) เป็นหนังที่ผมอยากดูเพราะมันเป็นหนังที่ดูแล้วโคตรจะเฉินหลงมากที่สุดในยุคหลังๆ เลย

Chinese Zodiac Poster

หนังเล่าถึงเจซี นักล่าสมบัติมือฉมังและทีมงานได้รับการว่าจ้างให้ไปขโมยสิบสองหัวสำริดแห่งสัตว์ปีนักษัตรที่ถูกฝรั่งเศสและอังกฤษชิงไปจากพระราชวังฤดูร้อนหยวนหมิงหยวน ตั้งแต่สมัยสงครามฝิ่นครั้งที่ 2 เขาและทีมงานปลอมตัวไปขอความช่วยเหลือจากทีมงานจีนที่กำลังศึกษาและตามประมูลหัวสำริดคืนจากฝรั่งครับ แน่นอนว่างานเขามันขัดกับความเป็นคนจีนของเขาแน่ๆ

หนังเรื่องนี้ดูจบแล้วรู้สึกว่ามันคือหนังเฉินหลงแนวๆ โหด มันส์ ฮา ยุคก่อนไป Hollywood ราวๆ ยุค 80 – 90 ที่เราชอบและเราเคยดูมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ ครับ เพียงแต่หลายๆ อย่างได้รับการปรับให้เข้ากับสังขารที่โรยราของเฉินหลง

หนังเรื่องนี้ยังคงความเป็นหนังเฉินหลงไว้ครบถ้วน ทั้งความตลก (พันธมิตรพากษ์ฮาได้โล่ครับ เรื่องนี้) ฉากต่อสู้สุดเทพที่เป็นเอกลักษณ์ทั้งความเร็ว ความลื่นไหล ความสร้างสรรค์ของการคิวบู๊ เพียงแต่ความรุนแรงของฉากต่อสู้จะลดลงไปบ้าง (ตามวัยของเฉินหลง) พวกสตันท์หัวฟาดพื้น ขอบโต๊ะ ตกที่สูงมากๆ นี่แทบไม่มีแล้ว แต่มันก็ยังเทพอยู่ดีนั่นแหละ โดยเฉพาะจากต่อสู้บนโซฟาที่แบบห้ามออกจากโซฟานี่พี่คิดได้ไง อีกอย่างคือฉากเสี่ยงตายทั้งหลายที่ใช้ CG และการตัดต่อมาช่วยเยอะขึ้น ก็ตามวัยของเฉินหลงล่ะครับ แต่มันก็ยังดูตื่นเต้นอยู่ดีแหละ สาวๆ ในเรื่องก็สวยทุกคนทั้งสาวจีน สาวฝรั่ง โดยเฉพาะสาวขายาวลูกน้องพระเอก (ไม่ใช่นางเอก) ที่ฉากเตะของเธอเด็ดมากเลย

ข้อเสียมหากาฬของหนังเรื่องนี้คือมันอวยความเป็นจีนและสำนึกในชนชาติจีนเสียเวอร์สุดประตูรูทิ่มเลย – – คือจริงๆ ปกติหนังเฉินหลงเนื้อเรื่องแม้จะไม่ใช่อะไรที่ต้องใส่ใจแต่มันก็เป็นอะไรที่สมเหตุสมผลในกรอบของหนังบู๊มาตลอด แต่เรื่องนี้แม่มสุดตีนจริงๆ อ่ะ – -”

สรุปแล้ว แม้วิ่ง ปล้น ฟัดจะทำให้เราหายคิดถึงหนังเฉินหลงที่เราเคยดูสมัยเด็กๆ ไม่ได้ 100% แต่มันก็เป็นหนังที่ดูสนุก เฉินหลงในวัย 58 และทีมงาน (หาดอน ธีระธาดาในเรื่องไม่เจอ) ยังคงทำหนัง action ออกมามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดูสนุก และทำให้เราอึ้งได้เช่นเคยครับ