Guardians of the Galaxy

Guardians of the Galaxy (เรียกสั้นๆ ว่า GOTG) เป็นหนัง superheroe ของ Marvel Comic ที่สร้างมาจากการ์ตูนชื่อเดียวกันที่ผมเคยอ่านผ่านๆ ทางเวบ comics66 แล้วไม่ค่อยจะตามเท่าไหร่เพราะงงๆ กับ event อวกาศ/cosmic มาก แต่หนังออกก็มาก็ต้องดูครับ และไม่ผิดหวังด้วย ^^

Guardians of the Galaxy

Guardians of the Galaxy จะว่าไปแล้วคือภาคต่อของ The Avengers และ Thor: The Dark World ครับ เมื่อเหล่าตัวปัญหาลำดับต้นๆ ของอวกาศอย่าง หัวขโมย: Star-Lord, นักฆ่าสาว: Gamora, ไอ้โรคจิต: Drax, แร็คคูนจอมซ่า: Rocket”> และ “ต้นไม้”: Groot ต้องมาตกกระไดพลอยโจนร่วมมือกันปกป้องจักรวาลจาก Ronan แห่ง Kree และวายร้ายจาก The Avenger อย่าง Thanos ครับ

เนื้อเรื่องง่ายๆ แต่หนังโคตรสนุกกกกกกกกกกกสัดๆ หนังแม่งระเบิดภูเขาเผากระท่อมได้มันส์ฉิบหายวายป่วงแบบเน้นบันเทิงอย่างเดียวเลย ตัวหนังตลกและกวนตีนที่สุดในบรรดาหนัง Marvel Studio เลย เพลงประกอบที่มีแต่เพลงยุค 80 ก็เพราะและกวนสุดๆ (เพราะเป็นเรื่องในอวกาศแต่ดันเป็นเพลงเก่าๆ หมดเลย) หนังสนุกแนวๆ เดียวกับ The Avenger และ Iron Man 1 ครับ คือไม่ต้องคิดมาก มันส์สุดๆ ดูซ้ำได้เรื่อยๆ (คนละแนวกับ Cap 2 เพราะอันนั้นสนุกเหมือนกันแต่กลายเป็นซีเรียสจริงจังแล้ว)

สิ่งที่ชอบอีกอย่างคือไม่ต้องรู้เรื่อง Superheroes อวกาศมาก่อน (แต่ควรดู end credit ของ Avenger กับ Thor 2 มานะ) ก็เข้าใจได้ครับเพราะหนังเล่าเรื่องปูพื้นดีมากแถมยังพาคนดูไปรู้จักพวก Cosmic Entity ทั้งหลาย, ยักษ์โบราณ Celestial หรือ Nova Corps ตำรวจอวกาศแห่งจักรวาล Marvel เพื่อปูทางไปสู่หนังเรื่องต่อๆ ไปได้อีก

สรุป “ควรดูเป็นอย่างยิ่ง”

ป.ล.
– เป็ดในเรื่องไม่ใช่โดนัล ดั๊กมันคือ Howard the Duck
– หมาในเรื่องจริงๆ แล้วเป็นสมาชิกของ GOTG นะครับ
– แนะนำให้อ่าน Meet The Guardians of the Galaxy! เพื่อความเข้าใจใน GOTG การ์ตูนเรื่องนี้มากขึ้นครับ

Dawn of the Planet of the Apes

Dawn of the Planet of the Apes เป็นภาคต่อของหนัง Sci-fi ที่ผมชอบมากๆ อย่าง Rise of the Planet of the Apes ซึ่งเป็นการ reboot หนังในซีรีย์ Planet of the Apes (ไม่อยากบอกว่า version ของ Tim Burton ผมก็ชอบนะ)

Dawn of the Planet of the Apes

หนังเล่าเรื่องราวต่อจากภาคแรก เมื่อซีซาร์พาประชากรลิงลงหลักปักฐานในป่า ส่วนมนุษย์ก็ล้มตายจากโรคระบาด (ที่จริงๆ เป็นเชื้อทำให้ลิงฉลาด) กันเกือบหมดโลก เวลาผ่านไป 10 ฤดูหนาว (หน่วยวัดของลิง) ก็มีมนุษย์ที่เหลืออยู่กันเป็นชุมชนใกล้ๆ ป่าที่ลิงอยู่ และหาทางจะเข้าไปในเขื่อนที่อยู่ติดกับชุมชนลิงเพื่อเดินเครื่องกำเนิดกระแสไฟฟ้า ความขัดแย้งระหว่างสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญา 2 เผ่าจึงเกิดขึ้น

เคยมีคนบอกว่าสื่อบันเทิง Sci-fi คือการเล่าเรื่องพฤติกรรมของมนุษย์และสังคมที่มีต่อปรากฏการณ์ทางวิทยา ศาสตร์ ไม่ได้เล่าถึงวิทยาศาสตร์นั้นตรงๆ ถ้านับตามนี้ Dawn of the planet of the apes ถือว่าเข้าขั้น Sci-fi movie ได้อย่างสมบูรณ์ แบบเพราะเล่าถึงพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาทั้ง 2 เผ่าที่มีต่อความเปลี่ยนแปลง (ที่อยู่ๆ ก็มีอีกเผ่ามาอยู่ใกล้ๆ ตัว) ตัวหนังตั้งคำถามถึงการอยู่ร่วมกันท่ามกลางความต่างกันทางทางอุดมการณ์, ประสบการณ์และเผ่าพันธุ์ได้อย่างหน้าสนใจครับ ที่เจ็บแสบที่สุดคือหนังสะท้อนปัญหาความขัดแย้งทางความคิดและการใช้ความรุนแรงแก้ปัญหาได้เหมือนย้อนดูละครการเมืองไทยในช่วงเวลา 8 เดือนที่ผ่านมา

สุดท้ายหนังก็จิกกัดมนุษย์ด้วยกันเองได้เจ็บแสบที่สุดเพราะว่าความแตกต่างทางอุดมการณ์ในหมู่พวกลิงที่จริงแล้วก็มีต้นเหตุมาจากการกระทำของมนุษย์ทั้งนั้น อ้อตัวอย่างหนังถือว่าตัดต่อฉลาดมากๆ ครับ surprise เลยล่ะ

ตัวหนังไม่ได้ถึงขั้นดีไม่มีที่ติครับ มันมีอะไรหลายๆ อย่างที่ดูเหมือนลวกๆ อยู่บ้างโดยเฉพาะตอนใกล้จะจบ แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้สิ่งที่หนังต้องการจะสื่อสารนั้นด้อยค่าลงไป

ผมขอสรุปว่า Dawn of the Planet of the Apes เป็นหนัง Sci-fi ที่ดี ควรค่าแก่การดูแล้วได้อะไรติดหัวมาย้อนคิดถึงการกระทำของตัวเองครับ

The Wind Rises

The Wind Rises เป็นหนังอนิเมชันที่ผมไม่คิดว่าจะได้ดูในโรงในไทย แต่สุดท้ายก็ได้ดูจนได้ มันเป็นหนังที่น่าสนใจเพราะว่ามันเป็นหนังเรื่องสุดท้าย (รอบที่เท่าไหร่แล้วหว่า) ของปู่ Hayao Miyazaki แห่งสตูดิโอ Ghibli

หนังเรื่องนี้มาแปลกเพราะเป็นหนังชีวประวัติของ Jiro Horikoshi ผู้ออกแบบเครื่องบินซีโร่ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองครับ เรื่องราวจะเล่าถึงความพยายามในการพัฒนาประเทศ “ในช่วงก่อนและระหว่างสงคราม” เป็นหลัก

สวยงามแต่ไม่อิ่มเอม (เพราะเนื้อเรื่องมันอ่ะนะ) เนิบช้า ภาพสวยมากก เรื่อยๆ เอื่อยๆ ไม่มีจุด climax ใดๆ เลยแต่ไม่น่าเบื่อ (ตามสไตล์ Ghibli) มีประเด็นทางจริยธรรมให้ขบคิดตาม คือนิยามของหนังเรื่องนี้ครับ อ้อ หนังเรื่องนี้มีฉาก love scene ด้วยนะ :p

กว่า 80% ของเรื่องแสดงให้เห็นถึงสภาพสังคมและความพยายามในการพัฒนาประเทศญี่ปุ่นที่ในช่วงก่อนและเริ่มต้นสงครามที่ซึ่งเป็นช่วงที่เราไม่รู้กันว่าเป็นอย่างไร ส่วนประเด็นทางจริยธรรมตัวหนังก็ไม่ได้ชี้นำเราสักเท่าไหร่นักแต่เล่าเรื่องเป็นปลายเปิดให้คนดูตีความกันเองซึ่งก็ทำให้หนังเรื่องนี้ถูกโจมตีจากทั้งฝ่ายขวาและฝ่ายซ้ายในญี่ปุ่นเลยทีเดียว

สรุป The Wind Rises คืองานสั่งลาที่สมศักดิ์ศรีของปู่ Hayao Miyazaki ครับ ควรไปดูอย่างยิ่ง