Kingsman: The Secret Service

Kingsman: The Secret Service เป็นหนัง action ที่ดัดแปลงจาก comic เรื่อง The Secret Service กำกับโดย Matthew Vaughn ที่หลังๆ พี่แกเอาดีทางหนังที่ดัดแปลงจาก comic ตลอด

หนังเล่าถึงหน่วยจารชนเอกชนสัญชาติอังกฤษนาม “Kingsman” ที่ปกป้องโลกมาหลายครั้ง ต้องเผชิญหน้ากับวายร้ายหน้าใหม่ที่หวังทำลายทั้งโลกให้พินาศ ฝ่าย Kingsman ก็ไม่รู้ว่าวายร้ายคือใครและมีจุดมุ่งหมายอะไรส่วนเจ้าวายร้ายก็มึนตื๊บไม่รู้ว่าตัวเองกำลังสู้กับใครอยู่เช่นกัน (คือกรูรู้จักแต่ CIA,MI6, มอสสาด, ฯลฯ ซึ่งก็ไม่มีใครรู้จักไอ้ Kingsman นี่เลย)

หนังเรื่องนี้เมื่อเทียบกับงานก่อนๆ ที่ Matthew Vaughn กำกับอย่าง Kickass, X-Men 1st class แล้วเหมือนจะเป็นงานเบาๆ ไม่ซีเรียสเท่าไหร่ แต่หนังเรื่องนี้แม่งโคตรสนุก,มันสัด, กวนตีน, เลือดสาดและตลกกว่าสองเรื่องก่อนหน้าเยอะเลยครับ Colin Firth แม่งโคตรเท่เลย เด่นกว่าพระเอกอีก (พระเอกออกแนวกวนตีน) หนังแม่งล้อ 007 ทุกดอกเลย วายร้าย (Samuel L. Jackson) และผู้ช่วยวายร้าย (Sofia Boutella) ก็โคตรเก่งจนรู้สึกอยากให้มันชนะแทนซะงั้น (ฮาาา)

สรุป ควรไปดู โคตรมัน

The Imitation Game

The Imitation Game เป็นหนังที่อัตชีวประวัติของAlan Turing บิดาแห่ง Computer Science ที่ทุกคนที่เรียน Com Sci น่าจะพอคุ้นชื่อกันดี

ตัวหนังเล่าประวัติชีวิตอันแสนเศร้าของ Alan Turing ที่เรารู้กันอยู่แล้วว่าเขาเป็นหนึ่งในทีมที่แกะรหัสเครื่อง Enigma ของนาซีได้สำเร็จในสมัยสงครามโลก, เขาเป็นหนึ่งในผู้วางรากฐานวิชา Computer Science และสุดท้ายเขาจบชีวิตตนเองเพราะถูกจับในข้อหารักร่วมเพศและต้องถูกบำบัดด้วยการฉีดฮอร์โมนเพศหญิง

หนังเรื่องนี้สวยงามและทรงพลังมากครับ แม้ว่าเราจะรู้ชีวิตของเขาอยู่แล้วแต่ในเรื่องก็ยังมีแง่มุมที่น่าเศร้าและหดหู่เกินกว่าที่เรารู้เยอะมาก หนังเล่าเรื่องราวชีวิตสามช่วงของ Turing ไปพร้อมๆ กันแต่ก็ไม่ได้ทำให้งงแต่อย่างใดแต่กลับทำให้เราอินไปกับชีวิตของเขามากขึ้น ตัวหนังก็ไม่ได้เครียดหรือหดหู่ไปทั้งเรื่องมีแทรกบทตลก, ซาบซึ้ง, ลุ้นตัวโก่งสลับๆ กันไปทำให้ไม่หนักจนเกินไปนัก นักแสดงทุกคนเล่นดีมากโดยเฉพาะ Benedict Cumberbatch ที่เล่นบท Turing ได้ดีมากกกกกกกกกกกกกกกกก เขาคือพลังของหนังเรื่องนี้แท้ๆ เลยครับ

สรุป: ควรไปดู จงไปดู ไม่ว่าคุณจะเรียน Com Sci หรือไม่สนใจหนังประวัติศาสตร์ก็ตาม

ป.ล. : Tywin Lannister โผล่มาด้วยนะ!

The Secret Life of Walter Mitty

The Secret Life of Walter Mitty เป็นหนังที่ผมเพิ่งมีโอกาสได้ดูและนึกเสียใจอยู่ว่าผมพลาดหนังดีๆ แบบนี้มาตั้งเป็นปีๆ ได้ไง ;___;

The Secret Life of Walter Mitty

The Secret Life of Walter Mitty เป็นเรื่องราวของ Walter Mitty ผู้จัดการฝ่ายฟิล์มเนกาทีพของนิตยสาร Life ผู้แต่ฝันไปวันๆ ถึงการออกไปผจญภัยตามที่ต่างๆ จนเกิดอาการที่เรียกว่า “Zone out” คืออยู่ๆ เขาจะเห็นภาพในหัวเป็นตัวเองกำลังผจญภัยอะไรสักอย่างอยู่แล้วก็นิ่งไปพักใหญ่เลย วันนึงเขาก็ต้องเจอความท้าทายครั้งใหญ่เมื่อเขาต้องออกไปตามตัว Sean O’Connell ตากล้องชื่อดังเพื่อตามหา film รูปสุดท้ายที่ Sean บอกว่า “เป็นรูปที่ดีที่สุด จงใช้เป็นปก” แต่เสือกทะลึ่งลืมส่งมา เขาจึงต้องออกไปผจญภัยและมันก็เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาลครับ

ผมชอบเกือบทุกอย่างของหนังเรื่องนี้ ชอบทั้งวิวสวยๆ , เพลงเพราะๆ , เรื่องราวของการกล้าทำอะไรสักอย่างไม่ว่าจะตามความฝันหรือแค่ลองที่จะทำ ดูหนังแล้วรู้สึกเหมือนถูกกระทุ้งว่า “มึงนั่งทำอะไรอยู่วะ ออกไปทำสิ่งที่อยากทำสิ (โว๊ย)” ทั้งเรื่องแม้ว่าตอนท้ายๆ เรื่องจะดูโคตรโม้ไปหน่อยก็ตาม (ชอบตอนที่เดินออกไปจองเครื่องบินไปกรีนแลนด์ตอนแรกมากกว่า มันดูแบบเจ๋งโคตรอ่ะ)

นอกจากนี้ผมยังชอบที่หนังปูพื้นของ Walter ไว้ว่าเขาต้องหยุดทำทุกอย่างตามความฝันเพื่อมารับผิดชอบครอบครัวที่เหลือแต่แม่และน้องสาว ดังนั้นชีวิตของเขานอกจากเล่นสเก็ตบอร์ดแล้วเขาจึงไม่ได้เคยทำอะไรที่เขาอยากทำเลย ผมรู้สึกว่ามันทำให้ตัวละคร Walter มันดูมีมิติขึ้นมาเยอะกว่าถ้าจะให้แค่เป็นคนขี้เกียจหรือไม่กล้าจะทำอะไรสักอย่าง

สิ่งที่ไม่ชอบในหนังเรื่องนี้คือพวกฉาก “จินตนาการ (zone out)” ทั้งหลายนี่แหละครับ มันดูไม่ตลกแถมทำให้หนังเปลี่ยนอารมณ์ไปเลยในหลายๆ ฉากซะงั้น ยิ่งหนังช่วงแรกๆ ดันมีฉากพวกนี้เยอะมากจนดูเหมือนไล่แขกไปเลย (มีเพื่อนบอกว่าถ้าไม่ดูจนจบจะไม่รู้สึกเลยว่าหนังมันดีนะ ฮาาา)

สรุป: ดูแล้วอยากไปเที่ยวววววววววววววววววววววววววววววววววววว

ป.ล. หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ Ben Stiller กำกับเองครับ หนังอีกเรื่องที่แกกำกับและผมชอบมากๆ คือ Rality Bites