Song of the Sea

Song of the Sea Poster

Song of the Sea อนิเมชั่นเรื่องนี้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการผจญภัยอันแสนมหัศจรรย์ของสองพี่น้อง Ben และ Saoirse ที่ได้พบว่าเหล่าเทพเจ้า, แม่มดและภูติในตำนานเคลติก นั้นมีอยู่จริง แถมน้อง Saoirse ก็ยังเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ในตำนานที่โดนตามล่าจากแม่มดด้วยเช่นกัน

Song of the Sea เป็นหนึ่งในผู้ผิดหวังจากรางวัลออสการ์สาขาอนิเมชั่นยอดเยี่ยมในปีนี้ครับ มันเป็นหนังที่ผมไม่คิดว่ามันจะเข้าไทยด้วยซ้ำ พอดูจบออกมาจากแล้วโรงแล้วยิ่งย้ำความสงสัยใหญ่เลยว่า “Big Hero 6 ดีกว่าเรื่องนี้ตรงไหนวะ?”

หนังเรื่องนี้เป็นอนิเมชั่นที่สวยงามมากๆ ครับ ดูสนุก เข้าใจ (ค่อนข้าง) ง่าย ภาพสวยและเพลงประกอบเพราะมากๆ ถึงมากที่สุด อิ่มเอม เพลินตาเพลินใจแม้ตรงกลางเอื่อยๆ ไปนิด อารมณ์ของเรื่องคล้ายๆ Labyrinth + เจ้าหญิงคางูยะแต่น่ารักและเข้าถึงง่ายกว่ามาก มีเพื่อนบอกว่าดูแล้วเหมือนดูการ์ตูน Ghlibi ซึ่งผมคิดว่าก็ใกล้เคียงเหมือนกันครับ

หนังเรื่องนี้ยังเหมาะอย่างยิ่งที่จะดูกันทั้งครอบครัวเพราะเล่าเรื่องราวของการไม่เข้าใจกันของคนในครอบครัวได้น่าสนใจ แม้ว่าจะเป็นพล๊อตพื้นๆ ที่เราดูกันจนเบื่อ (พี่ชายเกลียดน้องสาวเพราะว่าทำให้แม่หายไป, พ่อและย่าที่่หวังดีแต่ไม่เข้าใจลูกหลานตัวเอง) แต่มันก็เรื่องปกติที่เราจะพบเจอได้ในชีวิตครอบครัว และเรื่องนี้ก็ถ่ายทอดออกมาได้ดีครับ

สรุป: ถ้าคุณชอบอนิเมชั่น หนังเรื่องนี้คุณไม่ควรพลาดด้วยเหตุผลประการใดๆ ทั้งสิ้น

Mad Max: Fury Road

ออกตัวก่อนว่าผมเคยดูหนังตระกูล Mad Max สมัยเด็กๆ แต่ก็จำอะไรไม่ได้มากนอกจากธีมโลกในยุคหลังหายนะของเรื่องและเมล กิบสัน สำหรับภาค Fury Road ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไรมากจนกระทั่งได้ดูตัวอย่างมันครับ

Mad Max Fury Road

Mad Max: Fury Road เป็นหนังที่ดิบ เถื่อน บ้าคลั่งและดูสนุกฉิบหายที่สุดเรื่องหนึ่งของปีนี้ครับ เนื้อเรื่องไม่มีอะไรเลยแต่แม่งโคตรมันโดยเฉพาะฉากไล่ล่าและฉากแอคชั่นที่ดูแล้วโคตรลุ้นโคตรกดดันเลยทุกฉาก มันเป็นหนังที่ดูแล้วเหนื่อยมากเพราะลุ้นและอึ้งไปกับความดิบมันทุกอย่างในเรื่องเลย นักแสดงที่หน้าคุ้นๆ ก็เยอะมากให้เราตกใจเล่นว่าอ้าว ไอ้นี่เล่นเป็นคนนี้เหรอะวะเนี่ย

จุดที่ชอบที่สุดอีกอย่างคือมันเป็นหนังที่ภาพและงานศิลป์สวยมากๆ เพลงประกอบก็เจ๋งเข้ากับภาพและฉากในเรื่องได้เป็นอย่างดี แถมยังเป็นหนังแสดงถึงความป่าเถื่อนและโหดเหี้ยมให้เรารู้สึกได้โดยไม่มีฉากเลือดสาดหรือฉากฆ่ากันตายแบบแหวะๆ เลยสักฉาก

แต่ข้อดีทั้งหมดที่ว่ามาหายไปหมดตอนที่ไม่ใช่ฉากแอคชั่นครับ คือเหมือนพลังในเรื่องมันหายไปเลยจนกระทั่งเริ่มบู๊กันใหม่ทุกครั้ง บางฉากเล่นเอาผมหาวเลยล่ะว่าเมื่อไหร่มึงจะซัดกันอีก (ซึ่งก็รอไม่นาน :D)

สรุป Mad Max: Fury Road ควรไปดู!! สนุกมาก!

The Age of Adaline

TL;DR หนังรักฟิลกู๊ด นางเอกสวยและมีสเน่ห์มว๊ากกก

The Age of Adaline เป็นเรื่องราวของ Adaline หญิงสาวที่ประสบอุบัติเหตุในปี 1935 แล้วทำให้เธอไม่แก่ขึ้นเลยตั้งแต่วันนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา เธอจึงต้องทิ้งทุกอย่างรวมถึงลูกสาวของเธอไปใช้ชีวิตใหม่ในแต่ละที่ทุกๆ 10 ปีแล้วก็ย้ายเมืองไปเรื่อยเพื่อกันคนสังเกตุได้ว่าเธอไม่แก่ลงเลย แต่เธอก็ดันมาเจอชายหนุ่มที่ทำให้เธอเริ่มเปลี่ยนใจเรื่องการหนีในวันเกิดปีที่ 107 ปีของเธอครับ

ส่วนตัวแล้วหนังเรื่องนี้ก็เป็นหนังรักโรเแมนติคที่ดูแล้วฟิลกู๊ดเรื่องนึงครับ พระเอกหล่อ นางเอกสวย, มีสเน่ห์และการแสดงดูมีพลังมากๆ แถมเราจะของแถมเป็นได้ดู Han Solo ก่อน Star Wars: The Force Awakens จะฉายอีกต่างหาก

ข้อเสียคือหนังมันก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากข้างบนนี้อ่ะครับ คือรู้สึกว่าถ้าหนังมันดาร์คกว่านี้อีกนิด ดราม่าอีกหน่อยเพื่อให้ปม “ความโศกเศร้าของการเป็นอมตะ” มันโดดเด่นขึ้นกว่านี้มันจะแหล่มมากเลย แต่หนังมันก็ไม่ได้ไปถึงจุดนั้น ความรักระหว่างพระเอกและนางเอกก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าครั้งนี้มันต่างจากครั้งก่อนๆ ที่เธอจำใจหนีมายังไง คิดว่าเป็นหนังที่ดูครั้งเดียวก็พอแล้วล่ะ

ป.ล. ผมกับเพื่อนอีกคนคิดตรงกันว่าเห็น plot ชีวิตอมตะแล้วมีสายฟ้ามาเกี่ยวนี่นึกถึงหนังเรื่อง Highlander เลย