Terminator Genisys

อยากดูเรื่องนี้ เพราะว่าตัวอย่างที่ John Connor กลายเป็นไซบอร์กฝ่ายร้ายเท่านั้นแหละ

Terminator Genisys เป็นการเล่าเรื่องราวของภาค 1 และ 2 ใหม่ในอีก timeline ครับ เนื้อเรื่องคือ John Conner ส่ง Kyle Reese จากปี 2029 มาปกป้อง Sarah Conner ในปี 1984 แต่ว่าดันเกิดเหตุการณ์บางอย่างทำให้ประวัติศาสตร์และอนาคตเปลี่ยนไปจาก timeline เดิมซะงั้น (หลังจากนี้คือการรีบู๊ทล่ะ)

  • เนื้อเรื่องเล่าใหม่แต่อิงกับ timeline เวลาของภาค 1 และ 2 ทั้งหมดโดยปฏิเสธการมีอยู่ของภาค 3 และ Salvation อย่างสิ้นเชิง
  • Arnold Schwarzenegger คือสิ่งที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้ครับ ดูแล้วคิดถึงสมัยดูภาค 2 ตอนเด็กๆ เลย ฮืออ
  • แม่มังกร น่ารักดี แม้จะทำหน้าแบบตอนตะโกนว่า Where are my dragons ทั้งเรื่อง
  • ภาค 2 สนุกกว่าเยอะ ภาคนี้มันธรรมดาๆ มีจังหวะเนือยๆ เยอะหน่อย (แต่ก็ดีกว่าภาค 3 อ่ะ)
  • ตัวร้าย T-3000 ก็เก่งนะ คือเก่งแบบฉลาดดี (ระดับ John Conner เลยนะเว้ย) แต่ความประทับใจยังสู้ T-1000 (สมัยภาค 2) ไม่ได้ ส่วน T-1000 ภาคนี้ถึงจะเป็นคนเอเซียเล่น (Lee Byung-hun) แต่พี่เล่นได้เหมือนคนเก่า (Robert Patrik) มากครับ ชอบๆ
  • มี mid credit อย่าเพิ่งลุก

Jurassic World

Jurassic World ถือว่าเป็น “ภาคต่อ” จาก Jurassic Park โดยแกล้งทำลืมๆ ไปว่าไม่มีภาค 2,3 ไปซะ เรื่องราวเล่าถึงสวนสนุก Jurassic World ที่สืบทอดเจตนารมณ์ (และสร้างทับ) สวนสนุก Jurassic Park ที่ดันไปสร้างไดโนเสาร์พันธุ์ใหม่ขึ้นมาเพื่อกระตุ้นความนิยมและไอ้พันธุ์ใหม่ที่อันตรายสุดๆ นี้ดันทะลึ่งหลุดออกมา ที่เหลือก็น่าจะเดากันได้เนอะ

ออกตัวก่อนว่าผมเป็นแฟนหนังภาคแรกตั้งแต่ 22 ปีที่แล้ว ยังจำความรู้สึกและบรรยากาศในตอนนั้นได้ว่ามันสุดยอดขนาดไหน ความฟินที่ได้เห็นไดโนเสาร์ ความลุ้นระทึกตอนน้ำในแก้วสั่นเพราะ T-Rex มาและความหวาดเสียวในการเผชิญหน้ากับ Rapptor ผมยังจำได้ดี ซึ่งใน Jurassic World ผมไม่รู้สึกถึงสิ่งเหล่านี้เลย (อ้าว)

ข้างบนนั่นคือข้อเสียของ Jurassic World ครับ คือมันไม่ฉากเปิดตัวไดโนเสาร์ที่อลังๆ หรือฉากหวาดเสียวลุ้นระทึกแบบภาคแรกเลย ช่วงแรกๆ ก็น่าเบื่อแถมกับ plot แบบหนังเกรดบีอีกต่างหาก แต่อันนี้อาจจะเป็นข้อเสียเฉพาะกับคนรุ่นผมหรือพวกที่เคยดูภาคแรกมาแล้วก็ได้ ส่วนเด็กรุ่นใหม่ที่เริ่มดูหนังในยุค CG สมจริงหรือไม่เคยดูภาคแรกมาก่อน อาจจะไม่รู้สึกถึงอะไรพวกนี้ก็ได้ครับ

แต่แม้จะไม่มีไอ้ข้างบนนั้น Jurassic World ก็ยังเป็นหนังที่ดูสนุกมากๆ อยู่ดีครับ มันเป็นหนังที่ดูฉากไล่ล่าระหว่างคนกับไดโนเสาร์สนุกมาก ตั้งแต่ช่วงกลางๆ เรื่อยไปถึงตอนจบนี่โคตรมันทุกฉากเลย (คงเพราะเจ้าตัวร้ายมันเก่งเวอร์ๆ และเริ่มไปทับกับพื่นที่ภาคแรกด้วย) โดยเฉพาะฉาก Boss Fight ที่ทำออกมาได้เหนือความคาดหมายและแฟนเซอวิสคนที่ชอบภาคแรกแบบสุดๆ ด้วยครับ

สรุป แม้ผมจะบรรยายข้อเสียไว้ถึง 2 ย่อหน้าแต่ข้อดีแค่ย่อหน้าเดียว Jurassic World ก็เป็นหนังที่ผมดูแล้วชอบมากเรื่องนึง และคิดว่าเป็นหนังที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ

Spy

Spy เป็นหนังเกี่ยวกับสายลับสาวที่ทำงานนั่งโต๊ะอยู่ที่ CIA ที่ต้องออกปฏิบัติการภาคสนามไล่จับผู้ร้ายที่จะขายหัวรบนิวเคลียร์เพื่อล้างแค้นให้คู่หูของเธอครับ มันเป็นหนังที่ตอนแรกผมไม่คิดจะดูเลยจนมีหลายๆ คนไปแล้วบอกว่ามันตลกมากกก็เลยจัดไปเมื่อวาน

หนังโคตรฮาาาาาาาาสมคำร่ำลือครับ ฮาทุกฉากทั้งด้วยมุขตลกล้อหนังสายลับเรื่องอื่น (ที่โดนเยอะสุดก็พี่ 007 เรานี่แหละ)และมุขตลกสัปดนที่อัดใส่คุณแบบไม่ยั้งพร้อมกับ action สนุกๆ ที่ให้เราเอาใจช่วยสายลับสาวร่างใหญ่ของเราทั้งเรื่อง มันเป็นหนังที่ดูแล้วได้ความบันเทิงตลอดทั้งเรื่องแบบไม่มีช่วงเนือยๆ หรือน่าเบื่อเลยแม้แต่น้อยครับ

ที่ suprise ที่สุดคือ Jason Statham ที่ไม่นึกว่าจะมาเล่นหนังตลกแถมยังเล่นได้บ้าบอคอแตกขนาดนี้ ผมว่าพี่แกน่าจะมาเล่นหนังแนวนี้มากกว่าหนังแอคชั่นเกรดบีของแกนะ (ฮาาา) ส่วนนักแสดงคนอื่นๆ ก็เล่นดีครับ ไม่ว่าจะเป็นนางเอก Melissa McCarthy ที่เล่นได้ตีบทแตกมาก, Jude Law ที่เล่นล้อ 007 ได้โคตรฮารวมไปถึงนางร้าย Rose Byrne (นางเอก X Men: First Class!) ที่โคตรสวยแบบนางร้าย 007 ยุคโบราณ (แต่นิสัยกวนตีนดี)

หนังเรื่องนี้มีอะไรหลายๆ อย่างที่ดูแล้วนึกถึง Kingsman ไม่ว่าจะเป็นสายลับเหมือนกัน, ฉาก action เวอร์ๆ เหมือนกันรวมไปถึงมุขล้อ 007 แต่ว่าผมชอบ Spy มากกว่าแฮะ คือดูแล้วรู้สึกว่าหนังมันสนุกแบบทำให้เราลุ้นได้ทั้งเรื่องโดยไม่มีจุดน่าเบื่อมากกว่า Kingsman ครับ

ป.ล. ก่อนไปเพื่อนที่ไปด้วยบอกว่าหนังอะไรวะ ไม่รู้จะ ถ้าไม่ตลกจะเหยียบหน้านะเว้ย แล้วแม่งก็ขำหนักกว่าผมอีก