ปัญหาในมุมของ Support กับมุมของลูกค้า #บทเรียนที่ 2

ต่อจากentry เมื่อวาน วันนี้ผมกลับมานั่ง review สิ่งที่ผมทำ นั่งคุยกับ backend/data team แล้วรู้สึกตะหงิดๆ เลยลอง replicate ปัญหาใหม่แล้วมานั่งไล่ log ที่มองข้ามไปดูอีกที

เมื่อผมลองไล่ log การคุยกันระหว่าง server ของผมกับ backend ดีๆ แล้ว ผมพบว่าปัญหาเรื่อง backend มันส่ง data มาช้าหรือไม่ส่งมานั้นจริงๆ มันมีจำนวนน้อยมาก ไอ้ที่เยอะจริงๆ คือ server ของผมเองต่างหากที่ขอ request ขึ้นไปผิดเองก็เลยไม่มี data ส่งลงไปให้ลูกค้า …. (ปัญหานี้แก้ไขแล้วใน version ล่าสุด – ลูกค้าใช้ version เก่ากว่า 1 ver)

เรื่องนี้ก็ให้บทเรียนผมอีกครั้งนึงว่าให้ดูของตัวเองให้ดีๆ ก่อนที่จะไปโทษคนอื่น ผมนี่ยอมรับเลยว่าพอเจอเรื่อง backend ส่ง data ช้า/ไม่ส่งไปทีสองทีผมก็ปักใจเชื่อเลยว่ามันต้องเป็นปัญหา backend 100% แน่นอน ลืมที่จะดูตัวเองก่อนเลย

ป.ล. 1 ผมเคยได้บทเรียนนี้มาแล้วเมื่อสัก 4 ปีก่อน แล้วก็พลาดเองที่ลืมไปแล้ว
ป.ล. 2 แนะนำให้อ่าน The First Rule of Programming: It’s Always Your Fault ครับ เพื่อความกระจ่างในเรื่องนี้มากขึ้น

ข้อคิดจากชีวิตการทำงาน 10 ปี

เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา เป็นวันครบรอบชีวิตการทำงานปีที่ 10 ของผมพอดี นั่งนึกย้อนไปว่าตัวเองทำงานมา 10 ปีแล้ว (แม่มแก่จริงๆ) นึกถึงเพื่อนๆ ที่รู้จักกันที่ทำงานแรก ที่ทำงานที่ 2 และที่ทำงานปัจจุบัน

ในโอกาสนี้เลยอยากจะแชร์สิ่งที่ผมได้จากชีวิตการทำงาน 10 ปีของผม ถือว่าเป็นข้อคิดจากรุ่นพี่ถึงน้องที่เพิ่งจบหรือทำงานปีแรกก็ได้ เพราะคนที่ทำงานมาสัก 2 – 3 ปีคงซึ้งไอ้พวกนี้ดีอยู่แล้ว

  1. วิธีการขึ้นเงินเดือนที่เร็วที่สุดคือการย้ายงาน ไม่ใช่ขึ้นตำแหน่งในบริษัทเดิม
  2. ครอบครัวคือสิ่งที่สำคัญที่สุด บริษัทไม่รักคุณเท่าครอบครัวของคุณหรอก
  3. อย่าทำงานจนละเลยสุขภาพของตัวเอง
  4. ไอ้คนที่พูดแต่เรื่องให้คุณเสียสละทุกอย่าง ถวายตัวกับงาน office คือบ้าน ต้องกลับดึก ฯลฯ , พูดเรื่อง company loyalty/spirit/team work ซ้ำไปซ้ำมา คือคนที่หลอกใช้คุณเพื่อความเจริญของเขาเอง
  5. คนที่เจริญได้เพราะนำเสนอ+ทำ powerpoint+สรุปงานเก่ง แต่ทำงานไม่ได้เรื่องเหี้ยอะไรเลยมีอยู่จริง คุณเหนือกว่าพวกเค้าได้ด้วยการทำงานให้เก่งด้วย+present ตัวเองเก่งด้วย
  6. ควรเก็บออมเงินตั้งแต่ปีแรกของการทำงาน เพราะปีแรกของการทำงานคุณจะสนุกกับการใช้เงินจนลืมเก็บตังค์
  7. ผมเคยทำงานแบบถวายหัวชนิดทิ้งทุกอย่าง ทิ้งบ้านทิ้งครอบครัว ทิ้งเพื่อนฝูง เพื่องาน เพื่อลูกค้า เพื่อบริษัท สุดท้ายผมก็ได้เรียนรู้ว่าผลตอบแทนที่ได้รับไม่ว่าจะเป็นเงิน ลมปาก เหล้า-เบียร์ฟรี ข้าวฟรี มันชดเชยสิ่งที่ผมเสียไปไม่ได้เลย
  8. ตอนคุณไปคุยเรื่องขอลาออก ถ้าเค้า offer ตำแหน่งให้ถ้าคุณอยู่ต่อ นั่นเป็นเรื่องโกหก 100% คุณอยู่ต่อคุณก็ไม่ได้ขึ้นตำแหน่งหรอก
  9. ความสามารถในการขวนขวายหาความรู้ด้วยตัวเองและกล้าที่จะลองผิดลองถูก จะช่วยให้คุณไปได้ไกลกว่าไอ้พวกงอมืองอเท้ารอคนอื่นมาสอน
  10. เพื่อนร่วมงานมีทั้ง “เพื่อน” และ “คนรู้จัก” อย่าไปขาดหวังว่าทุกคนจะเป็นเพื่อนที่จริงใจกับคุณ
  11. จงพยายามเรียนรู้สิ่งต่างๆ นอกเหนือจากอะไรที่เกี่ยวกับงานที่คุณทำอยู่เสมอ หลายๆ อย่างที่คุณไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวกับงาน มันสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับงานได้
  12. ภาษาอังกฤษสำคัญมาก
  13. จงใช้วันลาพักร้อนให้เต็มที่ อย่าเกรงใจ มันเป็นสิทธิ์ของคุณ
  14. Meeting Kills productivity ประชุมออกมางานแม่มก็ต้องเสร็จอีก สัด
  15. ความอดทน ใจเย็น สำคัญมาก จงหัดทำหน้ายิ้มแต่ด่าไอ้เห้ในใจไว้

ตาโตกว่าท้อง

ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่าน ผมมีเหตุทำให้กินข้าวผิดเวลาไปมาก แล้วต้องรีบกินในเวลาที่จำกัดอยู่บ่อยๆ

แน่นอนว่าด้วยความที่หิวมาก เลยสั่งแบบเยอะๆ เพื่อที่จะพบว่าตัวเองอิ่มตั้งแต่จานแรกและกินไม่หมด ไม่ก็หมดแต่จุกมากกกกก เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่หิวจนสั่งอาหารญี่ปุ่นมา 2 จานแล้วกินไม่หมด เมื่อวานก็หิวจนสั่งก๋วยเตี๋ยวมากินกับส้มตำแล้วหมดแต่จุกมาก

วันนี้ผมไป meet แอนด์กรี๊ดกับชาวบ้านท่าแซะมา ผมตามมาที่หลังสุด เหลือเวลาอีก 15 นาทีครัวจะปิดและนั่งได้อีก 45 นาที ด้วยความหิวมากก (มาถึง 3 ทุ่ม 15) ผมเลยสั่งรัวๆ มาเยอะมาก เพราะหิวจริงๆ

สุดท้ายแค่ 2 – 3 ชามแรกผมก็เริ่มอิ่ม T^T …. พร้อมกับพายุอาหารที่ผมสั่งจำนวนมหาศาลที่ทยอยมาเรื่อยๆ T^T โชคดีที่เพื่อนๆ ช่วยกันกินและเค้าไม่คิดไอ้ที่กินไม่หมด T^T

ข้อสรุปของสามวันนี้คือ ผมต้องทรมานกับการกิน เสียตังค์แพงโดยใช้เหตุ และกินไม่หมดเสียดายของสุดๆ

ทางแก้เท่าที่คิดได้คือต้องพยายามกินให้ตรงเวลา และถ้ากินไม่ตรงเวลาจริงๆ ก็ต้องกินเท่าปริมาณปกติของตัวเอง อย่ากินเยอะกว่าปกติเด็ดขาด T^T

หวังว่าจะทำได้นะ