Workspace Diary #1

ผมชอบ blog series Desk Diary ของ Danny Choo รวมถึงเวบที่แสดงโต๊ะทำงานสวยๆ พวก Minimaldesks มาก คือเห็นแล้วมันโล่งดี อยากจัดให้โล่งแบบนี้แล้วส่งรูปไปบ้าง ก็เลยลองถ่ายรูปโต๊ะทำงานของที่บ้านกับที่ทำงานดูครับ

จริงๆ แล้วทั้ง 2 รูปนี้ค่อนข้างจะเก่าแล้ว เพราะรูปที่บ้านเป็นรูปเดือนพฤษภาคม ส่วนรูปที่ทำงานเป็นรูปเดือนกรกฎาคม เปรียบเทียบกันตรงๆ ไม่ได้ แถมยังถ่ายเจาะแค่บางส่วนส่วนเพื่อซ่อนความรกไว้อีก แต่ก็ขอบันทึกไว้ก่อนละกัน

รูปแรก โต๊ะทำงานของผมในเดือนกรกฎาคม ของจริงรกกว่านี้เยอะ ผมเองก็เพิ่งจะมาใช้ 2 จอได้ไม่นาน แต่ก่อนจะใช้แต่จอแยกกับ keyboard แยกตลอด พอมาใช้ 2 จอแบบ extended ก็เลยยก keyboard ไปวางไว้ข้างๆ แทน ส่วน OS ในรูปยังเป็น Windows XP ส่วนปัจจุบันเป็น Windows 7 แล้วครับ

ถัดมา โต๊ะคอมของผมในเดือนพฤษภาคม จอเป็น Dell UltraSharp U2312HM ส่วนลำโพงก็เพิ่งเปลี่ยนเป็น Creative Inspire S2 แทนตัวเก่งที่ port analog มันเจ๊งกระบ๊งไป นอกนั้นก็เหมือนเดิมครับ ตัวโต๊ะพยายามจะจัดให้ไม่มีอะไร ที่รกจริงๆ คือไอ้ที่อยู่ในลิ้นชักมากกว่า OS ที่เห็นเป็น Linux Mint 14 ใน VMWare Player ส่วน OS จริงๆ เป็น Windows 8

ไว้จะมา update เรื่อยๆ ว่าผมเปลี่ยนการจัดโต๊ะทำงานเป็นแบบไหนบ้าง หรือผมเปลี่ยนอุปกรณ์อะไรไปบ้าง

คนใจดำ

วันนี้นั่งรถเมล์กลับบ้าน ระหว่างทางมีป้าคนนึงที่นั่งอยู่ข้างๆ ที่ผมยืนอยู่แกพยายามจะหันมาสบตา หันมายิ้มให้บ่อยๆ จนสักพักผมเลยยิ้มตอบกลับ

ป้า: (หน้าตายิ้มหวาน) ซื้อขนมยายหน่อยมั้ย นมอัดเม็ด 20 บาท
ผม: (ยิ้ม หัวเราะแหะๆ) อ่า ไม่อ่ะครับ
ป้า: (หน้าตายิ้มหวาน) ซื้อหน่อยนะ 20 เม็ด 20 บาทเอง
ผม: (ยิ้ม หัวเราะแหะๆ) อ่า ไม่อ่ะครับ
ป้า: (หน้าตายิ้มหวาน) ซื้อโค๊กมั้ย 2 ขวด 20 บาท (พอดีเห็น Big Cola อยู่ถุงที่แกถืออยู่)
ผม: (ยิ้ม หัวเราะแหะๆ) อ่า ไม่อ่ะครับ
ป้า: (หน้าตาบุญไม่รับ) คนใจดำ …..

แล้วป้า (หรือยายวะ) แกก็บ่นอะไรมุบมิบๆ ของแกไป แล้วก็พยายามสบตาคนนั้นคนนี้ในรถเมล์ต่อไป ….

ไอ้สัด ไมกูขำวะ

ข้อคิดจากชีวิตการทำงาน 10 ปี

เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา เป็นวันครบรอบชีวิตการทำงานปีที่ 10 ของผมพอดี นั่งนึกย้อนไปว่าตัวเองทำงานมา 10 ปีแล้ว (แม่มแก่จริงๆ) นึกถึงเพื่อนๆ ที่รู้จักกันที่ทำงานแรก ที่ทำงานที่ 2 และที่ทำงานปัจจุบัน

ในโอกาสนี้เลยอยากจะแชร์สิ่งที่ผมได้จากชีวิตการทำงาน 10 ปีของผม ถือว่าเป็นข้อคิดจากรุ่นพี่ถึงน้องที่เพิ่งจบหรือทำงานปีแรกก็ได้ เพราะคนที่ทำงานมาสัก 2 – 3 ปีคงซึ้งไอ้พวกนี้ดีอยู่แล้ว

  1. วิธีการขึ้นเงินเดือนที่เร็วที่สุดคือการย้ายงาน ไม่ใช่ขึ้นตำแหน่งในบริษัทเดิม
  2. ครอบครัวคือสิ่งที่สำคัญที่สุด บริษัทไม่รักคุณเท่าครอบครัวของคุณหรอก
  3. อย่าทำงานจนละเลยสุขภาพของตัวเอง
  4. ไอ้คนที่พูดแต่เรื่องให้คุณเสียสละทุกอย่าง ถวายตัวกับงาน office คือบ้าน ต้องกลับดึก ฯลฯ , พูดเรื่อง company loyalty/spirit/team work ซ้ำไปซ้ำมา คือคนที่หลอกใช้คุณเพื่อความเจริญของเขาเอง
  5. คนที่เจริญได้เพราะนำเสนอ+ทำ powerpoint+สรุปงานเก่ง แต่ทำงานไม่ได้เรื่องเหี้ยอะไรเลยมีอยู่จริง คุณเหนือกว่าพวกเค้าได้ด้วยการทำงานให้เก่งด้วย+present ตัวเองเก่งด้วย
  6. ควรเก็บออมเงินตั้งแต่ปีแรกของการทำงาน เพราะปีแรกของการทำงานคุณจะสนุกกับการใช้เงินจนลืมเก็บตังค์
  7. ผมเคยทำงานแบบถวายหัวชนิดทิ้งทุกอย่าง ทิ้งบ้านทิ้งครอบครัว ทิ้งเพื่อนฝูง เพื่องาน เพื่อลูกค้า เพื่อบริษัท สุดท้ายผมก็ได้เรียนรู้ว่าผลตอบแทนที่ได้รับไม่ว่าจะเป็นเงิน ลมปาก เหล้า-เบียร์ฟรี ข้าวฟรี มันชดเชยสิ่งที่ผมเสียไปไม่ได้เลย
  8. ตอนคุณไปคุยเรื่องขอลาออก ถ้าเค้า offer ตำแหน่งให้ถ้าคุณอยู่ต่อ นั่นเป็นเรื่องโกหก 100% คุณอยู่ต่อคุณก็ไม่ได้ขึ้นตำแหน่งหรอก
  9. ความสามารถในการขวนขวายหาความรู้ด้วยตัวเองและกล้าที่จะลองผิดลองถูก จะช่วยให้คุณไปได้ไกลกว่าไอ้พวกงอมืองอเท้ารอคนอื่นมาสอน
  10. เพื่อนร่วมงานมีทั้ง “เพื่อน” และ “คนรู้จัก” อย่าไปขาดหวังว่าทุกคนจะเป็นเพื่อนที่จริงใจกับคุณ
  11. จงพยายามเรียนรู้สิ่งต่างๆ นอกเหนือจากอะไรที่เกี่ยวกับงานที่คุณทำอยู่เสมอ หลายๆ อย่างที่คุณไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวกับงาน มันสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับงานได้
  12. ภาษาอังกฤษสำคัญมาก
  13. จงใช้วันลาพักร้อนให้เต็มที่ อย่าเกรงใจ มันเป็นสิทธิ์ของคุณ
  14. Meeting Kills productivity ประชุมออกมางานแม่มก็ต้องเสร็จอีก สัด
  15. ความอดทน ใจเย็น สำคัญมาก จงหัดทำหน้ายิ้มแต่ด่าไอ้เห้ในใจไว้