Dune

Dune (หรือ Dune: Part One) เป็นหนังมหากาพย์ Sci-fi ที่สร้างจากนิยาย Sci-fi เรื่อง Dune (ราชันย์พิภพทะเลทราย) ของ Frank Herbert ซึ่งถือเป็นนิยาย Sci-fi ที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับ Pop Culture สายวิทยาศาสตร์มากที่สุดเรื่องหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น Star Wars Star Trek หรือแม้กระทั่งเกมที่วางรากฐานให้แนว RTS ทั้งหมดครับ

นอกจากนี้นิยายเรื่อง Dune ยังได้รับการจัดว่าเป็นหนึ่งในนิยายที่ดัดแปลงเป็นหนังยากสุดเรื่องหนึ่งด้วย มี 1984 ของ David Lynch ที่เจ๊งยับ โดนด่าว่าไม่ตรงนิยาย แต่ก็กลายเป็นหนัง Cult ไปในที่สุด หลังจากนั้นก็มีความพยายามจะสร้างหนังเรื่องนี้หลายรอบมากครับ เปลี่ยนมือทีม เปลี่ยนมือคนได้ลิขสิทธิ์ไปหลายรอบจนกระทั่งมาลงตัวที่ Legendary Pictures และกำกับโดย Denis Villeneuve ครับ


ภาพประกอบจาก Twitter @dunemovie

Dune เล่าเรื่องราวในอนาคต 1 หมื่นปีข้างหน้าเมื่อมนุษย์ขยายออกไปสร้างอาณานิคมในดาวต่างๆ แต่ยุคนั้นไม่ใช่อนาคตแบบที่เราคุ้นเคยครับเพราะเป็นโลกที่ไม่มี computer ไม่มีปัญญาประดิษฐ์ ไม่มี AI ใดๆ เลย แต่เป็นอนาคตที่วิทยาการเจริญก้าวหน้าด้วยการดัดแปลงพันธุกรรม+ใช้ยาจนกระทั่งมีพลังจิตและคิดคำนวนได้ไวเท่า computer ส่วนสังคมก็เป็นยุคศักดินาที่ปกครองด้วยศาสนาและการเมืองแทน สินค้าที่มีค่าที่สุดในจักรวาลคือสารที่เรียกว่า สไปซ์ (Spice) ซึ่งช่วยเพิ่มพลังของจิตใจซึ่งเป็นรากฐานของการเดินทางในอวกาศ, พลังจิตและความสามารถในการคำนวนต่างๆ ครับ(เรียกได้ว่าเสพยาจนมีพลังจิตอ่ะ ฮ่าๆๆ)

เรื่องของ Dune: Part One เริ่มขึ้นเมื่อตระกูล Atreides ได้รับพระบัญชาจากจักรพรรดิ Shaddam Corrino IV ให้ไปปกครองดาวทะเลทราย Arrakis แทนตระกูล Harkonnen ที่เป็นอริของตระกูล Atreides มานับพันปี ความสำคัญของดาว Arrakis คือมันเป็นดาวดวงเดียวในจักรวาลที่ผลิต Spice ได้ แถมยังเต็มไปด้วยภัยอันตรายจากสภาพแวดล้อมของดาวเองไม่ว่าจะเป็นทะเลทราย กลุ่มชาวพื้นเมือง Fremen ที่ต่อต้านผู้ปกครองจากดาวอื่นและท้ายที่สุดคือเจ้า หนอนทรายยักษ์ที่พร้อมจะกลืนกินทุกอย่างในดาวดวงนั้นครับ เรียกได้ว่าการที่ตระกูล Atreides ได้ปกครองดาวนี้ไม่ใช่ของขวัญแต่อย่างใด

ออกตัวก่อนว่าผมไม่เคยอ่านนิยายเรื่อง Dune หรือเคยเล่น Dune II แต่อย่างใด (เคยเล่น Dune 2000 ฉากสองฉากเอง) แต่พอจะรู้ Legacy ของนิยายเรื่องนี้เป็นอย่างดีจากเพื่อนๆ ที่เคยอ่านมาว่าจักรวาลมันล้ำลึกและซับซ้อนมาก ตัวละครยุบยับไปหมด และรู้อยู่แล้วด้วยว่ามันคือเนื้อเรื่องแค่ครึ่งเดียวของนิยายครับ

ผมไปดูหนังเรื่องนี้ในโรง IMAX เพราะหลายคนบอกว่าต้องดู IMAX เท่านั้นถึงจะเข้าใจความอลังการของงาน Production เรื่องนี้ซึ่งก็จริงตามเพื่อนว่า สุดยอดทั้งภาพและเสียง แสดงความอลังการ ความอันตรายของทะเลทรายได้เต็มตาสุดๆ เพลงประกอบของ Hans Zimmer ก็โคตรดี คุ้มค่า IMAX ครับ สังเกตุว่าหนังเรื่องแรกที่ผมดูหลังเปิดเมืองรอบที่แล้วก็ IMAX เหมือนกัน (ดู Akira)

หนังเรื่องนี้ผมสังเกตุว่าคนที่ไปดูนี่แบ่งระหว่างคนที่ชอบกับไม่ชอบได้แบบครึ่งๆ เลย ผมอยู่ฝั่งที่ดูแล้วชอบครับ คือชอบ World Setting ยุคกลาง-อวกาศที่ไม่เหมือนใครของมันดี (เครื่องบินในเรื่องเท่โคตร) ฉากต่อสู้แปลกใหม่เพราะยุคนั้นมันมี Shield ส่วนตัวที่หยุดทุกการโจมตีที่เข้ามาด้วยความเร็วทั้งหมดได้ (กันการยิงได้ทุกอย่าง) มันก็เลยเป็นต้องต่อสู้ระยะประชิดเน้นเชือดแบบเน้นๆ แทน (เพราะจ้วงแทงกันสุดแรงก็ไม่เข้าอยู่ดี) พลังจิตในของพวก Bene Gesserit ก็สมกับที่เป็นต้นแบบของ Jedi ดีครับ เป็นหนังที่ดูแล้วรู้สึกคุ้นๆ ไปหมดเพราะเรื่องนี้มันเป็นบรรพบุรุษให้หนัง Sci-fi ที่ผมชอบมากเกือบทุกเรื่องนั่นแหละ

เรื่องความช้าในการเดินเรื่องของมันผมก็โอเคนะ คือมันปูพื้นจักรวาล, การเมืองระหว่างตระกูล เผ่าและนิกายต่างๆ มากมายไปค่อนเรื่อง ซึ่งอันนี้ผมก็เตรียมใจไว้อยู่แล้ว คือมันช้าเนิบสุดๆ จริงแหละ แต่ว่าฝีมือผู้กำกับ Denis Villeneuve, นักแสดงและงาน Production และการหักเหลี่ยมในเรื่องมันดึงให้ผมอยู่กับความช้าของมันได้ (อารมณ์แบบตอนดู The Godfather หรือ The Irishman หรือแม้กระทั่ง Game of Thrones season แรกๆ อ่ะ) แต่ถ้าชอบอะไรตูมตามๆ ยิงกันเยอะๆ การเมืองน้อยๆ แบบ Star Wars มาดู Dune แล้วจะไม่ชอบก็เข้าใจได้ครับ

สำหรับผมแล้วถ้าใครเป็นแฟนนิยายอยู่แล้วคงห้ามพลาดอยู่แล้วล่ะ (แต่ดูแล้วชอบไม่ชอบอีกเรื่องนะ) ส่วนใครชอบหนัง Sci-fi แบบ hard core ที่อิงการเมือง-ศาสนาจัดๆ ก็แนะนำเลยครับ

อ้อ หนังมีภาคต่อนะ

One thought on “Dune

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.