Rurouni Kenshin: Kyoto Inferno and The Legend Ends

Rurouni Kenshin: Kyoto Inferno (Netflix) และ Rurouni Kenshin: The Legend Ends (Netflix) เป็นหนังที่สานต่อความสำเร็จของ Rurouni Kenshin: Origins ที่ดัดแปลงจากมังงะซามูไรเพนจร ในภาคเกียวโต (Kyoto Arc) โดยตัวหนังแบ่งเป็น 2 ภาคซึ่งผมจะขอเรียกว่าภาค 2.1 และ 2.2 และรีวิวรวบเลยล่ะกัน

ภาพประกอบจาก imdb

ภาพประกอบจาก imdb

Rurouni Kenshin ภาค 2.1 และ 2.2 เล่าถึงฮิมุระ เคนชิน อดีตมือสังหารของคณะปฏิวัติเจ้าของฉายา “มือพิฆาตบัตโตไซ” ผู้วางดาบและใช้ชีวิตอยู่กับคามิยะ คาโอรุเจ้าสำนักดาบสาว (สวยมาก) และผองเพื่อน ทุกอย่างดูปกติดีจนกระทั่งอดีตที่ชื่อ ชิชิโอ มาโคโตะ มือสังหารรุ่นน้องที่ควรจะตายไปแล้วกลับมาพร้อมกับแผนการยึดคลองญี่ปุ่นครับ เคนชินจึงต้องออกเดินทางไปเกียวโตเพื่อจัดการกับชิชิโอก่อนที่ชิชิโอจะทำลายญี่ปุ่นและคนที่เขารักไปมากกว่านี้ ขณะเดียวกับหัวหน้ากลุ่มนินจากอย่างชิโนโมริ อาโอชิก็ตามล่าเขาเช่นกัน

ตัวอย่างภาค Kyoto Inferno

ตัวอย่างภาค The Legend Ends

ทั้งสองภาคนี้ยังคงจุดเด่นของภาคแรกในเรื่องการดัดแปลงมังงะออกมาให้คนที่ไม่อ่านมาก่อนดูเข้าใจและจุดแข็งด้าน Choreography ฉากต่อสู้ก็ทำได้ดียิ่งกว่าเดิมเสียอีก ดุเดือดขึ้น เร็วขึ้น หลากหลายมากขึ้นและตีความวิธีการต่อสู้ของตัวละครใหม่ๆ (เช่น เซตะ โซจิโร่, อาโอชิหรือกระทั่งชิชิโอเอง) ได้ดี ที่ชอบที่สุดคือฉากต่อสู้กับชิชิโอที่ทำออกมาได้ดีมาก ดูสนุกสะใจกว่าตอนอ่านมังงะอีก รู้สึกถึงความแข็งแกร่งของชิชิโอได้เต็มๆ เลย ผมยกให้เทียบเท่า Boss Fight หนัง action อย่าง SPL, The Raid เลยครับ

เรื่อง Casting ก็ยังทำได้ดี นักแสดงที่เข้ามาสมทบเล่นได้เหมือนตัวละครหลุดมาจากมังงะเป๊ะๆ โดยเฉพาะ Tatsuya Fujiwara ที่เล่นบทชิชิโอได้ดีมาก นอกจากนี้ยังเพิ่มเรื่องราวการเมืองเข้ามาเพิ่มเติมจนทำให้เรื่องเข้มข้นขึ้นทั้งสองภาคเลย

ปัญหาหลักของภาคนี้คือตัวเนื้อหาในมังงะจริงๆ มันยาวมาก ตัวละครก็มีความสัมพันธ์โยงกันไปหมดจนถ้าสร้างตามแป๊ะๆ เนี่ยน่าจะกินไปได้ 3-4 ภาคเลย หนังก็เลยตัดอะไรออกไปเยอะมากที่ทำให้แฟนๆ มังงะขัดใจแน่นอนอย่างฉากต่อสู้กับเหล่าเหล่าจุปปงกาตานะที่หายไปเยอะมากกกก (แลกมาด้วยฉากสู้ชิชิโอเยอะขึ้นอ่ะนะ) เรื่องที่อันจิสอนวิชาให้ซาโนสุเกะก็หาย Background Story ของเซตะก็หาย รวมถึงการที่หนังภาคแรกตัดอาโอชิออกแต่ต้องใส่มาในภาคนี้แบบเหมือนยัดเข้ามาแบบงงๆ กลายเป็นหนังเพิ่มตัวละครเข้ามาเพียบทั้งสองภาค แต่ก็เกลี่ยไม่ดีเกือบทั้งหมด ทำให้คนดูที่ไม่ได้อ่านมังงะมาก่อนดูแล้วยังรู้สึกแหม่งๆ เลยครับ

ถึงตัวหนังทั้งสองภาคนี้จะตะกุกตะกักกว่าภาคแรก (เข้าใจว่าเกิดจากข้อจำกัดเรื่องความยาวของ Arc เองเป็นส่วนใหญ่) แต่มันก็ยังเป็นหนังที่ดัดแปลงจากมังงะได้ดี ดูสนุก Choreography กับ Stunt โคตรเจ๋งอยู่ดี ถึงจะไม่ดูเพลินเท่าภาคแรกก็ตาม (ซึ่งก็เกิดจาก Arc แรกที่เนื้อหาและตัวละครน้อยอีกแหละ)

รอดูภาค 3.1 กับ 3.2 ครับ น่าจะไม่มีปัญหาตัวละครถูกยัดมาแล้วเพราะตัวหลักๆ โผล่มาครบทั้งภาคสองภาคนี้ล่ะ