Akira

Akira เป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นแนว post-apocalyptic Cyberpunk ฉายตั้งแต่ปี 1988 หนังเรื่องนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหลักไมล์สำคัญของวงการอนิเมชั่นญี่ปุ่นเพราะจุดกระแสความนิยมอนิเมชั่นญี่ปุ่นในอเมริกาและประเทศต่างๆ ทั่วโลกรวมถึงเป็นแรงบันดาลใจให้กับ Pop Culture สาย Sci-fi (โดยเฉพาะแนว Cyberpunk) ระดับขึ้นหิ้งต่อมามากมายไม่ว่าจะเป็น Ghost in the Shell, The Matrix หรือแม้กระทั่งเกม Final Fantasy VII

ในบ้านเราเรื่องนี้ก็เคยฉายในไทยเมื่อปี 2533 ซึ่งแม้จะไม่ได้ประสบความสำเร็จด้านรายได้นักแต่ก็ถือว่าสร้างความฮือฮาในแง่เป็นอนิเมชั่นหนังใหญ่ที่มีความรุนแรง (ช่วงนั้นอนิเมชันหนังใหญ่ที่ฉายกันมีแต่โดราเอมอน), นำเสนอโลก Dystopia รวมถึงเนื้อเรื่องที่แม่งไม่มีใครเข้าใจเลย

ปีนี้ Akira ได้รับการ remasterd ระดับ 4K เพื่อฉายในระบบ IMAX โดยเฉพาะ และนี่คือหนังเรื่องแรกที่ผมดูในโรงหลังจากโรงภาพยนตร์ในไทยปิดไปนานจากพิษโควิดครับ (น่าจะเรื่องแรกในรอบ 3 เดือน)


ภาพจาก imdb

จริงๆ แล้วภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจาก มังงะ Akira หนังเล่าถึงปี 2019 เมือง Neo Tokyo ซึ่งถูกสร้างใหม่หลังความเสียหายจากสงครามโลกครั้งที่ 3 กำลังเสื่อมโทรมสุดขีด รัฐบาลล่มสลาย มีการประท้วงต่อต้านรัฐบาลเกิดขึ้นตลอดเวลา ทั้งๆ ที่จะได้จัดโอลิมปิคในปี 2020 แท้ๆ ท่ามกลางความฉิบหายเหล่านี้ คาเนดะและเท็ตซึโอะ สองนักเลงเจ้าถนนที่ใช้ชีวิตวัยรุ่นขับรถซิ่ง หลีสาว ตีกับแกงค์อื่นไปวันๆ ดันดวงซวยไปเกี่ยวพันกับโครงการลับของรัฐบาลซึ่งเปลี่ยนชีวิตพวกเขาและประเทศญี่ปุ่นเองไปตลอดกาล

ผมเคยดู Akira สมัยเด็กๆ เคยอ่านมังงะด้วย แต่จำเนื้อเรื่องไม่ค่อยได้แล้ว จำได้แค่มีพลังจิตกับดู/อ่านแล้วงงโคตรๆ ตัวหนังได้รับการ remastered ทั้งภาพและเสียงสำหรับบน IMAX ด้านภาพยังเห็นชัดเจนว่าเป็นงานสมัยเก่าแต่ก็ถือว่าโอเค ดูแล้วไม่ติดขัดอะไรนัก ที่ยอดเยี่ยมสุดๆ คือด้านเสียงครับ เสียงในเรื่องละเอียดสุดๆ แยกมิติดีมาก เนี๊ยบกว่าหนังสมัยนี้อีก เพลงประกอบก็ดีมากกก ยิ่งฟังในระบบเสียง IMAX แล้วต้องบอกว่าล้ำหน้าและมาก่อนกาลจริงๆ ครับ

ดูรอบนี้ส่วนตัวคิดว่าดูแล้วก็ยังงแหละแต่ว่าน่าจะน้อยกว่าสมัยเด็กๆ เพราะว่ามันมี background story มี lore เยอะมากๆ แต่ว่าตัวเรื่องมันมาเล่าเอาประมาณท้ายๆ เรื่องแล้วก็ปล่อยให้คนดูปะติดปะต่อเองแบบไม่มีบอกอะไรแม้แต่น้อย จริงๆ บอกว่าเฉลยมั้ยก็ไม่ได้เฉลยเป็นชิ้นเป็นอันอะไร (มีคนบอกว่าอนิเมมันแค่เนื้อเรื่องครึ่งหนึ่งของมังงะแล้วตัดจบเลย) ยิ่งโดยเฉพาะประเด็นปมระหว่างเท็ตซึโอะกับคาเนดะที่หนังไม่ได้ปูพื้นอะไรนอกจากเล่าในเรื่องว่าเท็ตซึโอะนั้นได้รับความช่วยเหลือจากคาเนดะตั้งแต่เล็กและตอนนี้อิจฉาคาเนดะอยู่ แต่ก็ไม่ได้มีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้เราเข้าใจได้ว่าทำไมเท็ตซึโอะถึงกลายเป็นแบบนั้น ส่วนตัวผมมองว่าในแง่การเล่าเรื่อง Akira นี่มีปัญหามาตั้งแต่สมัยโน้นล่ะครับ แต่พอมาดูตอนนี้ได้เสพงานที่เล่าเรื่องสไตล์เดียวกัน (ซึ่งล้วนได้รับอิทธิพลจาก Akira) มาพอประมาณก็เลยทำให้พอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ แต่ก็ไม่ได้เข้าใจทั้งหมดอยู่ดี

ผมรู้สึกว่าตัวหนังเล่าประเด็น Classic อย่างเรื่อง “ผลไม้ต้องห้าม” (คืออากิระ) ที่มนุษย์ชอบเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือตัวแปรที่ไม่มีวันควบคุมได้อย่างปัจเจกบุคคลที่ทำให้เกิดความยุ่งเหยิงจนคาดไม่ถึง เพียงแต่วิธีการเล่าแนะนำเสนอนั้นฉูดฉาดมีสไตล์มาก ไม่รู้สึกว่าตัวหนังเล่าประเด็นที่เก่าเลย

จุดที่น่าสนใจของการดูรอบนี้มันเป็นหนังที่เล่าถึงอนาคตปี 2019 ในมุมมองของคนในอดีต (มังงะเขียนปี 1982) ซึ่งพอมาดูวันนี้อนาคตนั้นกลายเป็นอดีตไปแล้ว (ฮาาา) มันเลยมีแง่มุมที่น่าสนใจว่าคนสมัยนั้นมองโลกยังไง ในด้านหนึ่งต้องบอกว่า Akira ทำนายอนาคตได้เป๊ะมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสภาพสังคม สภาพเศรษฐกิจและการเมืองที่ในโลกจริงมันก็ไม่ได้ต่างจากในอนิเมชั่นสักเท่าไหร่เลย หรือว่าจะเรื่องที่ฮา (และฮาไม่ออก) อย่างนีโอโตเกียวจะได้จัด Olympic 2020 งี้ ซึ่งในหนังสุดท้ายก็จัดไม่ได้เหมือนเหตุการณ์จริงปีนี้อยู่ดี ส่วนในด้านวิทยาการนอกจากมือถือ/คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี Internet ที่ของจริงล้ำไปเกินจินตนาการแล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่ามียานพาหนะเท่ๆ แบบในหนังเท่าไหร่

ระหว่างที่ผมเขียน Review นี้ตัวหนังออกจากโรงไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเลยไม่รู้ว่าจะบอกว่าห้ามพลาดไปทำไมและไม่รู้ว่ามันจะลงแผ่นหรือ Streaming เจ้าไหนรึเปล่า แต่การได้มาดู Akira อีกรอบในปี 2020 ก็ทำให้ผมมีความสุขกับหนังอนิเมชั่นระดับ Classic ที่เป็นรากฐานของ Pop Culture มังงะที่ผมเติบโตมา แถมยังภาพสวย เพลงและดนตรีประกอบโคตรเนี้ยบ ก็ถือว่าคุ้มค่า IMAX อยู่ครับ

ป.ล. ไม่ได้ดู IMAX นานมาก ตอนนี้มีโฆษณา 30 กว่านาทีแล้วเหรอ!!! แต่ก่อนมีแค่ 10 นาทีเอง T^T

3 thoughts on “Akira

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.