Red Dead Redemption 2

Red Dead Redemption 2 (wiki) เป็นเกมแรกที่ผมเล่นจบในปีนี้ จริงๆ ผมเล่นมันตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมปีที่แล้ว แต่เพิ่งมาจบเอาตอนช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมานี้เอง เรียกได้ว่าใช้เวลาเล่นไป 4 เดือนกว่าๆ เลยทีเดียว



Red Dead Redemption 2 เป็นภาคก่อนหน้า Red Dead Redemption ซึ่งเป็นเกมโคตรดังของ console เจนที่แล้วแต่ผมไม่เคยเล่น (เลยต้องไปดูเนื้อเรื่อง Recap ก่อนเล่นภาค 2 มาพอสมควร) เรื่องราวของ Red Dead Redemption 2 เกิดในปี 1899 (3 ปีก่อนภาคแรก) เราเล่นรับบทเป็น Arthur Morgan มือขวาของแกงค์ Dutch van der Linde ที่เพิ่งหนีคดีกันยกแกงค์จากการปล้นที่ผิดพลาดในเมือง Blackwater พวกเขาตั้งใจจะตั้งต้นชีวิตนอกกฏหมายแต่มีคุณธรรมของพวกเขาใหม่ด้วยการหาเงินตามแผนของ Dutch ที่แม่งงอกมาได้เรื่อยๆ ตลอดเกม (จนคุณเกลียดประโยค “I have a plan”) แต่เราก็รู้ว่าวงการนี้เข้าแล้วไม่ได้ออกง่ายๆ ซึ่งเราจะได้รับรู้ทุกอย่างผ่านมุมมองของ Arthur ครับ

เกมนี้เป็นเกมแนว Open World สไตล์ GTA (ก็ค่ายเดียวกัน) ที่ให้อิสระเราจะทำอะไรก็ได้, จะทำ Quest อันไหนก่อนหลังหรือไม่ทำแม่งเลยก็ได้, จะไปไหนก็ได้ถ้าทางมันไปได้และเราไม่ตายเสียก่อน, มีสัตว์ให้ล่าเยอะมาก, จะไล่ปล้นไล่ฆ่าคนก็ได้ เราทำได้หมดครับ เกมมีอะไรให้ทำให้เถลไถลได้เยอะมากโดยไม่ได้แตะ Quest หลักเป็นเดือนยังได้เลย จุดขายอีกอย่างมันเป็นเกมที่สมจริงมากเพราะเราต้องกิน ต้องนอน ม้าก็ต้องให้อาหาร เล่นๆ ไปสักพักก็ต้องให้ตัวละครไปอาบน้ำหรือตัดผม (ไม่งั้นตัวเหม็น คนในเมืองรังเกียจอีก) เสื้อเลอะก็เปื้อน พอโดนฝนตกก็สะอาด ปืนใช้ๆ ไปก็ต้องทำความสะอาดคอยเช็ดถูมัน เรียกได้ว่าต่อให้อยู่เฉยๆ ก็มีอะไรให้ทำตลอดเวลาเลย ระบบยิงปืนก็ทำออกมาเล่นง่ายและก็สนุกมากด้วยครับ ตัว Engine ของเกมก็ลื่นไหลดีบน PS4 รุ่นปกติ ฉากเมืองใหญ่ๆ ไม่รู้สึกว่ากระตุกเลย ภาพก็สวยงามแสงเงาสมจริง (ก่อน Patch ล่าสุดนะ) สมกับเป็นเกมท้ายๆ gen ที่รีดประสิทธิภาพเครื่องออกมาได้สุดๆ ครับ

ที่ตลกก็คือเกมนี้เปิดกว้างให้เราเล่นเป็นคนดีหรือคนเลวแค่ไหนก็ได้ แต่เกมก็มีระบบ Honor (เกียรติยศ) ที่วัดการกระทำของเราซึ่งไม่มีผลกับเนื้อเรื่องหลักโดยตรงหรอก แต่จะมีผลกับบทพูดและ detail เล็กๆ น้อยๆ ในเรื่องเท่านั้น ส่วนอีกระบบคือ Law ซึ่งก็คือกฏหมายว่าถ้าเราทำผิดอะไรแล้วมีค่าหัวก็เตรียมตัวโดนล่าค่าหัวได้เลย ทางเลี่ยงคือจะทำเลวอะไรก็ต้องแอบๆ ทำ, หรือไปจ่ายค่าหัว (ซึ่งบางทีก็ไม่คุ้มหรอก) ซึ่งทั้งสองค่านี้มันบีบให้เราเล่นแนว “โจรที่มีเกียรติยศ” ซะส่วนใหญ่ คือปล้นเฉพาะคนรวยหรือคนเลว, ไม่ใช้กำลังโดยไม่จำเป็น, จะยิงหรือต่อยใครก็ต้องรอให้เขาซัดก่อนจะได้นับได้ว่าป้องกันตัว

สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดของเกมนี้คือเนื้อเรื่อง, บทสนทนาและปฏิสัมพันธ์ของตัวละครนั้น ครับ ทุกสิ่งทำให้เราอินกับเนื้อหาและตัวละครในเกมมากจนรู้สึกว่าแต่ละตัวละครคือคนจริงๆ ที่มีชีวิตและจิตใจของเตัวเอง ทุกตัวมีเรื่องราว Back story ที่น่าสนใจทั้งหมด โดยเฉพาะพ่อพระเอก Arthur Morgan ของเราที่เราจะผูกพันมากที่สุด ระหว่างที่เล่นไปเราจะเข้าใจถึงความนึกคิดและการกระทำของ Arthur ที่จะค่อยๆ ไปเปลี่ยนไปจากมือปืนผู้เลือดเย็นใน Chapter แรกไปเป็นสู่ทางที่เราเลือกใน Chapter สุดท้ายตามเนื้อเรื่องและเพลงประกอบที่ดราม่าบีบคั้นอารมณ์แบบสุดๆ ผมยกให้ Arthur เป็นตัวละครที่ผมรักมากที่สุดของเกมในปี 2018 เลย (ชอบมากกว่า Kratos ใน God of War อีก)

ข้อเสียหลักๆ ก็มันก็คือเนื้อเรื่องของเกมนั้นเป็นเส้นตรงแน่วเลยครับ ทุกการกระทำและการตัดสินใจของเรานั้นแทบจะไม่มีผลต่อเนื้อเรื่องหลักเลย อีกอย่างนึงคือมันจงใจสมจริงเกินเหตุไปทั้งเกมเลย ยกตัวอย่างเช่นเกมจะสื่อว่าตัวละครเรารู้สึกเบื่อขนาดไหนมันก็ให้เราทำเควสยกของไปมากดปุ่มซ้ำๆ อยู่ชั่วโมงเพื่อให้เรารู้สึกเบื่อจริงๆ (ซึ่งมีเควสอะไรแบบนี้เยอะมาก) ส่วนเนื้อเรื่องก็ดันมาอัดดราม่าเอา Chapter ท้ายๆ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าพี่เอ้อระเหยลอยชายกับมี Chapter ไร้สาระอยู่เรื่อยๆ มันก็เลยรู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันเร่งเกินไปหน่อย ถ้าเกลี่ยๆ ดีกว่านี้จะทำให้การเล่นลื่นไหลกว่านี้ครับ


เกลียดประโยคนี้โว๊ยยยยย

แม้จะมีข้อเสียที่ว่ามาข้างต้นแต่มันก็ลบล้างข้อดีมากมายของเกมนี้ไม่ได้ มันเป็นเกม Single Player ที่ทำให้เราผูกพันอยู่กับโลกของเกมและตัวละครได้จริงๆ รวมถึงมีอะไรให้ทำเยอะมากๆ แม้จะจบเกมไปแล้วครับ สำหรับผมแล้วเกมนี้เป็นเกมที่ดีมากๆ สมราคากับทุกรางวัลที่ได้เลย ระดับความดีงามนี่กินกันไม่ลงกับ God of War ปีที่แล้วจริงๆ ถือเป็นหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดในใจผมปีที่แล้วครับ